5 เรื่องในวงการคริปโทปี 2022 ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ | Techsauce

5 เรื่องในวงการคริปโทปี 2022 ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ

ต้องยอมรับว่า ปี 2022 เป็นปีที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์สำคัญในวงการคริปโทมากมาย ทั้งเรื่องที่คนในวงการคริปโทฯให้ความสนใจเป็นอย่างมาก บางเหตุการณ์เป็นเรื่องที่น่ายินดี น่าลุ้น และบางเหตุการณ์ก็เป็นเรื่องที่ช็อคจนกลายเป็นข่าวใหญ่ระดับโลกเลยทีเดียว มาดูกันว่าจะมีเรื่องไหนที่ตรงกับความคิดเห็นของทุกคนและให้ความสนใจกันบ้าง

อันดับ 5 : FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ที่มา : www.federalreserve.gov

FED (เฟด) หรือ Federal Reserve คือธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มีหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินต่าง ๆ ที่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศต้องดำเนินการตาม โดยสิ่งที่นักลงทุนให้ความสำคัญและใจจดใจจ่อกันมากที่สุดจากการประชุม FED ก็คือการกำหนดนโยบายอัตราดอกเบี้ยว่าจะเพิ่ม ลด หรือคงอัตราดอกเบี้ย

โดยทั่วไปแล้ว หากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังการประชุม ราคาคริปโทฯ ก็น่าจะเพิ่มขึ้นตาม เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยมีไว้เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ นักลงทุนจึงเลือกถือคริปโทฯ บางสกุล โดยเฉพาะ Bitcoin เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ในทางตรงกันข้าม หากประกาศลดอัตราดอกเบี้ย ราคาคริปโทฯ ก็อาจลดลงได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาผลกระทบอื่น ๆ เช่น นโยบายที่เกี่ยวข้อง ไปจนถึงการเก็งกำไรในตลาดว่าอยู่ในระดับสูงหรือไม่ด้วย 

โดยตลอดปี 2022 เฟดได้มีการประชุมและประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยไปแล้วเป็นจำนวน 8 ครั้ง และมีมติเป็นเอกฉันท์ในการปรับดอกเบี้ยนโยบาย ดังนี้

  • ครั้งที่ 1 วันที่ 25-26 มกราคม มีมติเป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25%
  • ครั้งที่ 2 วันที่ 15-16 มีนาคม มีมติเป็นเอกฉันท์ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%
  • ครั้งที่ 3 วันที่ 3-4 พฤษภาคม มีมติเป็นเอกฉันท์ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.50%
  • ครั้งที่ 4 วันที่ 14-15 มิถุนายน มีมติเป็นเอกฉันท์ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.75%
  • ครั้งที่ 5 วันที่ 26-27 กรกฎาคม มีมติเป็นเอกฉันท์ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.75%
  • ครั้งที่ 6 วันที่ 20-21 กันยายน มีมติเป็นเอกฉันท์ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.75%
  • ครั้งที่ 7 วันที่ 1-2 พฤศจิกายน มีมติเป็นเอกฉันท์ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.75%
  • ครั้งที่ 8 วันที่ 13-14 ธันวาคม มีมติเป็นเอกฉันท์ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.50%

สามารถติดตามผลการประชุมเฟดย้อนหลังได้ที่ 

https://www.federalreserve.gov/monetarypolicy/fomccalendars.htm

อันดับ 4 : Elon Musk และเหรียญ DOGE

คนนอกวงการคริปโทฯ อาจสงสัยว่าเจ้าพ่อวงการเทคโนโลยีและอวกาศ อย่าง Elon Musk มีส่วนเกี่ยวข้องกับวงการคริปโทฯ ได้อย่างไร ทั้งทีไม่ได้มี Exchange เป็นของตัวเอง แต่คนที่ติดตามข่าวสารในวงการคริปโทฯ จะทราบดีว่า Elon Musk เป็น Dogefather หรือพ่อเลี้ยงของเจ้าเหรียญ DOGE นั่นเอง ที่เป็นทั้งคนสนับสนุนและคอยโหมข่าวเกี่ยวกับ เหรียญ DOGE จนสามารถส่งผลต่อราคาเหรียญได้ด้วย แหล่งข่าวจากหลายที่ได้มีการตั้งข้อสังเกตกันว่า Musk จะมีเหรียญ DOGE อยู่ในมือประมาณเท่าไหร่ บางที่คาดการณ์กันว่าเขาอาจเป็น ‘วาฬ’ เจ้าของกระเป๋าเหรียญอันลึกลับที่ครอบครอง DOGE มากกว่า 36,000 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นประมาณ 28.27% ของยอดหมุนเวียนทั้งหมดก็เป็นได้

ที่มา : Coinmarketcap.com

และเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา พ่อเลี้ยงเหรียญ DOGE อย่าง Elon Musk ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ให้เหรียญลูกรัก ด้วยการปิดดีลเจรจาเสร็จสิ้นในการเข้าซื้อกิจการของทวิตเตอร์ ด้วยมูลค่า 44,000 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท จากดีลใหญ่ในครั้งนี้ส่งผลให้ราคาของเหรียญ DOGE ขี่จรวดปรับตัวสูงขึ้นโดยรวมกว่า 70%

อันดับ 3 : The Merge

The Merge เป็นการรวมเลเยอร์ดำเนินการที่มีอยู่ของ Ethereum ด้วยการเปลี่ยนระบบฉันทามติบนเครือข่ายบล็อกเชนจาก Proof-of-Work ซึ่งมีต้นแบบดั้งเดิมจาก Bitcoin ไปสู่ระบบใหม่คือ Proof-of-Stake (หรือเป็นการรวม Mainnet ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันเข้ากับ Beacon Chain นั่นเอง) ถือว่าเป็นขั้นตอนที่น่าตื่นเต้นที่สุดในประวัติศาสตร์ Ethereum เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นการทำให้วิสัยทัศน์ของ Ethereum ที่วางไว้เป็นจริง โดยจะช่วยปกป้องเครือข่ายด้วยการวาง ETH ค้ำประกัน (Stake) แลกกับโอกาสถูกเลือกเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Validators) แทนการใช้พลังงานเพื่อการขุด อีกทั้งยังเพิ่มความสามารถในการ Scalability หรือการรองรับธุรกรรมได้จำนวนมาก ๆ เพื่อความปลอดภัย และความยั่งยืนที่มากยิ่งขึ้น

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากระแสของ The Merge นั้นมาแรงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อใกล้วันที่ได้มีการคาดการณ์เอาไว้ ยิ่งทำให้นักลงทุนและตลาดเริ่มกลับมาคึกคัก เพราะนอกจากการอัปเกรดในครั้งนี้จะส่งผลที่ดีอย่างชัดเจนกับการทำธุรกรรมของบล็อกเชน Ethereum ที่สร้างประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือให้กับเครือข่ายอีกด้วย

อันดับ 2 : การล่มสลายของ FTX

เหตุการณ์นี้มีที่มาที่ไปจากการบริหารสินทรัพย์ภายในของ Alemeda Research บริษัทการลงทุนบริหารจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลที่ก่อตั้งโดยนาย Sam Bankman-Fried ผู้เป็น CEO ของ FTX แล้ว เขายังเป็น CEO ของ Alameda Research อีกด้วย ซึ่งมีเหรียญ FTT เหรียญประจำกระดานเทรดของ FTX มากกว่า 80% และถูกนำไปค้ำเพื่อกู้เงินออกมาใช้ โดยกู้จาก FTX ซึ่งเป็นเอ็กซ์เชนจ์ของตนเอง ด้วยเหตุนี้ทำให้ FTX เกิดปัญหาสภาพคล่อง และมีการยื่นมือขอความช่วยเหลือจากนักลงทุนจากนักลงทุนรวมถึง Changpen Zhao หรือ CZ เจ้าของ Binance เพื่อให้อุ้มกิจการของเขา แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เพราะหลังจาก CZ เข้าสู่การขั้นตอน Due diligence ของ FTX แล้วพบว่าอยู่ในสถานะร้ายแรงเกินที่ Binance ช่วยได้ จึงถอนตัวออกมา

ที่มา : www.cbsnews.com

ไม่เพียงแค่ FTX นั้นที่ต้องเผชิญกับมรสุม แต่ได้พาอีกหลายแพลตฟอร์มทรุดตามไปด้วย เกิดเป็น FTX Domino Effect ไม่ว่าจะเป็น BlockFi ผู้ให้กู้ยืมเงินดิจิทัลที่มีผลิตภัณฑ์เป็นการ “ฝากเงินคริปโตฯ กินดอกเบี้ยสูง” หรือ Genesis Global Trading ที่ให้บริการ stake เหรียญเพื่อรับผลตอบแทน เป็นต้น

อันดับ 1 : วิกฤตการณ์ของ Luna

วิกฤตการณ์ของ Luna ที่เกิดขึ้นจากการที่ UST โดนแรงเทขายอย่างหนัก โดยคาดกันว่ามาจากกลุ่มคนที่ไม่ประสงค์ดีต่อ Terra ประกอบกับการที่ตลาดคริปโทฯ ในภาพรวมอยู่ในขาลง ณ ตอนนั้นอยู่แล้ว ทำให้นักลงทุนที่เสียความเชื่อมั่นพากันเทขายทั้ง LUNA และ UST แถมคนที่ถือ UST ก็พยายามนำ UST ไปแลกเป็น LUNA เพื่อขายทำกำไร ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและบ้าคลั่ง จนในที่สุดจำนวน LUNA ก็ล้นตลาด จากปกติ LUNA มีอยู่ในตลาดเป็นจำนวนราว ๆ 350 ล้าน แต่หลังจากเกิดเหตุ จำนวน LUNA ก็ล้นตลาดไปถึง 6 ล้านล้าน หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 1,837,935% !?

ด้วยจำนวนที่ล้นตลาดเช่นนี้ ประกอบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่สูญเสียไปแล้ว จึงส่งผลให้ราคา LUNA จะลดลงจนเกือบเป็นศูนย์ สร้างความเจ็บปวดแสนสาหัสให้กับนักลงทุนทั่วโลก ทางผู้ก่อตั้ง LUNA อย่าง Do Kwon ก็ได้ออกมาเสนอมาตรการฟื้นฟูเครือข่าย ซึ่งก็คือการ Hard Fork สร้างเครือข่าย Terra ใหม่ ซึ่งก็ได้รับความเห็นชอบจากชุมชนผู้ถือ LUNA และเครือข่ายใหม่ก็เริ่มทำงานไปแล้วเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2022 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่า วิกฤตการณ์ของ Luna นี้เป็นเรื่องที่เขย่าวงการคริปโทฯระดับโลกเลยทีเดียว

บทความโดย : Bitkub.com/blog

อ้างอิง:

“การประชุม FED คืออะไร ส่งผลกับตลาดคริปโทเคอร์เรนซีอย่างไร?”  

https://www.bitkub.com/th/blog/what-is-fed-fomc-meeting-16582274dd24

“อนาคตเหรียญ Dogecoin จะเป็นอย่างไร?” 

https://www.bitkub.com/th/blog/future-of-dogecoin-97a2ecf90144

“How much Dogecoin does Elon Musk hold?” 

https://www.gfinityesports.com/cryptocurrency/elon-musk-dogecoin-how-much-dogecoin-does-elon-musk-own-hold/

“รู้จัก The Merge การรวมร่างที่น่าตื่นเต้นที่สุดในประวัติศาสตร์ Ethereum”

https://www.bitkub.com/th/blog/ethereum-the-merge-db43450d5c1b

“CryptoShot: FTX Domino Effect”

https://www.ryt9.com/s/iq05/3375296

“LUNA 2.0 คืออะไร ผู้เชี่ยวชาญมีมุมมองอย่างไร?” 

https://www.bitkub.com/th/blog/what-is-luna2-5b7a27fd9e52

* คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ 

** สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ 

*** ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

สองวิธีเรียกคืนอำนาจบริหารจากบริษัทตัวเอง ถกประเด็นน่ารู้จากซีรีส์ Queen of tears

เจาะลึกประเด็นซีรีส์ Queen of tears การต่อสู้แย่งชิงอำนาจบริหาร Queens Group กำลังทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ในความเป็นจริงแล้ว ในความเป็นจริงแล้ว ตระกูลฮงจะกลับมายึดคืนอำนาจบริหาร ...

Responsive image

17 เรื่อง AI ต้องรู้ จากรายงาน AI Index 2024

Techsauce ได้สรุป 17 ประเด็นสำคัญจากรายงาน AI Index Report 2024 ซึ่งจัดทำโดย Stanford Institute for Human-Centered Artificial Intelligence (HAI) ที่รวบรวมประเด็นต่างๆ ของปัญญาประดิ...

Responsive image

แนะเทรนด์ลงทุนในสตาร์ทอัพปี 2024 พร้อมช่องทางใหม่ในการระดมทุนจากงาน KATALYST TALK MEETUP #3

บทความที่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพควรอ่านเพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการเผชิญความท้าทายในปีนี้ จากการรับฟังภายในงาน KATALYST TALK MEETUP #3 ‘Navigating the Startup Challenges in 2024 and Beyond’...