เข้าสู่ปี 2024 บริษัทหลายแห่งเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี ภายหลังที่ AI เริ่มเข้ามีบทความต่อธุรกิจและเศรษฐกิจระดับโลกมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าเทคโนโลยีอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจและก่อให้เกิด Technology Disruption ได้ หากพนักงานที่เป็นทรัพยากรอันทรงคุณค่าในองค์กร ขาดทักษะสำคัญอย่าง "ทักษะดิจิทัล" หรือความรู้ด้านเทคโนโลยีที่ช่วยผลักดันองค์กรให้เติบโตยิ่งขึ้น 

แล้วเราในฐานะ HR หรือผู้นำองค์กร จะต้องมองหา Tech Skills ด้านไหนในตัวพนักงานบ้าง? TalentSauce จะชวนคุณไปเจาะลึกกับ 9 ทักษะดิจิทัล ปี 2024 ที่กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ในอนาคต เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนี้ และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันธุรกิจกับตลาดโลก

พลิกโอกาสทางธุรกิจ เพิ่มสปีดด้วย Tech Skills

ทักษะดิจิทัล หรือทักษะด้านเทคโนโลยี (Tech Skills) ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็วและแม่นยำ ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด โดย Tech Skills ในปี 2024 นี้ จะมุ่งเน้นไปที่การมีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ไม่ว่าจะเป็นการคิดวิเคราะห์และจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ความปลอดภัยทางข้อมูล หรือการสื่อสารที่แม่นยำเฉพาะจุด เมื่อผสมผสานกับทักษะทางด้านธุรกิจ (Business Skills) จะช่วยให้เราเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภค สามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมาย จนถึงพัฒนาและต่อยอดองค์ความรู้ไปสู่สิ่งใหม่ ๆ ได้ 

ส่อง 9 ทักษะด้านเทคโนโลยี ที่องค์กรควรมีในปี 2024

1. ทักษะด้านการใช้เครื่องมือ AI (Generative AI)

“AI ไม่ได้มาแทนที่คนทำงาน แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้น” การนำความรู้ทางด้าน Generative AI  หรือ “GenAI” เป็นตัวช่วยที่ทำให้ทีมสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้หลากหลายรูปแบบ ช่วยย่นระยะเวลาในการทำงาน และไม่จำกัดกรอบความคิด ยกตัวอย่างการใช้ AI สร้างภาพ (AI image generator) ด้วย Midjourney, การเขียนบทความหรือเขียนโปรแกรม (Programming) ด้วย ChatGPT, การค้นหาและสรุปข้อมูลด้วย Gemini (ชื่อเดิมคือ Google Bard), การตัดต่อวิดีโอด้วย Adobe Premiere Pro AI, หรือการใช้ AI  ออกแบบ Presentation ด้วย Gamma.app เป็นต้น 

2. การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis & Data Science)

การนำข้อมูลที่มีมาต่อยอดธุรกิจ ถือเป็นทักษะสำคัญที่หลายบริษัทต้องการในปี 2024 ทักษะดิจิทัลทางด้านนี้มี 2 ประเภท ได้แก่ Data Analysis คือการวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงสถิติ เพื่อค้นหาเหตุและผลจากข้อมูลเชิงลึก ช่วยให้แก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเครื่องมือวิเคราะห์ที่สาย Data นิยมใช้งาน มีทั้ง Excel, Tableau, Looker Studio, Microsoft Power BI เป็นต้น

ในส่วนของ Data Science จะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลแบบภาพใหญ่ ไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะเจาะจง แต่จะมีกระบวนการทำงานผ่านการจัดเก็บ จัดการ และวิเคราะห์ ซึ่งโปรแกรมที่นิยมใช้งาน มีทั้ง SQL, Python, JavaScript, Machine Learning เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ Data Analysis & Data Science กลายเป็นทักษะ IT ที่มีความต้องการสูง ไม่แพ้ Software Developer ในยุคนี้เลยทีเดียว 

3. ความเข้าใจด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity)

บริษัททั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหาการจัดเก็บข้อมูลให้ปลอดภัย จึงทำให้มิจฉาชีพหรือแฮกเกอร์สามารถโจรกรรมข้อมูล ทำให้ข้อมูลรั่วไหลและเกิดความเสียหายตามมา เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น บริษัทจึงควรมีพนักงานที่มีความรู้ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมถึงรู้จักการใช้เครื่องมือดูแลและจัดเก็บข้อมูลให้ปลอดภัย จะช่วยให้องค์กรลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้

4. จัดการโปรเจกต์ได้มีประสิทธิภาพ (Product Management)

อีกหนึ่งทักษะที่องค์กรควรมี คือการจัดการโปรเจกต์ (Project Management)  ซึ่งผู้ที่มีทักษะด้าน Project Management จะต้องกำหนดขั้นตอนในการดำเนินงาน สามารถรับมือความกดดันและจัดการปัญหาได้อย่างถูกจุด มีความรู้พื้นฐานทางด้านเทคนิค รวมถึงสามารถประสานงานร่วมกับทีม และช่วยแนะนำสิ่งที่ควรแก้ไขปรับปรุง ทักษะนี้ AI ยังไม่สามารถทดแทนได้ เพราะต้องอาศัยประสบการณ์และการคิดแบบ Logic Thinking เป็นหลัก จึงจะช่วยให้โปรเจกต์ดำเนินไปได้อย่างประสบความสำเร็จ

5. ความเข้าใจในการใช้งานระบบ Cloud (Cloud Computing)

