เครือข่ายไร้สาย Edge Computing หุ่นยนต์อัตโนมัติ ตัวช่วยนำพาประเทศไทยก้าวสู่ยุคอุตสาหกรรมใหม่ | Techsauce

เครือข่ายไร้สาย Edge Computing หุ่นยนต์อัตโนมัติ ตัวช่วยนำพาประเทศไทยก้าวสู่ยุคอุตสาหกรรมใหม่

บทความโดย ธนัตถ์ เตชะธนบัตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โนเกีย ประจำประเทศไทยและกัมพูชา

ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยยืนโดดเด่นในฐานะหนึ่งในฐานการผลิตชั้นนำของภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการผลิตยานยนต์ แม้กระนั้น ความท้าทายมากมายที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และความจำเป็นที่จะต้องคงไว้ซึ่งศักยภาพทางการแข่งขันทำให้ ณ ขณะนี้ประเทศไทยจะต้องมุ่งเน้นในเรื่องการเร่งเพิ่มผลผลิตในภาคอุตสาหกรรม

เครื่องจักรอัตโนมัตินั้นเป็นเสมือนหัวใจหลักของการเร่งเพิ่มผลผลิตของภาคอุตสาหกรรมมาช้านาน แต่เครื่องจักรอัตโนมัติระบบดิจิทัลในส่วนของผู้ผลิตทั้งหลายนั้นยังมีข้อจำกัดในการใช้อยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเราได้เข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ก็ถือว่าเรากำลังอยู่ในกระแสหลักของการใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่ช่วยให้เราได้ใช้งานเทคโนโลยีล้ำสมัยกันมากขึ้น อย่าง ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระบบการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Machine Learning) อินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things) หรือ ไอโอที (IoT) เทคโนโลยี Edge Cloud Computing และที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งคือ การเชื่อมต่อไร้สายรุ่นต่อไปโดยผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSPs) รวมถึงคู่ค้าทางด้านเทคโนโลยีของพวกเขา

ความสำคัญพื้นฐานของเครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัว

สายเคเบิลแบบประจำที่หรือเครือข่ายไร้สายรุ่นก่อน อย่าง 3G และ 4G อาจไม่เหมาะกับการใช้งานในโรงงานแห่งอนาคต ในยุคไทยแลนด์ 4.0 นี้ ระดับของความสามารถในการผลิต ประสิทธิภาพ และความคล่องตัวเชิงปฏิบัติการจะเกิดขึ้นได้ด้วยแอปพลิเคชันที่มีความก้าวหน้ามากขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องมีความสามารถของเครือข่ายที่มีความหน่วงต่ำมาก และมีความน่าเชื่อถือที่เครือข่ายรุ่นก่อนหน้านี้ไม่สามารถทำได้

โซลูชั่นไร้สายแบบส่วนตัวสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมรุ่นใหม่ซึ่งทำงานด้วยการเชื่อมต่อบนระบบ 4.9G หรือ 5G จะช่วยให้ผู้ประกอบการโรงงานสามารถจัดการธุรกิจได้ดีขึ้น พร้อมเพิ่มสมรรถนะที่จำเป็นสำหรับศักยภาพเชิงปฏิบัติการและประสิทธิภาพในระยะยาวได้ ซึ่งล้วนเป็นผลมาจากสัญญาณที่กว้างขึ้น ความหน่วงของเวลาที่น้อยลง และความปลอดภัยที่ได้รับการปรับให้ดียิ่งขึ้น ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยเสริมศักยภาพให้กับระบบได้อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนด้วยเครื่องมือเชื่อมต่อที่สามารถสนับสนุนการทำงานของมนุษย์ได้

อีกสิ่งที่ทำให้เครือข่ายที่ล้ำสมัยมีความแตกต่าง คือมันสามารถแบ่งเครือข่ายออกเป็นส่วน ๆ ได้ นั่นคือบริการให้เช่าเครือข่ายแบบเหมารวมที่สามารถนำไปจัดสรรให้กับการปฏิบัติงานเฉพาะอย่างที่อยู่ภายในสภาพแวดล้อมทางการผลิตนั้น สิ่งนี้ช่วยเสริมการใช้ระบบอัตโนมัติในโรงงานขึ้นไปอีกขั้นด้วยการเชื่อมต่อที่มีความหน่วงต่ำมากและมีความน่าเชื่อถือในระดับสูงมากที่จะทำให้การดำเนินการเพื่อเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 มีความราบรื่น อาทิ ฝาแฝดดิจิทัล (Digital twins) หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMRs) เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง (AR) เทคโนโลยีการจำลองภาพให้เสมือนจริง (VR) เช่นเดียวกับ Edge computing 

เพิ่มพูนเชาวน์ปัญญาผ่านฝาแฝดดิจิทัล

ฝาแฝดดิจิทัล คือ แบบจำลองเสมือนของวัตถุทางกายภาพที่ใช้ตัวเซ็นเซอร์และการวิเคราะห์แบบ IoT สำหรับประเทศไทยค่านิยมการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีถูกยกขึ้นมาอยู่ในความสนใจเรียบร้อยแล้ว ตัวอย่างเช่น ฝาแฝดดิจิทัลที่ถูกใช้เพื่อช่วยเหลือทีมนักฟุตบอลเยาวชนไทยที่ติดอยู่ในถ้ำ ด้วยการทำแผนที่เพื่อจำลองพื้นที่ภายในถ้ำเพื่อใช้ในปฏิบัติการกู้ชีพดังกล่าว

สำหรับกรณีของโรงงาน ฝาแฝดดิจิทัลจะช่วยให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานสามารถวางแผนได้รอบด้านยิ่งขึ้นจากข้อมูลที่รวบรวมมาได้เพิ่มขึ้นเพื่อพัฒนาโมเดลเสมือนจริงทั้งของเครื่องจักรและสายการผลิต นอกจากนี้ฝาแฝดดิจิทัลยังช่วยให้เข้าใจได้ดียิ่งขึ้นว่าการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ จะส่งผลกระทบกับประสิทธิภาพของอุปกรณ์อย่างไร รวมถึงการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ตรงกับความต้องการในการผลิตได้ดียิ่งขึ้น

ในภาพรวม ฝาแฝดดิจิทัลช่วยในการเฝ้าติดตามประเด็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อคงคุณภาพในการผลิต ขณะเดียวกันยังช่วยในด้านการคาดการณ์ด้านการบำรุงรักษา (predictive maintenance) เพื่อให้ช่วงเวลาที่เครื่องไม่ทำงานคงอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้สามารถเสริมให้ดียิ่งขึ้นได้ด้วยเครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวที่จะช่วยเพิ่มความไว้วางใจและเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของอุปกรณ์และสายการผลิตได้

ในช่วงที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ดำเนินอย่างต่อเนื่อง ฝาแฝดดิจิทัลได้นำใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการผลิตวัคซีน ซึ่งเช่นเดียวกับกรณีของการผลิตอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เพื่อใช้รับมือกับการระบาดของโรคนี้ด้วย สำหรับประเทศไทย เทคโนโลยีฝาแฝดดิจิทัลยังแสดงให้เห็นถึงคุณประโยชน์มากมายต่อภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังเฟื่องฟู เนื่องจากผู้ผลิตยานยนต์สามารถเร่งการผลิตรถยนต์และช่วยให้สายงานการประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ

สร้าง AMRs ให้ฉลาดขึ้นและปรับใช้งานได้ดียิ่งขึ้น

หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMRs) สามารถทำให้สภาพแวดล้อมทางการผลิตมีความซับซ้อนมากขึ้น ยืดหยุ่นได้ดีขึ้น และมีความคุ้มทุนขึ้น เปรียบเทียบกับยานยนต์ลำเลียงสินค้าอัตโนมัติแบบดั้งเดิม (automated guided vehicles: AGVs) AMR เหนือกว่าในการช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถกำหนดเส้นทางได้ทั่วทั้งพื้นที่โรงงาน

อนึ่ง เครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัวที่มีความยืดหยุ่นและมีความถี่ต่ำช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้กับ AMR ยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยการทำให้ AMR ชาญฉลาดและช่วยให้ทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น เนื่องจากการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถเสริมให้ AMR ฉลาดขึ้นด้วยการเข้าใจถึงบริบทและการกำหนดเส้นทางแบบเปิดเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางและการชน ด้วยเครือข่ายดังกล่าวยังสามารถเชื่อมต่อข้อมูลและระบบได้ทั่วทั้งโรงงานเพื่อให้การทำงานของ AMR มีความทันสมัยรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสายการผลิต นอกจากนี้ ยังเสริมการทำงานของข้อมูลแบบเรียลไทม์จากกล้องออนบอร์ดและตัวเซ็นเซอร์เพื่อช่วยให้การประสานงานระหว่างคนกับเครื่องจักรอัตโนมัติทำได้ดีขึ้นอีกด้วย

