ถึงแม้จะมีกระแสต่อต้านการใช้งาน AI โดยเฉพาะในแวดวงของวิชาการและงานศิลปะ แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเทคโนโลยีที่ไม่อาจเลี่ยงได้ในปี 2023 สิ่งที่เราทุกคนควรทำไม่ใช่การหวาดกลัวเพียงอย่างเดียว แต่เราควรที่จะศึกษาเพื่อเตรียมพร้อมในการปรับตัวเมื่อ AI Disruption Age มาถึง วันนี้เราจะชวนคุณทำความเข้าใจ "Generative AI" รวมไปถึงการขบคิดจินตนาการถึงความเป็นไปได้ของ AI ในแง่มุมอื่นๆ
Artificial Intelligence (AI) คือ คำจัดความกว้างๆ ที่หมายถึง เทคโนโลยีที่มีการทำงานอย่างชาญฉลาด ไปจนถึงระบบขั้นสูงที่สามารถเลียนแบบกระบวนการคิดของมนุษย์ได้ เช่น การคิดคำนวน การวิเคราะห์ข้อมูล ผ่านกระบวนการเทรนด์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ต่างๆ ที่ซับซ้อนด้วยโมเดล Machine learning algorithm ทั่วไป
ในทางกลับกัน Generative AI (Gen-AI) คือ AI ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะให้มีความสามารถในการ “สร้างใหม่” จากชุดข้อมูลที่มีอยู่ ด้วยอัลกอริทึมแบบ Generative Model เช่น Generative adversarial network: GANs), Variational autoencoders: VAEs, Autoregressive models โดยสามารถนำมาใช้งานหลากหลาย เช่น การสร้างภาพ การประมวลผล การสร้างเสียงดนตรี
ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดอย่าง DALL-E AI Text-to-image ที่สามารถสร้างรูปภาพจากคำสั่ง (prompt) โดยที่รูปนั้นเป็นผลงานชิ้นใหม่ มีเอกลักษณ์เฉพาะเป็นของตัวเอง หรือ ChatGPT AI Chatbot ที่ตอบคำถามเราอย่างเป็นธรรมชาติและลื่นไหล
กล่าวง่ายๆ การสร้างเนื้อหาขึ้นใหม่จากข้อมูลที่มีอยู่ คือ นิยามสั้นๆ ของ Gen-AI หรือสังเกตง่ายๆ ผลลัพธ์ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ หรือเพลง จาก Gen-AI จะแตกต่างกันไปตามข้อมูลที่เราป้อนเข้าไป (prompt) นั่นเอง
หากถามว่าต่างจาก Traditional AI (TAI) แบบเดิมที่ถนัดด้านการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างไร ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ คือ TAI เป็นสมองซีกซ้ายส่วน Gen-AI เป็นสมองซีกขวาที่ถนัดเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ด้วยศักยภาพของการประมวลเชิงลึกที่แม้แต่มนุษย์เองก็ไม่สามารถคิดลึก ครอบคลุมไปยังทุกแง่มุมเท่า
โครงสร้าง Deep Learning ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องตามวัตถุประสงค์ต่างๆ อีกทั้งความก้าวหน้าของ GPU และความพร้อมใช้งานของ Cloud Computing ทำให้นักพัฒนาสามารถเทรนด์โมเดลขนาดใหญ่รวดเร็วกว่าที่เคยเป็นมา นำไปสู่ผลลัพธ์หลายอย่างที่น่าทึ่ง
อย่างที่เราทราบกันแล้วว่าหลายอาชีพนำ Gen-AI บางตัวมาในชีวิตประจำวันแล้ว โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ในหลายกรณี ศิลปินทำงานร่วมกับเทคโนโลยี ผลักขอบเขตจินตนาการ สร้างไอเดียใหม่ที่อาจไม่สามารถทำได้หากไม่มีการใช้ AI บางความเห็นกลับชอบใจเพราะ Gen-AI ผลิตเนื้อหาที่สละสลวยอย่างรวดเร็วเพียงคลิก แถมปรับปรุงคุณภาพของเนื้อหาที่สร้างขึ้นได้โดยอัตโนมัติ ประหยัดเวลาให้เราไปโฟกัสกับส่วนด้านอื่นได้มากขึ้น เพื่อที่จะได้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น
Content Creator สำนักข่าว CNET ทดลองใช้ AI ช่วยเขียนข่าวและบทความเชิงลึกมาเป็นระยะเวลาหลายเดือน ถึงแม้การกระทำนี้จะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องความเหมาะสมแต่นี่ก็เป็นตัวอย่างการใช้งานที่ทำให้เห็นว่า AI มีประสิทธิภาพมากแค่ไหน
Coding Github Copilot ตัวช่วยในการเขียนโค้ดสำหรับนักพัฒนาที่ใช้ Codex ของ OpenAI ทำให้เขียนโค้ดได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับราคาการใช้งานเริ่มต้นที่เดือนละ 10 เหรียญ
Lawtech DoNotPay บริษัทสตาร์ทอัพเทคทางด้านกฎหมายที่มีทนายโรบอทช่วยเขียนและให้บริการทางด้านกฎหมาย ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกการใช้บริการกฎหมายในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยล่าสุด Joshua Browder, CEO ของ DoNotPay ทวีตว่าจะจ่ายเงินจำนวน 1 ล้านดอลล่าห์ให้ทนายหรือใครก็ตามที่กล้าใช้ทนายโรบอทในการว่าความในศาลสูงสุดสหรัฐ โดยใส่ AirPods แล้วพูดตามที่ AI บอกแบบคำต่อคำ ซึ่งถือว่าเป็นก้าวสำคัญของการใช้เทคโนโลยี AI กับกฎหมาย
หลายสำนักต่างพูดกันว่า ปีนี้จะเป็นปีของ AI อย่างเต็มรูปแบบ ถึงแม้ว่า AI จะมีมาหลายปีแล้ว จนกระทั่งกระแสของ NVIDIA, GET3D, Midjourney หรือ DALL-E และ ChatGPT ที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา บางคนก็เปรียบเทียบว่าการเกิดขึ้นของ AI ให้อารมณ์เหมือนการเกิดขึ้นครั้งแรกของสมาร์ทโฟนหรืออินเตอร์เน็ต
มองในอุตสาหกรรมอื่นๆ AI นั้นผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดกระจายตัวไปในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ ศิลปะ ธุรกิจ งานเขียน Coding วิทยาศาสตร์ กฎหมายและอื่นๆ อีกมากมาย สิ่งเหล่านี้ชี้ให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่า AI มาแน่และการพัฒนาก็จะรวดเร็วมากในแบบที่เราคาดไม่ถึง นำไปสู่การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานในหลายๆ งาน
แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมา คือ เม็ดเงินที่ไหลเข้ามายังลงทุนในเทคโนโลยีนี้ ยิ่งกระตุ้นให้เกิดการการพัฒนาเป็นเท่าตัว นี่ยังไม่รวมถึงประเทศอื่นๆ ที่ต้องตื่นตัวและหันลงมาเล่นในสนามนี้ด้วย
โมเดลสร้างรายได้จาก Gen-AI ปัจจุบันมีการให้สิทธิ์ใช้งานเทคโนโลยีแก่บริษัทหรือองค์กรอื่นๆ ที่สามารถใช้เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการสร้างโซลูชันที่ใช้ประโยชน์จากความสามารถของAI และขายให้กับลูกค้าโดยตรง เปิดให้คนเข้าถึงระบบ AI ผ่านบริการสมัครสมาชิก ตลอดจนการขายผลลัพธ์ที่ได้จากการเจเนอเรท เช่น รูปภาพ วิดีโอ หรือข้อความที่สร้างขึ้น
หลังจากนี้ เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญในโลกอันเป็นผลมาจาก AI และข้อมูล ในกรณีที่ดีที่สุดอาจไปถึงขั้นที่สามารถหาทางรักษาโรคที่ปัจจุบันยังรักษาไม่ไดหรือค้นพบคำตอบที่เราไม่อาจคิด พูดง่ายๆ Generative AI ณ ปัจจุบัน คือ เป็นเพียงจุดเริ่มต้น
ถึงแม้ความสามารถของ Generative AI น่าประทับใจก็จริง แต่ก็ทำให้เกิดคำถามสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของงานและบทบาทของมนุษย์ เราลองมาคิดถึงเหรียญอีกด้านเจ้า Generative AI ว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรได้บ้าง เพื่อต่อเนื่องจากคำอธิบายก่อนหน้า เรามาลองให้ ChatGPT ตอบคำถามดูว่า เจ้าตัวนั้นมองด้านมืดของตัวเองอย่างไรบ้าง
แน่นอนว่าสิ่งที่น้องเขาบอกมันเป็นไปได้และน่าสนใจแต่ผู้เขียนก็มีความคิดเห็นเพิ่มเติมในบางมุมมอง ดังนี้
สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครรู้อนาคตและคงมองไม่ออกว่า AI จะพัฒนาและถูกใช้งานไปทางไหน แม้แต่ CEO ของบริษัท OpenAI อย่าง Sam Altman ยังกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่เทคโนโลยี AI นี้ถูกใช้งานโดยคนทั่วไป”
เหมือนตอนยุคเริ่มต้นของอินเตอร์เน็ตผู้คนก็ไม่คิดว่าเราจะดูเบสบอลสดๆ จากที่ไหนก็ได้ หรือใครจะไปคิดว่าโทรศัพท์มือถือเครื่องใหญ่โตจะใส่ในกระเป๋ากางเกงได้แถมยังใช้งานสารพัดประโยชน์จนใครก็ต้องมีมัน แล้ว AI ล่ะ จะไปได้ไกลแค่ไหน?
รวบรวมข้อมูลจาก
What is generative AI, and why is it suddenly everywhere?
How Generative AI Is Changing Creative Work
Generative AI is changing everything. But what’s left when the hype is gone?
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด