PeakEngine.com เป็นระบบบัญชีออนไลน์ ที่อาศัยเทคโนโลยีคลาวด์เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนา วันนี้เราจะมาดูกันว่า ทางทีมพัฒนาซึ่งมีประสบการณ์ในการพัฒนา Fintech มากว่า 5 ปี เขามีมุมมองในการพัฒนาโปรแกรมบนคลาวด์จาก Microsoft Azure อย่างไรบ้าง
หากใครได้ติดตามรายงาน ส่องดู Fintech Startup Landscape ไทยต้นปี 2016 อาจจะได้เห็นชื่อของ PeakEngine ในบทบาทของ Business tools กันไปบ้างแล้ว ซึ่งเครื่องมือที่ทำขึ้นเป็นระบบบัญชีบนคลาวด์ ใช้งานง่าย สำหรับ SMEs เรามาเริ่มต้นพูดคุยกับพวกเขากันดีกว่า
ทีมพัฒนาของ PeakEngine.com นำโดยคุณสุทัศน์พันธุ์ วินทุพราหมณกุล ผู้ทำงานในวงการ Startup ในสาย Fintech มากว่า 5 ปี โดยมีประสบการณ์ในการพัฒนาระบบชำระเงินผ่านบัตรเครดิต และอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของทีม คือ Puun.co ซึ่งเป็น Cloud-based financial analytics software ที่เป็นหนึ่งใน startup ของโครงการ True Incube รุ่นที่สอง
PeakEngine เป็นโปรแกรมบัญชีออนไลน์ หรือ Cloud Accounting Software สําหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยความสามารถของระบบ ประกอบไปด้วย การเตรียมเอกสารบัญชีและภาษี การบริหารเงินสด การบริหารสต๊อกแบบ Real time การรองรับหลายผู้ใช้งาน และหลายกิจการ เป็นต้น โดยจุดเด่นของ PeakEngine นอกจากการทำงานที่หลากหลายแล้ว ยังมีบริการสนับสนุนที่ดีเยี่ยม และสามารถให้คำแนะนำทางด้านบัญชี หรือภาษีกับผู้ใช้ได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้นสามารถทำเรื่องบัญชีที่ยากๆได้ง่ายขึ้น และถูกต้องมากยิ่งขึ้น
เราต้องจัดการกับข้อมูลทางธุรกิจ และทางการเงินของลูกค้าจำนวนมาก ซึ่งความท้าท้ายก็คือ ข้อมูลเหล่านี้ต้องการความปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง เราต้องนำข้อมูลเหล่านี้มาประมวลผลทางบัญชีที่มีความซับซ้อน และต้องแสดงผลให้ผู้ใช้งานแบบ Real time ทำให้ระบบเทคโนโลยีด้านโครงสร้างพื้นฐานของเราต้องมีความรวดเร็ว ถูกต้อง และมีความปลอดภัยของข้อมูลเป็นอย่างมาก
เราคำนึงทั้งเหตุผลทางด้านธุรกิจ และทางด้านเทคนิค สุดท้ายเราเลือกใช้ Microsoft Azure เป็นโครงสร้างพื้นฐานของเรา
ทางด้านธุรกิจ เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า Microsoft เป็น brand ที่มีความน่าเชื่อถือ และช่วยอธิบายให้ลูกค้าเราเข้าใจถึงความปลอดภัย และมาตรฐานของการเก็บรักษาข้อมูลของทางลูกค้าได้
ทางด้านเทคนิคเองก็ต้องถือว่าน่าสนใจมาก ระบบของ Microsoft Azure มีความเสถียร ใช้งานง่าย โดยสามารถ deploy ระบบผ่าน Visual Studio ได้โดยตรง ซึ่งสะดวกต่อการใช้งานมาก ทั้งนี้เราใช้ .NET framework ในการพัฒนา ซึ่งการใช้ Microsoft Azure ทำให้การทำงานบน Microsoft Environment นั้นสะดวกและคล่องตัวเป็นอย่างมาก
เหตุผลที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ Microsoft BizSpark เราเป็น Microsoft BizSpark Plus Partner ซึ่งเป็นโครงการที่ทาง Microsoft สนับสนุนธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นหรือธุรกิจ Startup โดยทาง Microsoft ให้เครดิตการใช้งาน Microsoft Azure อยู่จำนวนหนึ่งเพื่อเป็นการช่วย Startup อย่างเราๆเริ่มต้นพัฒนา cloud-based software ได้สะดวกขึ้นที่ต้นทุนต่ำลง
ชอบ SQL Database ที่สามารถปรับการใช้งานให้เหมาะสมกับการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้งาน และการรองรับการใช้งานจำนวนมาก อีกทั้งยังสามารถทำ replication ข้อมูลบนหลายๆเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งสามารถนำข้อมูลกลับมาได้โดยง่ายในกรณีที่เกิดปัญหาเซิร์ฟเวอร์ล่มหรือถูกโจมตี เราก็สามารถ replicate ข้อมูลไปรันบนอีกเซิร์ฟเวอร์นึงได้
อีกส่วนหนึ่งคือระบบการ backup ข้อมูลอัตโนมัติซึ่งช่วยทำให้ลูกค้าเรามั่นใจได้ว่า ข้อมูลของเค้าที่อยู่บนระบบของเรานั้นจะไม่หายไปไหน และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที
โชคดีว่า Microsoft BizSpark Program มีซอฟแวร์และเครื่องมือให้เลือกใช้มากมาย ได้แก่ Microsoft Visual Studio ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักในการพัฒนาโปรแกรมนี้ และรวมไปถึงโปรแกรมพื้นฐานอย่างเช่น Microsoft Office หรือแม้แต่ Windows OS ก็มีให้เราได้เลือกใช้งานด้วยอย่างครบถ้วน
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด