จีนได้กระโดดข้ามเมืองผู้นำอย่าง London, New York และ Silicon Valley และกลายเป็น "ศูนย์กลางของนวัตกรรม Fintech ทั่วโลกและได้รับการยอมรับอย่างไม่ต้องสงสัย" ตามรายงานโดยธนาคาร EY และ DBS
รายงานเรื่อง "การตื่นขึ้นของ Fintech ในประเทศจีน: นิยามใหม่ของบริการทางการเงิน" ได้มองเห็นไดนามิก และการพัฒนาอย่างรวดเร็วของ Fintech ในประเทศจีน และมองลงไปว่าอะไรคือสิ่งที่ขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้
Neal Cross ผู้นำฝ่ายนวัตกรรมของ DBS กล่าวว่า "Fintech Ecosystem ของจีน ได้พัฒนาด้วยความเร็วที่สูงมาก"
“เขามาได้ไกลขนาดนี้ เพราะว่า Sandbox ของจีนดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโต Fintech รวมกับการมีตลาดในประเทศที่แข็งแกร่ง ควบคู่กับการผลักดันอย่างต่อเนื่องสำหรับการพัฒนานวัตกรรมและการทดลองขับเคลื่อนโดยยักษ์ใหญ่ชั้นนำ ซึ่งส่วนใหญ่สามารถนำมาประกอบกับนโยบายและกฎระเบียบของรัฐบาลได้ดี”
เหล่า Fintech ชั้นนำของจีนได้การกระจายไปต่อสู้ในการแข่งขันทั่วโลก Cross กล่าว และเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการเริ่มพูดถึงการที่จีนจะมาเป็นศูนย์กลาง Fintech ในระดับโลก
Yu’e Bao จาก Ant Financial คือหนึ่งในกองทุนออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดจัดการเงิน 9.6 หมื่นล้านสำหรับลูกค้ามากกว่า 295 ล้านคน อ้างอิงจากกลางปี 2016 Ant Financial คือผู้ให้บริการทางการเงินซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Alibaba และยังบริหาร Alipay แพลตฟอร์มการจ่ายเงินออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีผู้ใช้มากกว่า 400 ล้านคนอีกด้วย
จีนเป็นตลาดกู้ยืมเงินแบบ Peer-to-peer ที่ใหญ่ที่สุด รุดหน้ามากถึง 3 เปอร์เซ็นของระบบสินเชื่อรายย่อยเมื่อเทียบกับ 0.7 เปอร์เซ็นของตลาดเดียวกันในสหรัฐอเมริกา Lufax แพลตฟอร์มระบบปล่อยเงินกู้ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศมีผู้ใช้งานถึง 23.3 ล้านคนในเดือนกรกฎาคมปี 2016 เป็นตัวเลขที่มากกว่าสองเท่าตัวของปี
ปี 2016 มีการลงทุนใน Fintech ในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก โดยคาดว่าเงินลงทุนที่ลงในบริษัทจีน รวมๆ แล้วน่าจะมีมากถึง 1 พันล้านดอลล่าร์ โดยเป็นการลงทุนในสองบริษัทการเงินผ่านอินเทอร์เนตที่ใหญ่ที่สุดในจีนอย่าง Lufax และ JD Finance
ในไตรมาสที่สองของปี 2016 Ant Financial ระดมทุนได้ 4.5 พันล้านดอลล่าร์ กลายเป็นแพลตฟอร์ม Fintech ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยมูลค่าถึง 7 หมื่นล้านดอลล่าร์
เหล่าบริษัท Fintech สัญชาติจีนระดมเงินกันไปทั้งหมด 8.8 พันล้านดอลล่าร์ในระหว่างเดือนกรกฎาคม ปี 2015 ถึงเดือนมิถุนายน ปี 2016 ถือเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในเซคเตอร์เดียวกัน นั่นแสดงให้เห็นถึงการเติบโต 252 เปอร์เซ็น ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา
ตามรายงาน อุตสาหกรรม Fintech ของจีน เป็นผู้นำที่มีขนาดใหญ่ของโลกในเอเซียแปซิฟิกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ Payment, Insurance และการให้กู้ยืมแบบ Peer-to-peer
ข้อมูลที่ได้จากธนาคาร DBS ชี้ให้เห็นว่า 40% ของลูกค้าธนาคาร/สถาบันการเงินจีนจะใช้การชำระเงินและการบริการส่งเงินโดยใช้ Fintech เทียบกับ 20% ในอินเดีย และเพียง 4% ในสิงคโปร์
ประมาณ 35% ของลูกค้าชาวจีนใช้บริการ Insurtech เทียบกับเพียง 2% ในประเทศอินเดียและ 2% ในสิงคโปร์
การเติบโตของ Fintech ได้รับการผลักดันจากจำนวนขององค์ประกอบโดยรวมหลายอย่าง รวมไปถึงความจริงที่ว่าสถาบันการเงินของจีนตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้น้อยลง ทั้ง SME และกลุ่มลูกค้ารายย่อย
การสำรวจลูกค้าธนาคารดำเนินการโดย EY พบว่า ลูกค้าต้องการใช้บริการที่ไม่ใช่ของธนาคาร เพราะพวกเขามีราคาและค่าธรรมเนียมที่น่าสนใจกว่า การใช้งานและการทำงานระบบออนไลน์ดีขึ้น มีคุณภาพของการบริการและมีนวัตกรรมของสินค้ามากขึ้น
รายงานกล่าวว่า เมื่อเทียบกับสหรัฐและยุโรป โครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลของจีนมีความสมบูรณ์มากกว่า พร้อมกับความนิยมในการใช้สมาร์ทโฟนของพวกเขาสำหรับการธนาคารบนมือถือก็มีอยู่มาก
ประเทศจีนมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 710 ล้าน มากกว่าสหรัฐและยุโรปรวมกัน ซึ่งนี่เพิ่งเป็น Penetration rate อยู่ที่ 51.7 ของประชากรทั้งหมด ยังมีพื้นที่การเติบโตอีกมาก
นอกจากนี้สมาร์ทโฟนได้กลายเป็นอุปกรณ์อินเทอร์เน็ตที่แพร่หลาย ในเดือนกรกฎาคมปี 2016 ผู้คนจำนวน 656 ล้านคนหรือ 92.5% ของผู้ใช้ออนไลน์เข้าใช้ผ่านเชื่อมต่อผ่านมือถือ
ผู้ใช้มือถือสำหรับการชำระเงินออนไลน์คิดเป็น 358 ล้านคนภายในปี 2015 จำนวน 57.7% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจีนบอกว่าใช้มือถือในการชำระเงิน
"การพัฒนา Fintech สัญชาติจีนนั้น มีลักษณะโดดเด่นคือเข้าใจความต้องการที่ยังไม่ได้รับการเต็มเติมและเป็นโอกาสที่พวกเขาสามารถนำเสนอ นอกจากนี้ผู้ให้บริการหน้าใหม่มักจะไม่ถูกจำกัดด้วยโครงสร้างพื้นฐานเดิมๆ หรือข้อบังคับที่มีอยู่ในตลาดของประเทศที่พัฒนาแล้ว " James Lloyd ผู้นำ Fintech ของ EY เอเชียแปซิฟิกได้กล่าวไว้
"เอกลักษณ์ของจีนคือมีการผสมผสานระหว่าง 'การเข้าสู่สังคมเมืองอย่างรวดเร็ว', 'ตลาดใหญ่ยักษ์ที่ยังไม่ได้รับการรองรับอย่างเต็มที่', 'การเข้าถึงในโลกออนไลน์และโทรศัพท์' และ 'ความเต็มใจของลูกค้าในการปรับตัวยอมรับเข้ากับนวัตกรรมในการค้า การธนาคาร และบริการทางการเงิน' "
ยักษ์ใหญ่ด้านอินเทอร์เน็ตของจีนทั้ง Alibaba และ Tencent ได้มีส่วนในการเพิ่มขึ้นของ Fintech สองบริษัทใหญ่นี้ตอนนี้กำลังไปทั่วโลก
Alibaba Group ในปัจจุบันมีรายได้มากกว่า 86% จากประเทศจีน แต่มีเป้าหมายที่จะสร้างครึ่งหนึ่งของยอดขายทั้งหมดมาจากต่างประเทศ ในขณะเดียวกัน Baidu ได้รับการขยายการให้บริการในต่างประเทศ Baidu Wallet ในประเทศไทย รวมถึงบริการเพิ่มขึ้นมาเพื่อที่จะขยายไปเกาหลี, ญี่ปุ่น, ฮ่องกง, มาเก๊าและไต้หวัน สังคมสื่อยักษ์อย่าง Tencent ได้ลงทุนในระดับนานาชาติกับบริษัทที่มุ่งเน้นที่ การเติมเงินมือถือ ปัญญาประดิษฐ์ และเกมมิ่ง
แปลและเรียบเรียงจาก fintechnews.sg
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด