การทำธุรกิจในปัจจุบันให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากจนเกินไปหากผู้ทำธุรกิจมีความรู้ความเข้าใจและพร้อมที่จะลงมือทำ ซึ่งปัจจุบันเป็นยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทเเละมีอิทธิพลต่อการเลือกซื้อสินค้า Platform E-Commerce จึงเป็นเสมือน Partner ของนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ต้องการขยายช่องทางการขายให้เข้าถึงผู้บริโภคให้มากขึ้น
2 หนุ่ม นักแสดงเพื่อนสนิท เกรท-วรินทร ปัญหกาญจน์ และ กิก-ดนัย จารุจินดา ผู้ก่อตั้งเเบรนท์ Kari Kari ที่คนทั่วไปรู้จักทั้งสองในมุมของนักเเสดงหรือการทำงานในวงการบันเทิงแต่ปัจจุบันพวกเขามีอีกบทบาทหนึ่งที่ทำให้หลายคนอยากรู้จักทั้งสองในมุมของนักธุรกิจ หลายคนอาจสงสัยว่าจุดเริ่มต้นของทั้งสองก่อนจะเกิดเป็นเเบรนท์ Kari Kari นี้มีที่มาอย่างไร
“ผมชอบเริ่มธุรกิจมาจากความชอบอย่างร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งผมมีร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ส่วนตัวผมกับเกรทเป็นคนชอบกินอาหารญี่ปุ่นมาก ผมกับเกรทชอบไปทานอาหารญี่ปุ่นอย่างในกรุงเทพผมไปแทบจะหมดทุกร้านและทุกแบรนด์ เกรทกับผมชอบไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกันเเล้วตะเวนกินตามตลาดทั่วไปสิ่งที่ได้จากตรงนั้นคือประสบการณ์ด้วยอาหารญี่ปุ่นเป็นศิลปะวัฒนธรรมของชาติเขา พอเราไปกินมันเหมือนเราไปพักผ่อน ได้ไปกิน ได้ไปพูดคุยกับเชฟสิ่งทีได้มามันสะสมขึ้นเป็นความรู้โดยที่เราได้มาเอง เลยอยากที่จะมีร้านเป็นของตัวเองและทำขึ้นมา เริ่มจากความชอบก่อนส่วน Kari Kari ก็เหมือนกันเราก็เอาสินค้าที่มีอยู่แล้วในร้านอาหารญี่ปุ่นมาพัฒนาต่อยอดออกมาแล้วคิดเพิ่มรสชาติอื่นๆ”
คุณกิกได้เล่าว่าปัจจุบันหนังปลา Kari Kari ได้มีการพัฒนารสชาติใหม่คือ “ซาวครีมและหัวหอม” ซึ่งเป็นรสที่คุณกิกชอบโดยส่วนตัวอยู่เเล้วพอได้ลองทำและกินจึงมั่นใจส่วนหนึ่งว่าหากเรากินเเล้วชอบ รสชาตินี้คงจะถูกใจผู้ซื้อเช่นกัน ซึ่งเป็นไปตามที่คุณกิกคาดไว้หนังปลา Kari Kari รสชาติใหม่นี้ได้รับกระเเสความนิยมเเละขายดีมากเรียกได้ว่าหาชอบสิ่งใดเราจะสามารถทำออกมาได้ดี
ก่อนหน้านี้ Kari Kari มีการขายในช่องทางออนไลน์อยู่เเล้วส่วนหนึ่งคือ เพจของเเบรนท์ และร้านอาหารญี่ปุ่นของคุณกิกเอง จนได้เริ่มขยายช่องทางการขายเพิ่มขึ้นในพื้นที่ออนไลน์อื่นอย่าง gourmet market, Home Fresh Mart, Tops Market, Central Food Hall และ AOW ซึ่งทางเพจเดิมที่เคยทำยังไม่มีการทำ Content หรือ Marketing อะไรมากทำให้ยังไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ตามที่เราตั้งเป้าหมายไว้ จนปัจจุบันได้เข้ามาร่วมกับ Shopee คุณกิกได้อธิบายว่า “การเพิ่มช่องทางการขายกับ Shopee
เราเห็นการเปลี่ยนเเปลงด้านยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้น จากที่เราไม่ได้มีความถนัดในด้านขายออนไลน์ทาง Shopee มาแนะนำขายออนไลน์ว่าควรจะกระตุ้นยอดขายยังใง? มีโปรโมชั่นยังใง? มี Campaign อย่างไร? รวมถึงทำให้ร้านค้าในเพจ shopee ของเเข็งเเรงขึ้นซึ่งทางเพจคอยเเนะนำว่าเราควรขายลูกค้า ติดต่อลูกค้า หรือตอบลูกค้ายังใง แล้วก็ในเรื่องของการบริการส่งก็หลากหลายขึ้นเพราะบางทีลูกค้ามีข้อจำกัดในเรื่องขอส่งเป็น Kerry หรือ EMS ทาง Shopee ทำให้เรามีการขนส่งที่หลากหลาย รวมถึง Campaign โปรโมชั่นต่างๆ ที่ทาง Shopee เป็นที่ปรึกษาให้กับผมเปรียบเสมือนทีม Marketing ในตัว”
