ในยุคที่ Startup หลายรายตั้งเป้าขยายธุรกิจไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การขยายไม่ได้หมายถึงการคัดลอกความสำเร็จจากประเทศหนึ่งไปสู่อีกประเทศหนึ่งอีกต่อไป เพราะในภูมิภาคที่มีความหลากหลายทั้งด้านภาษา วัฒนธรรม พฤติกรรมผู้บริโภค และระบบนิเวศทางธุรกิจ
สิ่งที่ได้ผลในที่หนึ่ง อาจใช้ไม่ได้เลยในอีกที่หนึ่ง
ประเด็นนี้ถูกพูดถึงอย่างน่าสนใจในงาน ASEAN Startup Summit 2025 ที่จัดโดย Cradle Fund ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ASEAN Summit 2025 งานที่รวมผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้สร้างระบบนิเวศสตาร์ทอัพจากทั่วภูมิภาคมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการเติบโตอย่างยั่งยืน

บนเวทีเสวนา “Beyond the Norm: People Who Scale” มีผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ Oranuch (Mimee) Lerdsuwankij, CEO และ Co-Founder ของ Techsauce, Jayson Poon, General Manager จาก Xendit Malaysia, และ Anggia Meisesari, CEO & Founder ของ TransTRACK, โดยมี Shan Li Tay, Managing Director ของ Cradle Fund, เป็นผู้ดำเนินรายการ
บทสนทนาได้เจาะลึกถึงนิยามใหม่ของการเติบโตอย่างยั่งยืนที่ไม่ได้วัดกันแค่ตัวเลขของ funding rounds หรือ valuation แต่คือความสามารถในการเข้าใจตลาด และปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้ในระยะยาว
การฟังคือก้าวแรกของการเป็นผู้นำในตลาดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการฟังเสียงของลูกค้า ทีมงาน หรือพันธมิตรในประเทศนั้นๆ ผู้ประกอบการจำนวนมากมักพลาดเพราะรีบนำ โดยไม่ได้ฟังก่อน แต่ในตลาดที่ซับซ้อนอย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การฟังอย่างลึกซึ้งทำให้เข้าใจว่าผู้คนต้องการอะไรจริงๆ และทำให้การตัดสินใจไม่พลาดทิศทางตั้งแต่ต้น
การขยายธุรกิจไม่ใช่การ copy model จากประเทศต้นทาง แต่คือการทำให้เหมาะกับบริบทใหม่ การ localise ไม่ได้หมายถึงแค่การแปลภาษาในแอปหรือเว็บไซต์ แต่คือการเข้าใจ customer journey ของคนในพื้นที่นั้น เช่น พฤติกรรมการชำระเงิน การใช้โซเชียล หรือแม้แต่จังหวะชีวิตของคนในประเทศนั้นๆ ธุรกิจที่เข้าใจจุดนี้ได้ก่อน จะสามารถเชื่อมต่อกับตลาดใหม่ได้อย่างแท้จริง
ในช่วงที่การแข่งขันสูงและทุกคนต่างเร่งโตให้เร็ว การกลับมาทบทวนว่า ‘เราทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร’ คือสิ่งสำคัญ ผู้นำที่ขับเคลื่อนด้วยอีโก้มักมองไม่เห็นความจริง แต่ผู้นำที่สร้างด้วยใจ เข้าใจทีม และยึดมั่นในคุณค่าของลูกค้า จะเป็นคนที่พาธุรกิจไปได้ไกลกว่าและยั่งยืนกว่าเสมอ
ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลงเงินสดคือพลัง และความอดทนคือเชื้อเพลิง Jayson จาก Xendit แชร์ว่าหลายบริษัทเติบโตเร็วเกินไปจนลืมวางระบบการจัดการ cashflow ที่มั่นคง ซึ่งสุดท้ายอาจกลายเป็นจุดเปราะบาง การเติบโตอย่างยั่งยืนจึงไม่ใช่แค่การเร่งสปีด แต่คือการเดินอย่างมั่นคง
ธุรกิจที่อยู่รอดหลังพายุเศรษฐกิจไม่ได้เกิดจากโชค แต่เกิดจากการเตรียมตัว
การสร้าง Resilience หรือความยืดหยุ่น ไม่ได้หมายถึงการรอให้วิกฤตมาแล้วค่อยแก้ แต่คือการมีความคิดที่ ที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทั้งในด้านแผนธุรกิจ การบริหารทีม และวัฒนธรรมองค์กร ธุรกิจที่ฝึกฝนการรับมือกับความไม่แน่นอนตั้งแต่วันนี้ จะเป็นธุรกิจที่ยืนได้อย่างมั่นคงในทุกวันพรุ่งนี้
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด