Airbnb ที่เดิมทีเรามองเขาเป็น PropertyTech ช่วยเรื่องการหาที่พักอาศัย ได้เพิ่มโมเดลมาสู่ธุรกิจนำเที่ยว + ขายประสบการณ์ เรียกว่า"Airbnb Experience" ที่มาที่ไปของการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นอย่างไร
หลายๆ คนมองว่า Airbnb กำลังเข้ามาเล่นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แต่จริงๆ เจ้าตัวก็ถือว่าอยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมาตั้งแต่แรก เพราะกลุ่มลูกค้าหลักของ Airbnb คือนักท่องเที่ยวที่หาที่พัก (ไม่ใช่กลุ่มนักธุรกิจที่หาที่พักสำหรับ Business trip) นอกจากนี้ตัวเจ้าบ้าน Airbnb เอง ก็มักยินดีกับการต้อนรับแขกนักท่องเที่ยว
เรียกได้ว่ากลุ่มผู้ใช้งานมีความพร้อมอยู่แล้ว อาศัยการเพิ่มธุรกิจอีกโมเดลหนึ่ง ต่อยอดเข้าไป จากการให้พักอาศัย เจ้าบ้าน local ก็สามารถหารายได้เสริมจากการพาเที่ยวเองด้วย
ต่อยอดลูปการท่องเที่ยวให้ครบมากขึ้น
ปัจจุบันแอปเวอร์ชันใหม่นี้ใช้งานได้แล้วในหลายเมือง ได้แก่ London, Los Angeles, San Francisco, Paris, Tokyo และ Nairobi และกำลังขยายเพิ่มเติม
ข่าวโมเดลใหม่นี้มาในจังหวะที่เหมาะเจาะเสียด้วย เล่ากันว่า Airbnb ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ 3 หมื่นล้านเหรียญ กำลังมองเรื่องการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ แต่ทว่าบริษัทก็กำลังเผชิญสถานการณ์การถูกควบคุมโดย regulation ต่างๆ ของอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย
เดือนที่แล้ว New York ได้เพิ่มกฏหมายคิดค่าปรับกับผู้อยู่อาศัยที่เช่าอพาร์ทเมนต์ระยะสั้นโดยไม่ถูกกฏหมาย San Francisco มีการให้เจ้าบ้านลงทะเบียนและคิดค่าปรับ Airbnb หากมีการลิสต์ที่อยู่อาศัยที่ไม่ได้อยู่ในระบบของเมือง ส่วน Los Angeles เองก็จะมีการถกเถียงเรื่องกฏที่เข้มข้นขึ้นอีกเช่นกัน
“พวกเรากังวลว่าการเช่าระยะสั้นของ Airbnb จะบิดเบือนตลาดพักอาศัย" กล่าวโดย James Elmendorf ผู้สนับสนุนกลุ่ม Los Angeles Alliance for a New Economy (Laane) “พวกเราจะต้องออกมาให้ข้อมูลแก่เจ้าบ้าน Airbnb เรื่องความรับผิดชอบของพวกเขา และไม่ฟังเสียงจากบริษัทเพียงอย่างเดียว"
การขยายสู่ธุรกิจทัวร์จึงเป็นการเปิดประตูโอกาสไปยังโลกที่ไม่ต้องถูกควบคุมด้วยกฏเกณฑ์ต่างๆ ของตลาดการเช่าที่อยู่อาศัย
กลุ่มผู้ต่อต้าน Airbnb ใน New York รูปภาพโดย Shannon Stapleton จาก Reuters
รวบรวม Experience กิจกรรมที่หลากหลาย ตั้งแต่การเดินป่า ดำน้ำ งานศิลปะ ไม่ได้มีเพียงเฉพาะการท่องเที่ยวอีกต่อไป
ที่ Airbnb เรียกโมเดลการพาเที่ยวครั้งนี้ว่า "การมอบประสบการณ์" และเรียกคนพาเที่ยวว่าผู้มอบประสบการณ์ (Experience host)
เจ้าบ้านจ่ายค่าคอมมิชชันกับ Airbnb อยู่ที่ 3% ส่วนผู้มอบประสบการณ์จ่าย 20%
ส่วนราคาแพคเกจนำเที่ยว มากกว่าครึ่งนึงมีราคาต่ำกว่า 200 เหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ Airbnb ได้มีการจัดสัมมนาและเวิร์คช็อปด้วย ซึ่งมีหัวข้อ เช่น “building empathy through community”, “leaps of faith: strategic risk-taking”, “interior design tips”, “finding your inner happy host” และ “be a 5-star host” รวมถึงหัวข้อโดยนักเขียนชื่อดัง Elizabeth Gilbert จากหนังสือ Eat, Pray, Love กับหัวข้อ “creative living beyond fear: traveling with curiosity”
ที่มาจาก: The Guardian
รับชม Keynote จาก CEO Brian Chesky
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า ผลกระทบมีต่อ Startup สายท่องเที่ยวรวมถึงการ Matching หากิจกรรม เพราะไม่ได้เน้นเรื่อง Travel แต่มองถึง Experience และ Lifestyle ต่างๆ เราอาจกล่าวได้ว่า Airbnb เข้ามาเป็นบริษัทสาย Lifestyle แล้ว
การเข้าสู่ธุรกิจสาย Lifestyle เรียกได้ว่ามี Barrier ที่ต่ำกว่าธุรกิจสาย Property เมื่อ Airbnb เริ่มสตาร์ทจากการมีจุดแข็งในธุรกิจ Property มี Hosts มากมายจากทั่วโลกอยู่ในระบบ ก็เป็นเหมือนกลยุทธ์ป่าล้อมเมือง การขยับไปสู่อุตสาหกรรมอื่นๆ ที่คล้ายคลึง ก็สามารถทำได้ จากฐาน Users เดิมที่มี
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด