โอกาสและความท้าทายใน SAF เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนที่ธุรกิจการบินและพลังงานต้องจับตา | Techsauce

โอกาสและความท้าทายใน SAF เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนที่ธุรกิจการบินและพลังงานต้องจับตา

ในปัจจุบันคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าการเดินทางด้วยเครื่องบินคือความนิยมอย่างหนึ่งสำหรับนักเดินทางทั่วโลก เพราะไม่ว่าใครๆก็สามารถเข้าถึงการเดินทางด้วยเครื่องบินได้ ด้วยการแข่งขันของธุรกิจสายการบิน ที่สามารถทำให้ผู้โดยสารมีตัวเลือกในการเดินทางเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเดินทางด้วยสายการบิน Low-Cost หรือ Full Service ก็ตาม 

ทำให้ภาคอุตสาหกรรมนี้เติบโตอย่างรวดเร็วเสียจน มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเหตุผลหลักของอุตสาหกรรมการบินก็คือ ไอเสียของเครื่องบิน (Aircraft Engine Emissions) ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ออกมา ส่งผลกระทบต่อ Climate Change โดยตรง ทำให้ภาครัฐและภาคเอกชนเริ่มหันมาหาทางลดคาร์บอนจากการบินมากขึ้น 

โดยบทความนี้ Techsauce ได้รวบรวมและเรียบเรียงข้อมูล มาเพื่อให้เห็นภาพกว้างของธุรกิจการบินที่ต้องการจะยั่งยืนรวมถึงความท้าทายที่จะเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมพลังงานด้วยเช่นกัน ในภาพรวมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

รู้จักกฎหมายจำกัดคาร์บอนของการเดินอากาศยาน ‘CORSIA’

เนื่องด้วยธุรกิจการบินมีสัดส่วนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก จึงทำให้เกิดกฎการบิน ที่จะช่วยในการจำกัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่เรียกว่า ‘CORSIA’ (Carbon Offsetting and Reduction Scheme for International Aviation) ที่เริ่มขึ้นในปี 2016 จาก ‘ICAO’ (The International Civil Aviation Organization) ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะช่วยให้ธุรกิจการบินประสบความสำเร็จในการลดและชดเชยการปล่อยพลังงาน ตลอดจนการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่ากับศูนย์ การตรวจสอบการปล่อยพลังงานภายใต้ CORSIA คือข้อบังคับสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจการบินสากลที่เป็นสมาชิกของ ICAO ซึ่งรวมประเทศไทยด้วย ทำให้ CAAT (The Civil Aviation Authority of Thailand) ต้องใช้กลไกการชดเชยและการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเริ่มส่งข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของผู้ดำเนินการเดินอากาศ ให้แก่ ICAO เช่นกัน

กรอบแนวคิดและความยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ด้วยแนวทางในการพัฒนาของสหประชาชาติอย่าง SDGs ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนก็มีแนวทางในการพัฒนาด้านความยั่งยืนด้วยหมุดหมายที่จะขจัดความเลื่อมล้ำ ความยากจน การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรในภูมิภาคนี้ได้ดียิ่งขึ้น เพราะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การพัฒนาและการลงทุนต่างๆ ได้เข้ามาในภูมิภาคนี้อย่างรวดเร็ว ทำให้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาคธุรกิจการบินก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก จึงทำให้ต้องเริ่มมองหาแนวทางในการขับเคลื่อนธุรกิจบนความยั่งยืน ตามกระแสของโลกอย่างแนวทางของ ESG ที่ประกอบไปด้วย Environment, Social และ Governance ที่เป็นกรอบแนวคิดในการพัฒนาอย่างยั่งยืน

บทความที่เกี่ยวข้อง : ทำความเข้าใจ ESG และ SDGs กับความสำคัญต่อธุรกิจ

AirAsia นำร่องความยั่งยืน ประกาศกลยุทธ์ส่งเสริมธุรกิจการบิน

นับว่าเป็นอีกหนึ่งสายการบินที่ดำเนินธุรกิจบนหลักของความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่องที่วันนี้พร้อมแล้วที่จะเทคออฟอีกครั้งกับการตั้งเป้าหมายความยั่งยืนภายใต้กรอบแนวคิด ESG ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยเฉพาะในด้านสิ่งแวดล้อมที่ทาง AirAsia ตั้งเป้า Net-Zero emissions ภายในปี 2050 ซึ่งล่าสุด AirAsia ได้จัดงาน Sustainability Day  เพื่อประกาศกลยุทธ์ในการตั้งเป้าหมายที่จะทำให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็น 0 อย่างการเปลี่ยนมาใช้เครื่องบิน Airbus321 neo ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับโลกมากขึ้นภายในปี 2035 และแทนที่เชื้อเพลิงการบินแบบปกติด้วยการใช้ SAF (Sustainable Aviation Fuel) ที่จะริเริ่มเป็นสายการบินแรกๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะดำเนินการใช้เชื้อเพลิงอย่าง SAF เพราะตอนนี้ยังไม่มีสายการบินใดที่ทำการบินพาณิชย์ด้วยเชื้อเพลิง SAF ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

บทความที่เกี่ยวข้อง :  AirAsia จัดงาน Sustainability Day ประกาศยุทธศาสตร์ความยั่งยืน ตั้งเป้าคาร์บอนเป็นศูนย์ ปี 2050

รู้จัก SAF และแนวทางการปรับใช้ของสายการบิน

SAF เป็นเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำรุ่นใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทดแทนเชื้อเพลิงอากาศยานที่ใช้ฟอสซิลในปัจจุบัน ผลิตจากขยะหมุนเวียน 100% และวัตถุดิบที่เหลือ เช่น ไขมันสัตว์ที่ใช้แล้วและน้ำมันปรุงอาหารจากร้านอาหาร หรือ ทรัพยากรชีวภาพ (ฺBiological Resources) ซึ่งใช้แล้วไม่หมดไปเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงฟอสซิล หรือเรียกอีกอย่างว่าเชื้อเพลิงการบินชีวภาพ (bio-jet fuels) การใช้ SAF สามารถลดการปลดปล่อยคาร์บอนได้มากถึง 80% เมื่อเทียบกับการใช้เชื้อเพลิงการบินดั้งเดิม โดยสายการบินรายใหญ่หลายเจ้าได้วางแผนที่จะเปลี่ยนมาใช้ SAF แล้ว เช่นสายการบิน Lufthansa ที่มีบริการให้ผู้โดยสารเลือกฟังก์ชัน SAF เมื่อจองเที่ยวบิน สายการบินจะคำนวณค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ต้องจ่ายเพื่ออัปเกรดจากเชื้อเพลิงเครื่องบินฟอสซิลเป็น SAF โดยลูกค้าที่จ่ายจะจ่ายส่วนต่างระหว่างเชื้อเพลิงปกติและ SAF โดย Lufthansa จะส่งต่อการบริจาคให้กับ LHG ซึ่งเป็นหุ้นส่วน และ SAF ที่ซื้อไปจะถูกหมุนเวียนภายในหกเดือน

โอกาสของบริษัทพลังงานภาคเอกชนในไทย เริ่มลงทุนใน SAF 

เมื่อหันกลับมามองในประเทศไทย บริษัทพลังงานภาคเอกชนหลายแห่งเริ่มเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจแล้วว่า สายการบินจะต้องหันมาตั้งเป้าในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างแน่นอน จึงเป็นโอกาสที่ทำให้บริษัทพลังงานเริ่มดำเนินงานในการวิจัย และพัฒนา SAF เพื่อตอบสนองความต้องการของการสายการบินที่ตั้งเป้าสู่ Net Zero ภายในปี 2050 แล้วบริษัทพลังงานในประเทศไทยมีเจ้าไหนบ้างที่เริ่มหันมาสนใจใน SAF เช่น BBGI ประกาศร่วมลงทุนใน BSGF มูลค่า 200 ล้านบาท เตรียมก่อสร้างหน่วยผลิตเชื้อเพลิงอากาศยาน (Sustainable Aviation Fuel - SAF) จากน้ำมันพืชใช้แล้ว รองรับความต้องการของตลาดที่ให้ความสนใจเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตระดับโลกอย่าง International Sustainability & Carbon Certification (ISCC) ตามข้อกำหนดด้านพลังงานทดแทนของสหภาพยุโรป ในการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพประเภทไบโอดีเซลอย่างยั่งยืน รวมไปถึงการมีเทคโนโลยีที่สามารถปรับปรุงคุณภาพวัตถุดิบให้เหมาะสมกับกระบวนการผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืน

นอกจากนี้รายงานโดย cCarbon กลุ่มวิเคราะห์ความยั่งยืนในสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าการผลิตเชื้อเพลิงการบินอย่างยั่งยืนทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 30 เท่าภายในปี 2030 เพิ่มขึ้นจาก 538 ล้านลิตรในปี 2022 เป็น 18.2 พันล้านลิตรในปี 2030 ซึ่งเป็นการเติบโตแบบทบต้นต่อปี ในอัตรา 55.3% และประเมินว่ามูลค่าตลาดของ SAF จะสูงถึง 29.7 พันล้านดอลลาร์ในปีเดียวกัน เพิ่มขึ้นจาก 1.1 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว 

รายงานประเมินว่าในปี 2022 60% ของการผลิต SAF ทั่วโลกอยู่ในยุโรป ตามด้วยอเมริกาเหนือที่ 33% และเอเชียแปซิฟิกที่ 7% โดยทั้งภูมิภาคอเมริกาใต้และตะวันออกกลางไม่มีการผลิต SAF แต่ภายในปี 2030 ในตลาดที่ใหญ่กว่ามาก cCarbon คำนวณว่าอเมริกาเหนือจะผลิต SAF 36% ของโลก ตามด้วยยุโรป 32% เอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นภูมิภาคการขนส่งทางอากาศที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุด จะพุ่งขึ้นเป็น 17% ของการผลิต SAF ทั่วโลก และอเมริกาใต้เป็น 12% ในขณะที่ตลาดตะวันออกกลางที่อุดมด้วยน้ำมันคาดว่าจะผลิตเพียง 3% เท่านั้น

บทความที่เกี่ยวข้อง : BBGI ประกาศร่วมลงทุนใน BSGF มูลค่า 200 ลบ. ปูทางเตรียมขึ้นโรงงานผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน

แนวโน้มและความคาดหวังต่อความยั่งยืนในอนาคต

SAF อาจจะทำให้ต้นทุนการเดินทางนั้นแพงขึ้นได้ เพราะต้นทุนการผลิตที่แพงกว่าเชื้อเพลิงปกติ 3-5 เท่า ซึ่งตอนนี้ความต้องการของ SAF ในตลาดอาจจะยังไม่มากและส่งผลต่อต้นทุนการผลิต อีกทั้งตราบใดที่โรงงานผลิต ผลิตได้ปริมาณน้อย ก็อาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการได้เช่นกัน ซึ่งในความเป็นจริงการแก้ปัญหานั้นคือการมุ่งเน้นไปที่ศักยภาพในระยะยาวและเพิ่มความต้องการเพื่อให้สามารถขยายการดำเนินงานของโรงกลั่นได้ ยิ่งผลิตได้มาก SAF ก็ยิ่งถูกลง ซึ่งในหลายประเทศภาคเอกชนเป็นผู้ริเริ่มก่อน อาจจะทำให้ส่งผลกระทบต่อราคาตั๋วเครื่องบิน ที่เหมือนเป็นการผลักภาระไปยังภาคประชาชน

ในขณะที่เราเพิ่งเริ่มต้นการเดินทางของ SAF ดูเหมือนว่าหากดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วโลก SAF จะสามารถปฏิวัติอุตสาหกรรมในลักษณะที่การชดเชยคาร์บอนได้ แต่ก็อาจจะต้องตั้งคำถามถึงฟากรัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารว่าจะเล็งเห็นถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกๆ อุตสาหกรรมหรือไม่ จะสามารถผลักดัน SAF ให้เกิดขึ้นได้จริงเพื่อสนับสนุนธุรกิจการบิน ที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดอย่าง ‘การท่องเที่ยว’ ในประเทศไทยได้หรือไม่


อ้างอิง

Bureau VeritasForbesGreen Air NewsCapital A Sustainability Report 2022


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

รักโลกต้องทำงาน 4 วัน ทั้งปลดล็อกชีวิตสมดุล และลดคาร์บอนปีละ 127 ล้านตัน

จะดีแค่ไหน หากการมีวันหยุดเพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์ ไม่เพียงแต่ทำให้ชีวิตสมดุลขึ้น แต่ยังช่วยรักษ์โลกได้อีกด้วย? รายงานล่าสุดเผยว่า การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ ไม่เพียงเพิ่มเวลาว่างถึง 50% ...

Responsive image

ปัญหา Jobs Gap กำลังเปลี่ยนโลกแรงงาน อีก 10 ปีข้างหน้า 800 ล้านคนอาจไม่มีงานทำ

สำรวจความท้าทายด้านการจ้างงานในอนาคตเมื่อ AI เข้ามามีบทบาท พร้อมแนวทางแก้ไขช่องว่างงานกว่า 400 ล้านตำแหน่งทั่วโลกจากการเสวนาในงาน World Economic Forum 2025...

Responsive image

สรุป 35 ความเสี่ยงจาก Global Risks Report 2025 ที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม

เจาะลึก Global Risks Report 2025 โดย World Economic Forum วิเคราะห์ 35 ความเสี่ยงระดับโลกที่สำคัญ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และเทคโนโลยี พร้อมแนวโน้มสำคัญในปี 2025, 2027 แ...