ฟองสบู่ AI กำลังจะแตก หรือแค่เพิ่งเริ่มต้นในปี 2026? เจาะลึกผ่านมุมมอง 17 ผู้นำโลกธุรกิจ

AI Bubbleที่มาของภาพ: Broligarchy.substack.com

ในชั่วโมงนี้ ไม่มีประเด็นไหนในโลกเทคโนโลยีจะร้อนแรงไปกว่าคำถามที่ว่า ‘เรากำลังเต้นรำอยู่บนฟองสบู่ AI หรือไม่?’ ท่ามกลางกระแสเงินลงทุนมหาศาลที่ไหลบ่าเข้าสู่ Silicon Valley จนดันมูลค่าบริษัทเทคโนโลยีพุ่งทะยานเสียดฟ้า ความกังวลเรื่องประวัติศาสตร์ซ้ำรอยยุค Dot-com เริ่มก่อตัวขึ้น

ล่าสุด Sam Altmaแห่ง OpenAI ได้ออกมาจุดชนวนถกเถียงครั้งสำคัญด้วยการยอมรับว่า ‘ฟองสบู่’ อาจกำลังเกิดขึ้นจริง แต่เขาไม่ใช่คนเดียวที่ออกมาพูดเรื่องนี้ สำนักข่าวอย่าง Business Insider ได้รวบรวมทัศนะจาก 17 ผู้นำระดับโลก ตั้งแต่ Bill Gates, Jensen Huang ไปจนถึง Peter Thiel มาดูกันว่าในสายตาของคนที่กุมบังเหียนโลกเทคโนโลยี พวกเขามองเห็น ‘หายนะ’ หรือ ‘อนาคต’ กันแน่

กลุ่มที่ 1 สัญญาณเตือนภัย 'ฟองสบู่ก่อตัวแล้ว'

กลุ่มผู้นำที่มองเห็นความผิดปกติของตลาด และเชื่อว่ามีการประเมินมูลค่าสูงเกินจริง 

Sam Altman (CEO, OpenAI)

แม้จะเป็นผู้จุดกระแส AI Boom แต่ Altman ยอมรับกับผู้สื่อข่าวว่า ‘เราอยู่ในฟองสบู่หรือไม่? ผมคิดว่าใช่’ เขาอธิบายปรากฏการณ์นี้ว่า ‘เมื่อฟองสบู่เกิดขึ้น คนฉลาดมักจะตื่นเต้นจนเกินเหตุกับแก่นความจริงบางอย่าง’ แม้เขาจะยืนยันว่า AI คือสิ่งสำคัญที่สุดในรอบหลายปี แต่ความคาดหวังของนักลงทุนในระยะสั้นนั้นกำลังพุ่งเกินความเป็นจริง

Bill Gates (Co-founder, Microsoft) 

ตำนานผู้ผ่านยุค Dot-com มาแล้วอย่างโชกโชนมองว่า AI อยู่ในภาวะฟองสบู่ แต่ไม่ได้ไร้สาระเหมือนวิกฤตดอกทิวลิป (Danish tulips) ในอดีต ‘มูลค่าของมันสูงมาก เหมือนอินเทอร์เน็ต แต่ตอนนี้เรามีความคลั่งไคล้ผสมอยู่ด้วย’ Bill Gates เตือนว่าการลงทุนมหาศาลใน Data Center บางแห่งอาจกลายเป็นทางตัน และบริษัทจำนวนมากจะล้มหายตายจากไป

Sundar Pichai (CEO, Google)

Sundar Pichai ยอมรับว่ามีความ ‘ไร้เหตุผล’ ปะปนอยู่ในตลาดช่วงนี้ เขากล่าวกับ BBC ว่า ‘ผมคิดว่าไม่มีบริษัทไหนที่จะรอดพ้นไปได้ รวมถึงเราด้วย’ หากฟองสบู่แตก รัศมีทำลายล้างจะแผ่ขยายไปทั่วภาคเอกชน เพราะวงจรการลงทุนเทคโนโลยีมักจะพุ่งเกินจุดสมดุลเสมอ

Bret Taylor (Chairman, OpenAI) 

อดีตประธานบอร์ด Twitter และประธานคนปัจจุบันของ OpenAI มองโลกในแง่ร้ายพอกัน ‘ผมคิดว่าเราอยู่ในฟองสบู่ และผู้คนจำนวนมากจะสูญเสียเงินมหาศาล’ Bret Taylor เปรียบเทียบกับยุค Dot-com ว่าไอเดียหลายอย่างในยุคนั้น (เช่น Webvan) ไม่ใช่ไอเดียที่แย่ แต่แค่มาก่อนกาล ซึ่ง AI ในปัจจุบันก็อาจเผชิญชะตากรรมเดียวกันในระยะสั้น

Ray Dalio (Founder, Bridgewater Associates) 

เจ้าพ่อ Hedge Fund มองกราฟแล้วขนลุก ‘วงจรที่เราอยู่ตอนนี้เหมือนปี 1998-1999 มาก’ Ray Dalio ชี้ว่านักลงทุนกำลังสับสนระหว่าง ‘เทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จ’ กับ ‘การลงทุนที่ประสบความสำเร็จ’ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาควบคู่กับอัตราดอกเบี้ยและราคาหุ้นที่สูงลิ่ว

Tom Siebel (CEO, C3.ai) 

Tom Siebel มองว่า ‘นี่คือฟองสบู่ขนาดมหึมา’ เขามองว่าตลาดให้มูลค่าเกินจริงไปมาก และยังทิ้งท้ายอย่างเผ็ดร้อนถึง OpenAI ว่า ‘ถ้าบริษัทนี้หายไปพรุ่งนี้ โลกก็ไม่เปลี่ยน ชีวิตคนไม่เปลี่ยน Microsoft ก็แค่หาตัวอื่นมาเสียบแทน Copilot เพราะมีผลิตภัณฑ์อื่นอีกเป็น 10 ตัวที่ทำได้ดีพอๆ กัน’

Joe Tsai (Co-founder, Alibaba) 

จากฝั่งจีน Joe Tsai กังวลเรื่องการเร่งสร้าง Infrastructure มากเกินความจำเป็น ‘ผมเริ่มเห็นจุดเริ่มต้นของฟองสบู่’ เขากังวลเรื่องการสร้าง Data Center แบบ ‘On spec’ หรือการสร้างเผื่อไว้ก่อนเพื่อเก็งกำไร โดยที่ความต้องการใช้งานจริงยังตามมาไม่ทัน

Daniel Pinto (Vice Chairman, JPMorgan) 

นายธนาคารใหญ่เตือนว่า ‘การปรับฐานน่าจะเกิดขึ้นแน่’ Daniel Pinto มองว่าตลาดกำลังให้มูลค่าโดยอิงกับระดับ Productivity ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ในความเป็นจริง มันอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นเร็วขนาดนั้น

Pat Gelsinger (Former CEO, Intel)

อดีตซีอีโอ Intel ยอมรับว่า ‘เราอยู่ในฟองสบู่ AI แน่นอน’ แต่ข่าวดีคือมันอาจจะยังไม่แตกในเร็วๆ นี้ Pat Gelsinger มองว่าเราเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการกอบโกยผลประโยชน์ และฟองสบู่นี้อาจอยู่ได้อีกหลายปี เพราะเรากำลังจะเข้าไปแทนที่อุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตแบบเดิมทั้งหมด

กลุ่มที่ 2 ฝ่ายมั่นใจ 'นี่คือของจริง ไม่ใช่ฟองสบู่'

กลุ่มผู้นำที่เชื่อมั่นในพื้นฐานเทคโนโลยีและมองว่าเม็ดเงินที่ลงทุนไปนั้นคุ้มค่า

Jensen Huang (CEO, Nvidia) 

 ‘ผมไม่เชื่อว่าเราอยู่ในฟองสบู่’ Jensen Huang อธิบายว่านี่ไม่ใช่การเก็งกำไร แต่คือการเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้างจาก General Purpose Computing ไปสู่ Accelerated Computing และ AI ตอนนี้เก่งพอที่จะคิดและสร้างผลลัพธ์ที่คุ้มค่าเงินได้จริงๆ

Mark Zuckerberg (CEO, Meta) 

Mark Zuckerberg มองเกมขาดว่า ‘ความเสี่ยงที่แท้จริงคือการไม่ลงทุน’ เขามองว่าตราบใดที่โมเดลยังฉลาดขึ้นเรื่อยๆ และความต้องการยังพุ่งสูง การล่มสลายก็จะไม่เกิดขึ้น เว้นแต่จะมีการแห่เอาบริษัทกลวงๆ เข้าตลาดหุ้น ซึ่งตอนนี้เขายังไม่เห็นภาพนั้นชัดเจนนัก

Lisa Su (CEO, AMD) 

คู่แข่งคนสำคัญของ Nvidia ก็เห็นด้วยว่าคนที่พูดเรื่องฟองสบู่คือคนที่ใจแคบ Lisa Su แนะนำให้มองเกมยาว 5 ปี ว่า AI จะเปลี่ยนวิถีชีวิตและการทำงานของเราไปอย่างสิ้นเชิงได้อย่างไร ซึ่งเธอเชื่อมั่นในศักยภาพนั้นอย่างเต็มเปี่ยม

Mark Cuban (Entrepreneur) 

Mark Cuban แยกแยะความแตกต่างระหว่างยุคนี้กับยุค Dot-com ได้อย่างน่าสนใจ ‘ยุคนั้นแค่มีเว็บไซต์ก็เข้าตลาดหุ้นได้ โดยไม่มีมูลค่าที่แท้จริง’ แต่บริษัท AI ยุคนี้มีโมเดลธุรกิจ มีผลิตภัณฑ์ และไม่ได้แค่อาศัยความฟูฟ่องของตลาดหุ้นเพียงอย่างเดียว

Eric Schmidt (Former CEO, Google) 

Eric Schmidt ใช้ประสบการณ์ส่วนตัวฟันธงว่า ‘ไม่น่าใช่ฟองสบู่’ เขาชี้ไปที่ตลาดฮาร์ดแวร์ว่า Data Center ขนาดยักษ์ถูกสร้างขึ้น และชิป Nvidia ก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ‘ผมไม่เคยเห็นสถานการณ์ไหนที่ความสามารถของฮาร์ดแวร์ถูกสร้างขึ้นมาแล้วซอฟต์แวร์จะไม่ตามไปใช้งานจนเต็ม’

Peter Thiel (Co-founder, PayPal) 

นักลงทุนสาย Contrarian มองว่า ‘มันจะไปต่อ’ Peter Thiel มองในมุมเศรษฐศาสตร์มหภาคว่า นี่คือ Vector การเติบโตเดียวที่เหลืออยู่ในสังคมตะวันตก ถ้าสหรัฐฯ ไม่คว้าไว้ก็จะบ้ามาก และเขามองว่าการที่คนยุโรปถามเรื่องฟองสบู่บ่อยๆ แสดงว่ายุโรปจะไม่สร้าง AI และจะตามหลังสหรัฐฯ

กลุ่มที่ 3 มองโลกตามความเป็นจริง 'ฟองสบู่ที่ดี?'

Jeff Bezos (Founder, Amazon) 

Jeff Bezos นิยามสถานการณ์นี้ว่า ‘Industrial Bubble’ ซึ่งต่างจากการพนัน เขาเปรียบว่าแม้มันจะเป็นฟองสบู่ แต่มันก็อาจจะเป็นเรื่องดี เพราะเม็ดเงินมหาศาลจะถูกอัดฉีดเข้ามาเพื่อคัดกรองผู้ชนะ และเมื่อฝุ่นจางลง สังคมจะได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมที่เหลือรอดอยู่

Nicolai Tangen (CEO, Norges Bank Investment Management) 

ผู้ดูแลกองทุนความมั่งคั่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกมองว่า ‘ถ้ามันเป็นฟองสบู่ ก็คงเป็นฟองสบู่ที่ไม่เลวร้ายนัก’ Nicolai Tangen มองว่าเงินทุนที่ไหลเข้ามาจะช่วยขับเคลื่อน Productivity ในระยะยาว ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือ สำหรับนักลงทุนแล้ว การจะแยกแยะว่าใครคือ ‘ของจริง’ ท่ามกลางเสียงรบกวนนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก

เสียงสะท้อนจาก 17 ผู้นำชี้ชัดว่า แม้ AI จะเป็นเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก แต่ความร้อนแรงทางการเงินอาจกำลังเข้าสู่โซนอันตราย นักลงทุนและธุรกิจไทยจึงไม่ควร ‘Fear of Missing Out’ (FOMO) จนขาดสติ แต่ควรโฟกัสที่การนำ AI มาสร้าง Value จริงๆ ให้กับธุรกิจ เพราะเมื่อน้ำลด ตอจะผุด และคนที่มีของจริงเท่านั้นที่จะได้ไปต่อในยุคหน้า

ที่มา: Business Insider

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Top AI 2024 ปี 2025 โตขึ้นแค่ไหน? เจาะลึกวิวัฒนาการสู่ ‘Agentic AI’ จากแชทบอทสู่ระบบที่คิดและทำงานได้เอง

โลก AI เปลี่ยนไปไกลแค่ไหนในรอบ 2 ปี? จากเดิมที่เป็นเพียง Chatbot คุยถาม-ตอบ ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดไปสู่ระบบที่สามารถ คิด วิเคราะห์ และลงมือทำ บทความนี้สรุปประเด็นสำคัญของการเปลี่ยนผ่า...

Responsive image

90% ขององค์กรไทยยังไม่พร้อมรับมือความเสี่ยงไซเบอร์ยุค AI รายงานจาก Accenture ชี้ Cybersecurity คือโจทย์เร่งด่วน

รายงานจาก Accenture ชี้ว่าองค์กรไทยและเอเชียแปซิฟิกยังขาดความพร้อมด้าน Cybersecurity ในยุค AI เมื่อ Autonomous AI, AI Agent และระบบอัตโนมัติเร่งขยายตัว ความปลอดภัยจึงกลายเป็นกลยุทธ...

Responsive image

ทำไมองค์กรทุ่มงบให้ AI แต่ยังไม่เห็นผลจริง ? เปิดมุมมองกับ ABeam Consulting ผู้คลุกคลีกับ Data & AI ขององค์กรไทย

ทำไมทุ่มงบ AI แต่ไม่เห็นผล? เจาะลึกมุมมองจาก ABeam Consulting ถึงสาเหตุที่แท้จริง ตั้งแต่ปัญหาข้อมูลใช้ไม่ได้ จนถึงวัฒนธรรมองค์กร พร้อมแนวทางปรับตัวให้ AI ใช้งานได้จริงในปี 2025...