ในประเทศไทย ประโยชน์ของ AMR อัจฉริยะเกิดขึ้นภายในส่วนการผลิตหุ่นยนต์นั่นเอง สิ่งนี้สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ด้วยภาคส่วนการผลิตหลักอื่น ๆ ในประเทศ อาทิ ด้านอิเล็กทรอนิกส์ ภาคส่วนในประเทศที่มีการใช้งาน AMR อยู่แล้วในขั้นตอนที่เป็นอัตโนมัติต่าง ๆ อย่างการประกอบชิ้นส่วนอย่างแม่นยำ เช่นเดียวกับการนำไปใช้ในส่วนงานที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ ที่ไม่เพียงจะช่วยลดอัตราความผิดพลาดและการสูญเสียวัตถุดิบทางการผลิต แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบชิ้นส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อน

เสริมประสิทธิภาพเทคโนโลยีเสมือนจริงแบบใหม่และความยืดหยุ่นในเชิงปฏิบัติการที่ดียิ่งขึ้นผ่าน Edge Computing 

Edge computing ช่วยเสริมความสามารถในการประมวลผลของคลาวด์ และสภาพแวดล้อมของบริการด้านไอที ณ แหล่งข้อมูลที่ใกล้ที่สุดของเครือข่าย ถือเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลังสำหรับนวัตกรรม เนื่องจากสภาพแวดล้อมแบบขอบจะถูกกำหนดคุณลักษณะโดย ความใกล้เคียง (proximity) ความหน่วงระดับต่ำมาก และแบนด์วิดท์ระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเสริมการทำงานให้ดียิ่งขึ้นด้วยการเชื่อมต่อไร้สายประสิทธิภาพสูง เทคโนโลยี Edge computing ยังช่วยสนับสนุนไอโอทีแอปพลิเคชั่นสำหรับคอมพิวเตอร์ขั้นสูงที่ใช้ระบบ Virtual reality (VR) และ/หรือ Augmented reality (AR) ซึ่งเป็นเพราะว่าข้อมูลแบบเรียลไทม์ทำให้สามารถป้อนข้อมูลให้กับแรงงานที่กำลังใช้เครื่องมือที่เชื่อมต่อได้โดยตรง (เช่น หูฟัง และแท็บเล็ตเคลื่อนที่) ผ่าน VR หรือ AR เพื่อเปลี่ยนการติดตั้งอุปกรณ์และปรับอุปกรณ์ใหม่ได้อย่างรวดเร็วตามที่ต้องการสำหรับคำสั่งงานใหม่

ในส่วนภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญ ๆ อย่าง ภาคการผลิตยานยนต์ ระบบ VR และ AR สามารถนำไปปรับใช้ในงานออกแบบ การสร้างรถยนต์ต้นแบบ และการผลิต ในขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อลดปัญหาด้านมลพิษ VR และ AR เป็นตัวช่วยในการสร้างเวอร์ชั่นเสมือนจริงของแบตเตอรี่ไฟฟ้าแบบเฉพาะ ที่ช่วยกำหนดสภาพที่แท้จริงของแบตเตอรี่และมันจะช่วยเสริมการทำงานให้กับรถยนต์ได้อย่างไร นอกจากนี้ ระบบดังกล่าวยังช่วยวิศวกรให้สามารถฝึกปรือในการตรวจจับความผิดพลาดได้มากขึ้น รวมถึงปรับพัฒนายานยนต์ดังกล่าวเพิ่มเติมเพื่อให้เหมาะสมกับความสามารถของประเทศในการส่งเสริมรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อันนำไปสู่ความมีประสิทธิภาพและอัตราความผิดพลาดที่ลดน้อยลงด้วย

เทคโนโลยี Edge computing ยังช่วยให้สายการผลิตสามารถสร้างผลผลิตได้มากขึ้นและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ด้วยการผสมผสานข้อมูลแบบเรียลไทม์และโปรไฟล์ตามประวัติการทำงานเพื่อปรับระบบต่าง ๆ ได้อัตโนมัติเพื่อสมรรถนะสูงสุด ขณะเดียวกันเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องจักรสามารถคาดคะเนในเรื่องการซ่อมบำรุงและป้องกันความผิดพลาด สิ่งนี้จะเปลี่ยนให้การปฏิบัติงานด้วยตนเองกลายเป็นรูปแบบอัตโนมัติ เช่น การใช้หุ่นยนต์ไร้สายและตั้งเป้าประสงค์ในการปฏิบัติงานให้พวกมันใหม่ตามต้องการ นับว่ามีประโยชน์ในการช่วยให้สายการผลิตมีความยืดหยุ่นได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นจะช่วยสร้างความต่อเนื่องในการปฏิบัติงานในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้การดำเนินงานหยุดชะงักอย่างการเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่เช่นโควิด-19

เมื่อ 5G เปิดตัวในประเทศไทย การยอมรับเทคโนโลยี Edge computing ได้รับการคาดการณ์ว่าจะมีการผลักดันในลำดับถัดไปร่วมกับเทคโนโลยีอื่น ๆ อย่างระบบเรียนรู้ด้วยตนเอง และ AI ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องการการเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อและมีความเร็วสูง ที่มีเพียง Edge computing เท่านั้นที่สามารถทำได้ ซึ่งการเปิดรับ use case ต่าง ๆ ที่มีศักยภาพ ไม่ได้เจาะจงแต่เพียงในด้านการผลิตแต่รวมถึงอุตสาหกรรมส่วนอื่นอีกด้วย

มอบอนาคตที่สดใสให้กับผู้ประกอบการโรงงานในประเทศไทย

ขณะที่ในช่วงหลายปีมานี้มีการเรียกร้องให้โรงงานทั้งหลายปรับตัวเพื่อเข้าสู่ความเป็นดิจิทัล ความเร่งด่วนที่ว่านี้ได้รับการยกระดับขึ้นอีกขั้นเพื่อให้การดำเนินกิจการสามารถปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่มีความท้าทายได้มากขึ้น ซึ่งการปรับใช้เหล่านี้จะก่อให้เกิดวิธีการที่รวดเร็วขึ้นเพื่อปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันในอนาคต ทั้งในระดับประเทศและนานาประเทศ

กระนั้น การเปลี่ยนสภาพแวดล้อมโรงงานทั้งระบบให้เป็นดิจิทัลนั้น ทั้งส่วนแอปพลิเคชันและกระบวนการทั้งหมดจะต้องได้รับการวางรากฐานด้วยการเชื่อมต่อไร้สายที่ครอบคลุมในทุกหนแห่งและยังต้องน่าเชื่อถือ  นั่นคือรัฐบาล ผู้ประกอบการธุรกิจ และผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CPS) ของประเทศไทยจะต้องมีบทบาทร่วมกันในการเร่งให้เกิดการสร้างโรงงานแห่งอนาคตในประเทศต่อไป


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

สองวิธีเรียกคืนอำนาจบริหารจากบริษัทตัวเอง ถกประเด็นน่ารู้จากซีรีส์ Queen of tears

เจาะลึกประเด็นซีรีส์ Queen of tears การต่อสู้แย่งชิงอำนาจบริหาร Queens Group กำลังทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ในความเป็นจริงแล้ว ในความเป็นจริงแล้ว ตระกูลฮงจะกลับมายึดคืนอำนาจบริหาร ...

Responsive image

17 เรื่อง AI ต้องรู้ จากรายงาน AI Index 2024

Techsauce ได้สรุป 17 ประเด็นสำคัญจากรายงาน AI Index Report 2024 ซึ่งจัดทำโดย Stanford Institute for Human-Centered Artificial Intelligence (HAI) ที่รวบรวมประเด็นต่างๆ ของปัญญาประดิ...

Responsive image

แนะเทรนด์ลงทุนในสตาร์ทอัพปี 2024 พร้อมช่องทางใหม่ในการระดมทุนจากงาน KATALYST TALK MEETUP #3

บทความที่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพควรอ่านเพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการเผชิญความท้าทายในปีนี้ จากการรับฟังภายในงาน KATALYST TALK MEETUP #3 ‘Navigating the Startup Challenges in 2024 and Beyond’...