จีนนำ 'เครื่องตรวจคลื่นสมอง' ใช้ในห้องเรียน คุมสมาธิแบบเรียลไทม์ | Techsauce

จีนนำ 'เครื่องตรวจคลื่นสมอง' ใช้ในห้องเรียน คุมสมาธิแบบเรียลไทม์

เป็นที่ทราบกันดีว่าจีนได้ทุ่มเวลาและเงินลงทุนเพื่อเป็นที่หนึ่งด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) อีกทั้งทุ่มงบประมาณในด้านการศึกษา บริษัท Tech giant ยักษ์ใหญ่ Startup และผู้ดำรงตำแหน่งด้านการศึกษาต่างก็กระโดดเข้ามาเป็นผู้เล่นในด้านนี้ ตอนนี้มีหลายโรงเรียนที่ใช้ AI ช่วยในการเรียนรู้ไม่ว่าจะผ่านโปรแกรมการสอนพิเศษนอกห้องเรียน การนำระบบการตรวจจับใบหน้ามาใช้ในห้องเรียนเพื่อวัดประสิทธิภาพการเรียนรู้ของเด็ก

จีน เครื่องตรวจคลื่นสมอง ห้องเรียน

ล่าสุด สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานว่าในจีนได้มีการนำเครื่องวัดสัญญาณสมอง Electroencephalogram หรือ EEG มาใช้ในห้องเรียนในระดับประถมปีที่ 5

โดยที่รัดศรีษะนี้เป็นอุปกรณ์ที่มาจากบริษัท BrainCo จากสหรัฐฯ โดยเครื่องจะทำการวิเคราะห์คลื่นสมองของเด็กว่ามีสมาธิสั้นในการเรียนหรือไม่ และจะรายงานผลตรงไปยังคุณครูและกลุ่มผู้ปกครอง 

เครื่องนี้ยังวัดละเอียดระดับความตั้งอกตั้งใจของนักเรียนแต่ละคนในช่วงเวลา 10 นาที หากแถบแสดงสถานะสีแดง นั่นแปลว่า เด็กมีสมาธิจดจ่ออย่างมาก หากแสดงสถานะสีฟ้า นั่นคือเด็กกำลังวอกแวก และหากสถานะสีขาว แปลว่าเด็กไม่มีสมาธิจดจ่อเลย

แม้ยังอาจไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเจ้า EEG นั้นอ่านผลได้ถูกต้องแม่นยำแค่ไหน คุณครูได้ให้ความเห็นว่า เครื่องนี้สามารถช่วยบังคับให้นักเรียนมีวินัยในการเรียนมากขึ้น

"สิ่งนี้ทำให้นักเรียนมีความสนใจในการเรียนมากขึ้น และได้คะแนนในการสอบสูงขึ้น" คุณครูท่านหนึ่งกล่าว

ในขณะที่ผู้ปกครองและครูหลายคนเห็นว่านี่เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการปรับปรุงผลการเรียนให้ดีขึ้น แต่นี่กลับกลายเป็นฝันเลวร้ายที่สุดของเด็ก ๆ

นักเรียนได้เผยความในใจว่า เครื่องนี้ทำให้พวกเขารู้สึกกดกัน เพราะหากพวกเขาไม่สามารถทำคะแนนสอบได้ดีเมื่อเทียบกับเพื่อนคนอื่นๆ ผู้ปกครองก็จะรู้ได้ทันที

Theodore Zanto นักประสาทวิทยาจาก University of California, San Francisco ได้ทราบข่าวนี้ เขารู้สึกประหลาดใจที่รู้ว่าเทคโนโลยีนี้ได้ถูกนำไปใช้กับเด็กๆ

ซึ่งโดยปกติแล้วเทคโนโลยี Electroencephalography (EEG) มักจะถูกใช้โดยแพทย์ในโรงพยาบาลและห้องปฏิบัติการ