จากการสำรวจของบริษัท Garner ในปี 2567 จะพบว่าอัตราการเติบโตของผู้ใช้งานระบบ Cloud ทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 20.4% คิดเป็นมูลค่ารวม 678.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 563.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2566 แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) รวมถึงการเข้ามาของเทคโนโลยี GenAI ล้วนมีบทบาทในการผลักดันให้บริษัทหลายแห่ง เปลี่ยนมาใช้ระบบ Cloud เพื่อดูแลและจัดเก็บข้อมูลอย่างเต็มรูปแบบ โดยองค์กรจะต้องมองหาผู้ที่มีทักษะทางด้าน Cloud Computing เพื่อเข้าใจหลักการใช้บริการของระบบ Cloud สามารถติดตั้งและใช้โปรแกรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้

6. การสื่อสารข้อมูลให้เข้าใจง่าย (Data Storytelling)

หัวใจสำคัญของการสื่อสาร คือการนำเสนอข้อมูลให้เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจและเข้าใจง่าย ช่วยให้ผู้ฟังสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์ต่อได้ โดยทักษะดิจิทัลนี้เรียกว่า “การสื่อสารข้อมูล” หรือ “Data Storytelling” ซึ่งหลักการทำงานที่สำคัญของผู้ที่มีทักษะนี้ คือการนำข้อมูล (Data) ที่มีมาอธิบายผ่านภาพแบบ Visualization และการเขียนคำอธิบายประกอบภาพแบบ Narrative หากองค์กรไหนมีพนักงานที่มีทักษะ ไม่ว่าคุณจะต้องการ Presentation เพื่อเสนอขายงาน หรือทำ Report เพื่อวิเคราะห์ Performance ก็ย่อมได้เปรียบมากกว่าบริษัทที่ขาดพนักงานที่มีทักษะนี้อย่างแน่นอน 

7. การพัฒนา Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR)

นอกจากทักษะการทำงาน ด้านการใช้เครื่องมือเพื่อ GenAI จะเป็นเทรนด์การทำงาน ในปี 2024 แล้ว เทคโนโลยีการพัฒนาโปรแกรมเสมือนจริง หรือที่เรียกว่า Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) ก็ยังเป็นทักษะการทำงานด้านเทคโนโลยีแบบ Hard Skills ที่เหมาะสำหรับบริษัทที่ต้องการพัฒนาซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชัน ให้สามารถแสดงผลได้แบบสมจริงมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Apple ที่ผลิต Apple Vision Pro แว่นตา AR ที่ผสานความสมจริงของภาพและคอนเทนต์แบบดิจิทัลเข้าไว้ด้วยกัน นอกจากจะได้รับผลการตอบรับที่ดีเยี่ยมแล้ว ยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ได้ หากบริษัทไหนมองหาโอกาสในการเติบโต เทคโนโลยี AR / VR ช่วยองค์กรคุณได้แน่นอน 

8. การใช้เทคโนโลยี Robotic Process Automation (RPA)

เบื่อกับการทำงานด้วยกระบวนการแบบซ้ำ ๆ ไหม? หากบริษัทของคุณอยากลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้น ลองหาพนักงานที่มีศักยภาพในการ RPA (Robotic Process Automation) หรือเทคโนโลยีที่ใช้ Robot ในการเข้ามาช่วยจัดการและทำงานได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้ธุรกิจในสายงาน Customer Service, HR, Supplier และอุตสาหกรรมอื่น  ๆ สามารถลดต้นทุนและดำเนินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็ว 

9. การออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้งาน (UX/UI Design)

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ธุรกิจเริ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการมาเป็นออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันในการให้บริการ ด้วยเหตุนี้ องค์กรจะขาดพนักงานที่มีทักษะทางด้านออกแบบ UX / UI ไปไม่ได้เลย โดยผู้มีทักษะดิจิทัลด้านนี้ นอกจากจะต้องวิเคราะห์ถึงความต้องการของกลุ่มเป้าหมายผ่านการทำ User Research หรือการออกแบบเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ให้ตรงกับประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User Experience) มากที่สุดแล้ว นักออกแบบ  UX / UI ยังต้องมีทักษะการทำงานแบบ Teamwork เพื่อทำงานร่วมกับอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขายและการตลาด ฝ่ายพัฒนาซอฟต์แวร์และอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยให้งานเป็นไปได้อย่างราบรื่น และมีประสิทธิภาพ

สรุป : จากทักษะดิจิทัลทั้ง 9 ด้าน ถือเป็นทักษะการทำงานด้านเทคโนโลยีแบบ Hard Skills ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่องค์กรได้ แต่การที่เราจะเฟ้นหาคนเก่งที่เป็น Tech Talent นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าบริษัทไหนก็ต้องการหาคนเก่งมาร่วมงานกับองค์กร TalentSauce เข้าใจคุณดี เราจึงสร้างแพลตฟอร์มที่รวบรวมคนเก่งในสายงานเทคโนโลยีมาไว้ในที่เดียว โดยมีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการจัดการและคัดเลือกโปรไฟล์ของผู้สมัครงาน ช่วยให้บริษัทหรือ HR สามารถหา Tech Talent ที่มีคุณสมบัติตรงกับความต้องการได้ง่ายขึ้น

อย่ารอช้า! ทดลองใช้แพลตฟอร์ม TalentSauce  ได้แล้ววันนี้ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม โทร 02-038-2639, 094-924-6162 หรืออีเมล [email protected] หากบริษัทไหนต้องการให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ ลงทะเบียนและกรอกข้อมูลได้ที่ลิงก์นี้