รู้จัก Tu Youyou คนจีนคนแรกที่ได้รางวัลโนเบล ผู้คิดค้นยารักษามาลาเรียจากตำรายาจีนโบราณ

รู้จัก Tu Youyou คนจีนคนแรกที่ได้รางวัลโนเบล ผู้คิดค้นยารักษามาลาเรียจากตำรายาจีนโบราณ

ย้อนหลับไปในยุคสมัยที่จีนกำลังวุ่นวายด้วยการปฏิวัติวัฒนธรรม นักวิทยาศาสตร์หญิงชื่อว่า Tu Youyou ได้เข้าร่วมภารกิจลับเพื่อค้นหาวิธีการรักษาโรคมาลาเรีย ซึ่งภารกิจนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตผู้คนนับล้านคน แต่ยังทำให้เธอได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์อีกด้วย   

จุดเริ่มต้นจาก ‘โปรเจกต์ 523’ ในภาวะสงคราม

เรื่องราวเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1967 เมื่อประธานเหมาเจ๋อตุง (Mao Zedong) จัดตั้ง โปรเจกต์ 523 ขึ้นมาอย่างลับๆ เป้าหมายคือช่วยเหลือทหารคอมมิวนิสต์ที่สู้รบในป่าซึ่งเต็มไปด้วยยุง ในเวลานั้นทหารเสียชีวิตจากโรคมาลาเรียมากกว่ากระสุนปืน และปัญหาก็เริ่มรุนแรงขึ้นเพราะยาที่ใช้รักษามาลาเรียเริ่มเอาไม่อยู่ เนื่องจากเชื้อเริ่มดื้อยา จึงต้องเร่งหายาใหม่อย่างเร็วที่สุด

Tu Youyou นักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมในโครงการนี้ เล่าว่าเราจำเป็นต้องมียารักษามาลาเรียรูปแบบใหม่ทั้งหมดเพื่อสู้กับปัญหาเชื้อดื้อยา ด้วยเหตุผลนี้ทำให้เขาตอบรับทำภารกิจทันที

จากตำรายา 1,600 ปี สู่ยาช่วยชีวิตคนนับล้าน

Tu Youyou เริ่มต้นภารกิจด้วยการไปศึกษาภูมิปัญญาดั้งเดิมของจีน เธอทุ่มเทศึกษาตำราแพทย์โบราณและคู่มือการใช้ยาสมุนไพรพื้นบ้านอย่างละเอียด พร้อมเดินทางไปยังพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศเพื่อรวบรวมเบาะแสต่างๆ จนสามารถรวบรวมตำรับยาได้ถึง 2,000 ตำรับ จากนั้นได้นำตำรับยาทั้งหมดมาคัดกรองเหลือเพียง 380 ตำรับ และนำสารสกัดจากสมุนไพรแต่ละชนิดไปทดสอบประสิทธิภาพกับหนูทดลองที่ติดเชื้อมาลาเรีย

เธอพบสารชนิดหนึ่งที่ช่วยลดเชื้อมาลาเรียในเลือดของหนู สารนี้มาจากต้น ชิงเฮา หรือที่เรียกว่า โกฐจุฬาลัมพา โดยในตำราแพทย์จีนที่บันทึกไว้เมื่อกว่า 1,600 ปีก่อน แนะนำให้ใช้พืชชนิดนี้โดยการดื่มแบบคั้นสด ๆ ซึ่งการค้นพบนี้นำไปสู่การพัฒนายา อาร์ทีมิซินิน (Artemisinin) ซึ่งกลายเป็นอาวุธที่ดีที่สุดของมนุษยชาติในการต่อสู้กับโรคมาลาเรียที่คร่าชีวิตผู้คนราว 450,000 คนต่อปี

ความสำเร็จที่ได้การยอมรับระดับโลก

ความสำเร็จของ Tu Youyou ไม่ได้เกิดขึ้นโดยง่าย นักประสาทชีววิทยาชาวจีนกล่าวว่าการค้นพบนี้ถือเป็น ปาฏิหาริย์ เมื่อพิจารณาจากบริบททางประวัติศาสตร์ เพราะช่วงเวลานั้นจีนอยู่ในยุคปฏิวัติวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยส่วนใหญ่ถูกปิดทำการกลุ่มยุวชนแดง (Red Guards) สร้างความวุ่นวายไปทั่วประเทศ นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากโดยเฉพาะผู้ที่จบการศึกษาจากตะวันตกก็ถูกข่มเหงและดำเนินคดี

ด้วยเหตุนี้ผลงานวิจัยชิ้นแรกเกี่ยวกับอาร์ทีมิซินิน (Artemisinin) จึงได้รับการตีพิมพ์ในประเทศจีนล่าช้าไปจนถึงปี 1977 และต้องรอถึงปี 1982 จึงมีการตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ

Louis A. Miller จากสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ ชี้ว่านักวิทยาศาสตร์หลายคนอาจเลิกพยายามไปแล้ว หลังจากการทดสอบครั้งแรกได้ผลไม่สม่ำเสมอ แต่ Tu Youyou ไม่ยอมแพ้ เธอปรับปรุงวิธีการสกัดสารจนสมบูรณ์แบบและพบว่าความร้อนสูงทำลายสารออกฤทธิ์สำคัญ จึงต้องใช้วิธี สกัดเย็น ซึ่งนี่กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดของการค้นพบ

ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อพิสูจน์ว่ายาตัวใหม่นี้ปลอดภัย Tu Youyou อาสาทดลองสารนี้กับตัวเองเป็นคนแรก ซึ่งหลายคนอาจถอดใจไปทำอย่างอื่นแล้วแต่เธอยืนหยัดจนได้ผลที่สมบูรณ์แบบ 100%”  ซึ่งในปี 2011 Tu Youyou ได้รับรางวัล Lasker-DeBakey Clinical Medical Research Award จากมูลนิธิลาสเกอร์ ซึ่งเป็นรางวัลด้านการแพทย์ที่มีชื่อเสียงเทียบเท่ากับรางวัลโนเบลของสหรัฐฯ

ผลกระทบต่อโลกและอนาคตของแพทย์แผนจีน

องค์การอนามัยโลกระบุว่า ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นมา ยาที่มีส่วนประกอบของ อาร์ทีมิซินิน (Artemisinin) ถูกใช้รักษาผู้ป่วยมาลาเรียมากกว่า 1 พันล้านครั้ง ช่วยควบคุมโรคมาลาเรียในหลายประเทศ ปัจจุบันสารนี้ถือเป็นแกนหลักในการรักษา โดยใช้ร่วมกับยาตัวอื่นเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อดื้อยา

ลู่ อ้ายผิง คณบดีคณะการแพทย์แผนจีนแห่งมหาวิทยาลัยแบพติสต์ฮ่องกง ซึ่งเคยร่วมงานกับ Tu Youyou กล่าวว่า เธอเป็นคนที่มีสมาธิและมุ่งมั่นกับงานมาก ซึ่งเขาหวังว่ารางวัลโนเบลครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้นักวิทยาศาสตร์ทั้งในจีนและต่างประเทศ หันมาศึกษาและพัฒนายาจากตำรับสมุนไพรโบราณมากขึ้น

อย่างไรก็ตามในแวดวงวิทยาศาสตร์ของจีน Tu Youyou เป็นบุคคลที่ถูกพูดถึงในหลายมุม บางคนมองว่าการที่เธอได้รับเกียรติเพียงคนเดียว ทำให้ความพยายามของทีมที่มีส่วนร่วมในโปรเจกต์ 523ถูกมองข้าม “เราหวังว่าสาธารณชนชาวจีนจะไม่ยกย่องวีรบุรุษเพียงคนเดียว และไม่ละเลยความพยายามของคนอื่นๆ”

Tu Youyou เองก็ขอบคุณทีมงานหลังได้รับรางวัล และกล่าวว่า “การค้นพบอาร์ทีมิซินิน เป็นความสำเร็จของทีมทุกคน และเป็นของขวัญจากการแพทย์แผนจีนสู่ชาวโลก”

อ้างอิง: cnn

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Fei-Fei Li เตือน! อนาคตเป็นของคนที่ ‘กล้าเสี่ยง’ ยุคนี้ Safe Zone คือจุดที่อันตรายที่สุด

Fei-Fei Li ผู้ร่วมก่อตั้ง World Labs และศาสตราจารย์จาก Stanford University หรือที่รู้จักกันในนาม ‘เจ้าแม่แห่งวงการ AI’ ได้ออกมาเปิดเผยเคล็ดลับสำคัญสำหรับผู้ประกอบการในยุคที่เทคโนโล...

Responsive image

วิจัยชี้ Gen Z เตรียมพร้อมเกษียณ ได้ดีกว่ารุ่น Baby Boomers นี่คือรุ่นที่จะรอดตอนแก่มากที่สุด

ผลวิจัย Vanguard เผย Gen Z เตรียมพร้อมเกษียณดีกว่า Baby Boomer! เจาะปัจจัยทำไมคนรุ่นใหม่ถึงได้เปรียบ ทั้งระบบออมอัตโนมัติและเวลา พร้อมความเสี่ยงที่ต้องระวัง...

Responsive image

แนะนำ 5 หนังสือส่งท้ายปี จาก Bill Gates ที่ช่วยเปิดมุมมองใหม่ให้ชีวิต

พอใกล้เข้าหน้าหนาวและช่วงวันหยุดยาว Bill Gates บอกว่านี่คือเวลาทองของการหยิบหนังสือดีๆ มาอ่านสักเล่ม โดยปีนี้เขาเลือกหนังสือมา 5 เล่ม ภายใต้ธีมที่น่าสนใจคือ “เบื้องหลังสิ่งสำคัญรอบ...