5 วิธีช่วย SMEs รบชนะในสมรภูมิออนไลน์ | Techsauce

5 วิธีช่วย SMEs รบชนะในสมรภูมิออนไลน์

ยุคปัจจุบันการขายออนไลน์เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะการนำเข้า และส่งออกของจากต่างประเทศแต่ในขณะเดียวกันยิ่งได้รับความนิยมมากเท่าใดการเเข่งขันยิ่งเพิ่มสูงขึ้น แต่ปัจจุบันนอกจากพ่อค้า เเม่ค้ารายย่อยที่หันมาทำธุรกิจ SMEs ออนไลน์กันมาขึ้น ยังมีผู้เล่นรายใหญ่อย่างกลุ่มบริษัทหันมาลงทุนในตลาดออนไลน์ ทำให้การเเข่งขันในตลาดออนไลน์ยิ่งดุเดือด มากขึ้น

เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ศูนย์กระจายสินค้าของ Alibaba Group  ตัดสินใจทุ่มเงินมูลค่ากว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ลงทุนจัดตั้งศูนย์ Smart Digital Hub ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พร้อมจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าเพื่อเป็นช่องทางในการจัดเก็บและกระจายสินค้าจากแพลตฟอร์ม Lazada และ AliExpress เท่ากับว่าอนาคตของพ่อค้าคนกลางที่สั่งสินค้ามาจากจีน เพื่อขายต่อในไทยและการค้าแบบพรีออเดอร์จากจีนก็ถึงกับต้องกุมขมับในทันทีเพราะด้วยเงื่อนไขเวลาที่แต่เดิม สั่งสินค้าจากจีนจากผู้ผลิตโดยตรงอาจใช้เวลาดำเนินการจนถึงมือผู้รับไม่ต่ำกว่า 14 วัน ในขณะที่ปัจจุบันอาลีบาบามีสินค้าสต๊อกไว้ที่ศูนย์กระจายสินค้า สามารถย่นเวลาจัดส่งเหลือแค่ 3 วันเท่านั้น

จากประเด็นนี้ย่อมกระทบผู้ค้าออนไลน์ในส่วนใหญ่ด้วยเช่นกัน เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าสินค้ากว่าร้อยละ 80 ทั้งใน Lazada และ AliExpress เป็นสินค้าจีน ทั้งราคาถูกกว่าสินค้าประเภทเดียวกันที่ผลิตหรือจำหน่ายในประเทศไทย เกิดเป็นสงครามราคา แถมสั่งสินค้าราคาไม่เกิน 1,500 บาทจากต่างประเทศได้รับการยกเว้นภาษีอีกด้วยแล้วเราสามารถสร้างเกมของเราเอง และกติกาของเราเองด้วยได้อย่างไร

  1. สร้างสินค้าแบรนด์เราเอง : คือนอกจากมีสินค้า ซึ่งต้องเป็นสินค้าที่แตกต่างจากท้องตลาด ไม่ใช่ของโหลๆ ที่ผลิตขึ้นจำนวนมากๆ เป็นของดีมีคุณค่าในตัวเองและต้องมีแบรนด์ นี่คือการสร้างมูลค่าเพิ่มจากสิ่งที่มีซึ่งเป็นกติกาสากลที่ตลาดทั่วไปยอมรับ
  2. ขายออนไลน์ในแพลตฟอร์มของคนไทยด้วยกัน : เพราะแน่นอนว่ามีการทำการทำการตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่า ใกล้ชิดกว่า มีลูกเล่นในการใช้อินฟลูเอนเซอร์รีวิวและแนะนำสินค้าในราคาแพง
  3. บุกตลาดจีนบ้าง : คนจีนนิยมสินค้าไทยหลายประเภท อาทิสินค้าเกี่ยวกับความสวย ความงาม สินค้าสุขภาพ ผลิตจากธรรมชาติ อาหารเสริม แม่และเด็ก สินค้าสปา เช่น ลูกประคบ สินค้าพื้นเมือง หัตถกรรมท้องถิ่น คือของที่ไม่มีในจีนและไม่ใช่ของโหลๆ ทั่วไปคนจีนจะชอบ ตรงนี้เป็นสิ่งที่ผู้ค้าออนไลน์ที่จะเจาะตลาดจีนต้องรู้ คือคนจีนเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าต่างประเทศว่า ‘ดีกว่าสินค้าในประเทศ’ และการบริโภคสินค้านำเข้าเป็นการสะท้อนคุณภาพชีวิตที่ดีของพวกเขา
  4. สร้างความน่าเชื่อถือของร้านค้า
  5. พัฒนามาตรฐานการจัดส่งสินค้า ด้วยการใช้โลจิสติกที่ได้มาตรฐาน วางใจได้

จาก 5 วิธีข้างต้น เราจึงพบว่าทุกวันนี้เรามีแพลตฟอร์มออนไลน์ด้านนี้เกิดขึ้นมากมาย ทาง สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA จึงมี 4 Startup ไทยด้านธุรกิจ E-COMMERCE มาแนะนำให้ทุกท่านได้ทำความรู้จักเพื่อเป็นอีกทางเลือกเพื่อใช้บริการกัน

4 Startup ไทยด้านธุรกิจ E-COMMERCE

BentoWeb

Startup Platform ที่ช่วยให้ผู้ค้าออนไลน์สามารถเข้าถึงการใช้ประโยชน์จาก E-COMMERCE ได้อย่างเต็มที่ถึงแม้ไม่มีความรู้ในด้านนี้ก็หมดปัญหา ด้วยคุณสมบัติของ Solution ที่ทาง Platform ได้ศึกษาและรวบรวมมาไว้ในที่ระบบช่วยให้สามารถเตรียมร้านออนไลน์ และเครื่องมือทุกอย่าง ที่ช่วยให้คุณขยายธุรกิจอย่างมั่นใจได้ ซึ่งภายในระบบจะมีความรู้ด้านการบริการและ BEST PRACTICES ต่าง ๆ เข้ามาในระบบร้านค้าออนไลน์สำเร็จรูป เพื่อให้ทุกคนสามารถเริ่มต้นใช้ประโยชน์จาก E-COMMERCE ได้อย่างเต็มที่ ช่วยประหยัดเวลา ในการบริหารออเดอร์ที่เข้ามาในแต่ละวัน ช่วยต่อยอดและวิเคราะห์ข้อมูลการขาย ทำให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างเป็นระบบ รวมไปถึงบริการที่ครบวงจรตั้งแต่การสร้างคอนเทนต์ไปจนถึงการจัดส่งสินค้า

SOKOCHAN

Startup Platform ด้านการบริการ FULFILLMENT เพื่อธุรกิจ E-COMMERCE และระบบจัดการรายการสินค้าคงคลังที่เข้ามาเป็นจำนวนมากได้ ช่วยเเก้ปัญหาของผู้ที่มาใช้ E-COMMERCE FULFILLMENT ที่ไม่มีเวลา และพบข้อผิดพลาดบ่อย บริหารจัดการเองไม่ได้ซึ่ง Solution นี้สามารถช่วยลดปัญหาทุกอย่างได้ แถมยังทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำผ่านรูปแบบการบริหารจัดรายการตั้งเเต่เริ่มสั่งของจนถึงส่งของให้ลูกค้า โดยมีบริการอยู่ 2 รูปแบบ ดังนี้ 1. E- COMMERCE FULFILLMENT คือ ผู้ประกอบการ E-COMMERCE ที่ไม่ต้องการบริหารด้วยตนเอง ซึ่งบริการจะช่วยลดเวลาในการ เก็บ - แพ็ค - ส่งสินค้า และลดความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี 2. ORDER MANAGEMENT SYSTEM คือผู้ประกอบการที่มีคลังสินค้าอยู่แล้วแต่ยังไม่มีระบบการบริหารจัดการคลังที่ดีพอ 

XSelly

Startup Platform ที่ช่วยให้การบริหารระบบหลังบ้านเเบบครบวงจร ตั้งเเต่บริหารการขาย สต๊อกสินค้า และการจัดส่ง ช่วยให้ร้านค้าและแบรนด์ สามารถจัดการออเดอร์ไม่ว่าจะหลักร้อยถึงหลักพันต่อวันได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว จากช่องทางต่าง ๆ เช่น Facebook Line IG Shopee Lazada รองรับเรื่องการรับชำระไม่ว่าจะเป็นการแนบสลิบโอนเงิน หรือ QR Code สามารถพิมพ์ใบปะหน้าพัสดุได้หลากหลายขนาด พร้อมเลขติดตามพัสดุจากขนส่งชั้นนำ พร้อมการตรวจสอบสถานการณ์จัดส่ง และการกระทบยอดเก็บเงินปลายทางให้อัตโนมัติ เมื่อเงินเข้าบัญชี 

ZWIZ.AI

Startup Platform ที่มีบริการด้านระบบ AI Chatbot และ วิเคราะห์ข้อมูลสำหรับธุรกิจ สามารถนำไปใช้ในการช่วยตอบคำถาม และ บริการลูกค้าผ่านทางช่องทาง Facebook Messenger และ LINE โดยระบบ AI สามารถช่วยทำการตอบคำถามและให้บริการแบบอัตโนมัติ ทั้งตอบแชท และตอบคอมเมนต์ ทั้งยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลบทสนทนาและข้อมูลลูกค้าได้อีกด้วย จุดเด่นคือสามารถเชื่อมต่อระบบสต๊อกสินค้า และ เก็บออเดอร์การขายให้สามารถขายผ่านช่องทาง Social ได้ง่าย สามารถปิดการขายได้เลยทันทีในแชท 

สามารถติดตามสตาร์ทอัพไทยที่มีโซลูชั่นและบริการดีๆ ได้ใน “STARTUP MARKETPLACE IS LIVE NOW” รายการที่จะช่วยสร้างช่องทางการตลาดให้กับสตาร์ทอัพไทย ในช่วงสถานการณ์วิกฤต โดย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA  และข้อมูลข่าวสาร ได้ที่ FB PAGE: STARTUP THAILAND และ FB GROUP: STARTUP THAILAND MARKETPLACE

บทความนี้เป็น Advertorial

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image
Responsive image

9 ทักษะดิจิทัล ปี 2024 สร้างมูลค่าให้บริษัทด้วย Tech Skills แห่งอนาคต

ทักษะดิจิทัล หรือทักษะด้านเทคโนโลยี (Tech Skills) ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็วและแม่นยำ ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด...

Responsive image

AI ล้ำหน้าหรือภัยอนาคต? แล้วมนุษย์จะเป็นผู้ล่าหรือเหยื่อ | Tech for Biz EP.17

ในยุคที่ AI เติบโตอย่างรวดเร็ว จนมีการคาดการณ์ว่ากว่า 300 ล้านตำแหน่งจะหายไป คำถามคือ คุณจะยืนอยู่ฝ่ายไหนระหว่างเหยื่อที่ถูกแทนที่ หรือนักล่าที่ใช้ AI เป็นเครื่องมือ? แล้วต้องปรับต...