"ข้อมูลที่ได้อาจไม่มีการป้องกันความเป็นส่วนตัวเลยด้วยซ้ำ" Theodore กล่าว

ราวกับว่าห้องเรียนกำลังเป็นแล็บทดลองของรัฐบาล โดยข้อมูลที่ได้จากเครื่องวัด นอกจากจะถูกส่งไปยังคุณครู และผู้ปกครองแล้ว ยังส่งไปที่โครงการวิจัยที่ได้รับทุนจากรัฐบาลอีกด้วย แม้แต่ผู้ปกครองยังดูไม่ค่อยแน่ใจว่าข้อมูลนั้นจะไปลงเอยที่ไหน อีกทั้งยังดูเหมือนไม่ให้ความใส่ใจมากนัก

ซึ่งการนำ EEG เซนเซอร์มาใช้กับประชาชนในชีวิตประจำวัน ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ โดยก่อนหน้านี้ จีนได้มีการนำเครื่องรัดศีรษะมาใช้วัดระดับอารมณ์ของกลุ่มคนทำงานในโรงงานและในกองทัพ เพื่อแสดงผลว่าพวกเขามีภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล หรือความโกรธหรือไม่ ด้วยการประมวลจาก AI จะช่วยธุรกิจให้สามารถปรับการทำงานได้อย่างสอดคล้อง

แล้วมันได้ผลจริงไหม? การสแกนสมองด้วย EEG ยังมีข้อจำกัดอยู่ อีกทั้งสิ่งที่เครื่องสามารถตรวจจับได้และความสัมพันธ์ระหว่างสัญญาณเหล่านั้นกับอารมณ์ของมนุษย์ก็ยังไม่ชัดเจน 

ในส่วนประสิทธิภาพและความแม่นยำของเครื่องวัดนั้นยังไม่แน่ชัด หากจะพูดถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีนก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่อีกประเด็นก็คือการที่จีนพัฒนาเทคโนโลยีมาเพื่อกำหนดชะตาชีวิตประชาชน เพียงเพราะอารมณ์ที่รับรู้ได้จากเครื่อง (ซึ่งบางคนอาจจะถึงขั้นเลิกจ้าง) จีนกำลังเป็นผู้นำในการสร้างการเฝ้าระวังในสถานที่ทำงาน ซึ่งสุดท้ายแล้วใครกันแน่ที่ได้ประโยชน์จากการพัฒนาเทคโนโลยีนี้?

อ้างอิงเนื้อหาข่าวจาก: The Wall Street Journal, MIT Technology Review

ภาพหน้าปกจาก The Wall Street Journal


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

แนะเทรนด์ลงทุนในสตาร์ทอัพปี 2024 พร้อมช่องทางใหม่ในการระดมทุนจากงาน KATALYST TALK MEETUP #3

บทความที่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพควรอ่านเพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการเผชิญความท้าทายในปีนี้ จากการรับฟังภายในงาน KATALYST TALK MEETUP #3 ‘Navigating the Startup Challenges in 2024 and Beyond’...

Responsive image

เตรียมพบกับงาน SEA Blockchain Week 2024 (SEABW) ยกขบวนกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน และ Web 3 ระดับโลกกว่า 100 คน มาร่วมพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์ที่เมืองไทย

Southeast Asia Blockchain Week หรือ SEABW งานด้านบล็อกเชนสุดยิ่งใหญ่ระดับภูมิภาค ที่เตรียมจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในวันที่ 24-25 เมษายน 2567 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ True ICON HALL ช...

Responsive image

กระทรวง AI : เมื่อ AI อันตรายเกินกว่าจะปล่อยไว้ โลกเร่งออกกฎควบคุม

AI กลายเป็นสิ่งที่ต้องถูกควบคุมด้วยกฎหมาย และต้องถูกจับตาดูโดยหน่วยงานของรัฐบาลอย่าง ‘กระทรวง AI’ ที่มีอำนาจ และความสำคัญไม่แพ้หน่วยงานอื่น ๆ แต่ทำไม AI ต้องถูกควบคุมโดยรัฐบาล ? กร...