Platform E-Commerce เป็นมากกว่าเครื่องมือในการพัฒนาธุรกิจที่ถูกนำไปใช้เเต่เป็นเพื่อนร่วมทางที่พร้อมจะพัฒนา Plarform และ ธุรกิจของ Partner ให้เติบโตไปด้วยกันทั้งในด้านของการขายและการให้ความรู้เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราเห็นได้ผ่านการพัฒนาเพื่อหาเเนวทางให้ตอบโจทย์ผู้ขายเเละผู้ซื้ออยู่เสมอของ Shopee ที่นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง Market Place online ที่มีฐานผู้ใช้งานจำนวนมากและได้รับความนิยมอยู่ในตอนนี้และล่าสุดกับการเปิดตัว ‘Shopee LIVE’ ภายใต้เเนวคิดช่วยให้ร้านค้าและลูกค้าสามารถเชื่อมต่อกันได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ คุณกิก เจ้าของเเบรนท์ Kari Kari ได้กล่าวถึงในเเง่มุมของเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มยอดขายออนไลน์แต่สิ่งสำคัญคือความรู้ที่ได้จากการเข้ามาร่วมใน Platform นี้
“ตอนทำออนไลน์เราทำแค่โปรโมทเพจ ยังไม่ได้มี Content หรือว่าโปรโมชั่นอะไรที่น่าสนใจแต่พอเราได้มาเรียนรู้ตรงนี้จากทาง Shopee มันสามารถทำสื่อออนไลน์ที่หลากหลายมากอย่าง เช่น Live ซึ่งมีประโยชน์สำหรับผมกับเกรทมาก เราอยู่บนพื้นที่ของสื่ออยู่เเล้วเรามีการ Live ที่จะได้มาร่วมแคมเปญกับทาง Shopee เราเห็นได้เลยถึงการเข้าถึงลูกค้าได้เยอะมากๆ เพราะฐานลูกค้าของทาง Shopee เยอะอยู่เเล้วตรงนี้ก็เป็นประโยชน์สำหรับเราและก็ในเรื่องของการจัดโปรโมชั่นซึ่งเราก็มีการจัดโปรโมชั่นกับทาง Shopee ซึ่งมันว้าวมากสำหรับลูกค้า ตรงนี้ทำให้ยอดขายเราโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและก็เรื่องของ แบรนด์อแวเนสลูกค้ารู้จักแบรนด์ คาริ มากขึ้น คือในท้องตลาดไม่ว่าจะเป็นหนังปลาเเซลมอน หนังปลาทั่วไปตอนนี้มันค่อนข้างที่จะเยอะมากในท้องตลาดแต่ว่า Kari Kari เป็นแบรนด์แรกๆ ที่เป็นที่รู้จักของคนไทยมากที่สุด”
การเติบโตของเเบรนด์นอกจากเป็นที่รู้จักเเล้วยังมีผลประกอบการที่คุณกิกได้วัดค่าแคมเปญโดยเทียบจากของเดิมเเล้วพบว่ามีการเติบโตขึ้นมากว่า 10 เท่าในระยะเวลาที่ได้เข้าร่วมกับ Shopee นับเป็นการเปลี่ยนเเปลงในทางที่ดีสำหรับผู้ประกอบธุรกิจรุ่นใหม่กับการได้ทำงานจากสิ่งที่ชอบ แต่สำหรับวงการธุรกิจการที่จะประสบความสำเร็จได้นั่นต้องมีจุดเเข็งที่ทำให้แบรนด์เจาะตลาดผู้ซื้อได้ อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่เชื่อว่าหลายคนอยากรู้เพราะนอกจากคุณกิกและคุณเกรทจะเป็นนักธุรกิจแต่สิ่งหนึ่งที่ต่างจากผู้ประกอบการทั่วไปคือ 2 หนุ่มเป็นคนในวงการบันเทิง ซึ่งเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง
หากมองในมุมข้อดีคือการโปรโมทสินค้าได้ด้วยตัวเองผ่าน ช่องทางส่วนตัวอย่าง Facebook , Instagram ที่มีฐานผู้ติดตามอยู่เเล้วทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้เร็วและเป็นที่รู้จักแต่หากมองในอีกมุมหนึ่งสิ่งนี้ก็อาจเป็นดาบสองคมเช่นกัน คุณกิกได้ให้ความเห็นในมุมของข้อเสียว่า “หากสินค้าเราไม่มีคุณภาพหรือว่าเกิดพลาดขึ้นมาในด้านของผลิตภัณฑ์เมื่อมีปัญหาแน่นอนมันก็ดังเร็วเหมือนกัน ดังนั้นเราต้องควบคู่ไปกับการรักษาคุณภาพให้มันมีมาตรฐานเสมอ”
การรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ คุณกิกได้เผยว่าผลิตภัณฑ์ที่เป็นอาหารโดยเฉพาะหนังปลาที่มีข้อจำกัดหลายอย่างในการผลิตออกมาให้ได้คุณภาพตามต้องการซึ่งแบรนด์ Kari Kari คุณภาพและความสะอาดเป็นสิ่งที่ทางคุณกิกรักษาไว้ทุกขั้นตอนซึ่งการผลิตหนังปลากรอบจะรีดน้ำมันนออกให้หมดทุกครั้งเพื่อให้หนังปลาสดกรอบเพราะหนังปลาเเซลมอนมีโอกาสเกิดลิ่นเหม็นหืนเมื่อทิ้งไว้เวลานานรวมถึงวัตถุดิบที่นำมาใช้ต้องสดใหม่อยู่เสมอ เมื่อได้หนังปลากรอบที่มีคุณภาพและมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ที่ออกมาเเล้วได้รับการตอบรับที่ดีเสมอซึ่งทางคุณกิกได้บอกว่าเวลาจะออกรสชาติใหม่จะดูตลาดของกลุ่มที่เราต้องการขาย เช่น คนต่างประเทศชอบรสชาติของอาหารไทย
จากสิ่งที่คุณกิกได้ให้สัมภาษณ์จะเห็นว่า การเรียนรู้และพัฒนาอยู่เสมอเพื่อตอบโจทย์ของผู้บริโภคเป็นสิ่งที่สร้างให้ Kari Kari ได้ผลตอบรับที่เพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ ที่นอกจากในประเทศไทยและยังมีจากต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นจีน อินโดนีเซีย หรือว่าทางประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทางคุณกิกมองว่าผลิตภัณฑ์ของ Kari Kari เป็นสินค้าเทรนด์ซึ่งต้องพัฒนาอยู่เสมอ
แต่ก่อนจะมาถึงจุดที่เรียกว่าประสบความสำเร็จและตอบโจทย์ผู้บริโภคใช่ว่าหนทางที่เดินจะโรยด้วยกลีบกุหลาบซึ่งทางคุณกิกเองก็เคยเจออุปสรรคในช่วงเเรกของการเริ่มทำธุรกิจที่เป็นบทเรียนทำให้ Kari Kari สามารถรู้แนวทางว่า “ทำอย่างไรถึงเจาะตลาดให้ผู้บริโภค” คุณกิกได้เล่าว่าการที่เราจะพัฒนาธุรกิจความให้เจาะตลาดได้เราต้องรู้เเละเปิดรับความคิดเห็นของผู้บริโภคซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะเป็นเเนวทางในการปรับปรุงและอีกทางคือพัฒนาต่อยอดให้ถูกทาง
“ในปัจจุบันการซื้อของออนไลน์เป็นเรื่องในชีวิตประจำวันของคนไทยมันมีช่องทางในการขาย ดังนั้น จึงอยากให้ทำการศึกษาและหาโอกาสในการที่จะขายออนไลน์ ซึ่งผมเองได้รับจากทาง Shopee ในเรื่องของการให้ความรู้เเละช่องทางในการจำหน่ายซึ่งสามารถกระจายการขายได้มากขึ้น ผมก็ขอเป็นกำลังใจในกับคนที่อยากจะทำแบรนด์ขึ้นมาอยากให้ลองทำดูและสามารถมาขายทางออนไลน์ได้ไม่จำเป็นต้องเป็น Celebrity หรือดารา ก็สามารถเข้ามาขายใน Shopee เหมือนกัน”
ดังนั้น จุดเเข็งของธุรกิจไม่ใช่เพียงเเค่ทำการตลาดหรือโฆษณาให้เป็นที่รู้จักเพื่อขายได้เพียงอย่างเดียวแต่หัวใจหลักคือการรักษาคุณภาพของสินค้า การเป็นคนมีชื่อเสียงจึงเป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่งที่เหมือนทุนเเต่หากไม่พัฒนาให้ดีทุนที่มีอยู่ก็ไม่สามารถสร้างความสำเร็จได้
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด