“ตราบใดที่ผู้คนไม่นิ่งนอนใจในการแก้ปัญหา ผมเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้น” หนึ่งประโยคจากบทสัมภาษณ์ล่าสุดของ Elon Musk ‘บุคคลผู้ขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีที่มีความมั่งคั่งที่สุดในโลก’ ในรายการ TED Talks ตอน “Future Worth Getting Excited” โดยมี คริส แอนเดอร์สัน เป็นผู้ดำเนินรายการ
Techsauce รวม 5 ไฮไลต์สำคัญที่มัสก์ตอบหลายคำถามที่แสดงให้เห็นถึงมุมมองต่ออนาคตมนุษยชาติอันน่าตื่นเต้นและสิ่งที่อาจเป็นความเสี่ยงในวันข้างหน้ามาแบ่งปันทุกคน
เป็นที่ทราบกันว่า อีลอน มัสก์ ก่อตั้งบริษัทของตัวเองตามวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกลไปถึงยังเรื่องราวในอนาคตที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ช่วงเวลาที่ผ่านมาเราเข้าใจถึงที่มาของหลักคิดในการประดิษฐ์นวัตกรรมแปลกใหม่มากมาย และเชื่อว่าหลายคนคง Connect the Dots เทคโนโลยีของมัสก์ได้ชัดเจนมากขึ้น
มัสก์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในอนาคตที่ว่า ‘Sustainable Economy’ จะเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะช่วยบรรเทาปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและยืดอายุโลกใบนี้ เขาเปิดเผยถึงการที่ตนมีมุมมองต่อประเด็นดังกล่าวในแง่บวกมากกว่าแง่ลบ (Optimistic about Future) โดยเชื่อว่ามนุษยชาติจะสามารถคิดค้นหาวิธีช่วยโลก และช่วยเหลือมนุษยชาติให้อยู่รอดได้ เพราะ สังคมเกิดการตื่นตัวต่อประเด็นที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่โดยตรงและรู้วิธีที่จะนำมาซึ่งการแก้ปัญหาเหล่านั้น
“บางครั้งที่รู้สึกเศร้ากับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ผมจะพยายามมองหาเหตุและผลในมิติอื่น ๆ”
สำหรับเส้นทางในการพัฒนาเรื่องพลังงาน เขาโฟกัสว่า อะไรคือสิ่งที่สามารถเสริมสร้าง Sustainable Energy ได้อย่างยั่งยืน เช่น แสงอาทิตย์ ลม หรือน้ำ และจะทำอย่างไรให้กระบวนการดังกล่าวมีประสิทธิภาพด้วยการทุ่มเทสร้างแบตเตอรี่ที่จะสามารถให้พลังงานมหาศาล และหล่อเลี้ยงกระบวนการสังเคราะห์พลังงานดังกล่าว
คำถามหนึ่งที่เกี่ยวกับเรื่อง ‘Synergy of Musk’s Technology’ แอนเดอร์สันตั้งคำถามว่าเทคโนโลยีจาก SpaceX , Tesla , Neuralink หรือ Boring Company จะถูกนำมาไปใช้บนดาวอังคารหรือไม่ ? มัสก์ตอบว่า มีความเป็นไปได้ เพราะ การนำพาคนไปดาวอังคารได้แล้วนั้นไม่สำคัญเท่ากับการจะทำอย่างไรให้ผู้คนสามารถอยู่รอดบนดาวอังคาร ซึ่งเทคโนโลยีจากบริษัทของเขาอาจเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในอนาคต
การทุ่มเงินและวิทยาการให้กับโปรเจคอวกาศหลายปีของ SpaceX ร่วมกับ NASA ได้เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการอวกาศ เราได้เห็นกลไลจรวดอวกาศที่สามารถกลับมาลงจอดได้อย่างแม่นยำและยังใช้การต่อได้อีก
ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีส่วนช่วยอย่างมากต่อปัญหาเรื่องงบประมาณในการสำรวจอวกาศ ซึ่งแน่นอนว่าดาวอังคารจะเป็นแค่จุดเริ่มต้น และเป็นไปได้ว่าวิสัยทัศน์เรื่องการตั้งรกรากบนดาวดวงอื่นนอกจากโลกใบนี้ไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวอีกต่อไป
มัสก์กล่าวว่า “จรวดอวกาศจะนำมาซึ่งความเป็นไปได้อันมหาศาล” และเปิดเผยว่า ภายในปี 2030 จรวดอวกาศของ Spacex ที่ถูกส่งออกสู่วงโคจรจะมีจำนวนกว่า 1,000 ลำเพื่อทดสอบปฏิบัติการด้านต่าง ๆ โดยปฏิบัติการแรกหลังจากนำคนไปสู่พื้นผิวดาวอังคาร
ซึ่งเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ในปี 2029 คือ การสร้าง ‘Fuel Plants’ ไว้เติมเชื้อเพลิงให้กับจรวดและยานอวกาศ เพื่อทำให้การนำยานกลับมาสู่โลกเป็นเรื่องที่ทำได้ จากนั้นคือการโฟกัสพลังงานที่จะถูกใช้สำหรับการทำกิจกรรมบนดาวอังคาร
“ผมเชื่อมันจะเป็นเมืองของผู้คนบนดาวอังคาร ผู้คนควรมีบทบาทในการกำหนดมันเอง”
นอกจากนี้มัสก์ยังเสนอเรื่องประชาธิปไตยทางตรงที่เขามองว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าและการบัญญัติกฎหมายที่มีพื้นฐานจากเสียงของประชาชน อาณานิคมบนดาวอังคารจะไม่ถูกสร้างภาพว่าเป็นทางเลือกที่สุขสบาย แต่จะค่อนไปทางลำบากด้วยซ้ำ การประกาศเรื่องนี้เขาแค่คิดว่ามันจะเป็นหนึ่งในการสร้างเส้นทางให้มนุษย์อยู่รอด หากมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นกับโลก
ข้อกังวลอีกหนึ่งเรื่อง คือ ความสามารถในการยกระดับการแก้ไขปัญหาของ AI & Digital Intelligence ในปัจจุบันไที่ด้ขยายขอบเขตวิถีชีวิตของผู้คนและนำมาซึ่งนวัตกรรมจำนวนมาก หากแต่มีเส้นบาง ๆ ที่เทคโนโลยีเหล่านี้มีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาไปเป็นความเสี่ยง
มัสก์นำเสนอจุดยืนเรื่องหน่วยงานกลาง Regulatory Agency for AI อนาคตควรมีกฎระเบียบด้านการใช้งานเพื่อความปลอดภัยต่อสาธารณะ แม้ว่า AI จะเป็น Core สำคัญของบริษัทของเขา โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาระบบ FSD (Full-Self Driving) สำหรับรถ Tesla ซึ่งเป็นหนึ่งประเด็นที่ไม่เป็นไปตามแผน มัสก์อธิบายว่าการพัฒนาระบบ FSD เสมือนเป็นการแก้สมการที่ยากและซับซ้อนระหว่าง Real World & AI ซึ่งเขากำลังพยายามทำความเข้าใจสมรรถภาพของเทคโนโลยี และแก้ไขปัญหาให้สมบูรณ์มากท่ีสุด
“สิ่งที่กังวลมากที่สุดคือการที่เทคโนโลยีสมัยใหม่ถูกใช้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในทางที่ผิดแปลกไปหรือทำให้มนุษย์ห่างไกลออกจากวิถีชีวิตจริง”
สำหรับผู้ที่ติดตามมัสก์จะทราบว่า มัสก์ค่อนข้างกังวลเรื่องการต่อกรกับ AI ทำให้เขาพยายามพัฒนาวิธีการอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อลดความเสี่ยง และนำเขาไปสู่การก่อตั้ง Neuralink ผนวกเทคโนโลยี Digital Intelligence & Biological Intelligence เข้ากับมนุษย์และปลดล็อคศักยภาพสมองไปจนถึงการรักษาความผิดปกติของโรคที่เกี่ยวกับสมองและระบบประสาทมนุษย์
“ในหลายครั้งเพียงแค่การประชุมเพียงครึ่งชั่วโมง ผมสามารถปรับปรุงให้ยอดขายมีโอกาสเพิ่มขึนถึงร้อยล้านเหรียญ”
ในช่วงท้ายแอนเดอร์สันชวนมัสก์คุยเรื่องการจัดการกับความรู้สึกตัวเองในการทำงานที่มีตัวเลขเป็นพันล้านหมุนเวียนในแต่ละวัน มัสก์อธิบายว่า สิ่งที่ขับเคลื่อนการทำงานในแต่ละวันของเขา คือ การทำให้แน่ใจว่าเขาอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องในการเข้าใจโลกและจักรวาล ความสงสัยใคร่รู้เหนือสิ่งอื่นใดต่อสิ่งที่รออยู่ในอนาคต เปรียบกับการหาคำตอบมาเติมในช่องว่าง ทำให้มั่นใจว่าในอนาคตจะมีหนทางที่ปลอดภัยสำหรับคนทุกคน ดังนั้นเขาจึงพยายามทำงานให้มากที่สุด พยายามใช้เวลาทุกนาที ทุกชั่วโมงอย่างคุ้มค่าเพราะหนึ่งชั่วโมงสำหรับการคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นอย่างดีจะส่งผลต่อผลลัพธ์แก่บริษัทระดับร้อยล้าน
มัสก์ตอบคำถามในประเด็นอ่อนไหวเรื่องความร่ำรวยและ ‘Philanthropy’ หรือความใจบุญสุนทานว่าหากคุณมองลึกลงไปถึงความดีงามที่แท้จริงจากการทำสิ่งต่าง ๆ มันคงเป็นเรื่องที่ห่างไกลกันมาก หากคุณมองว่าความห่วงใยมนุษยชาตินั้นเป็นความใจบุญ
“SpaceX พยายามที่จะสร้างหนทางอยู่รอดในระยะยาวสำหรับมนุษยชาติด้วยการมองหาโอกาสนอกโลก Tesla ต้องการสร้างการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน Neuralink ต้องการช่วยเหลือคนจากอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวกับสมอง Boring Company พยายามแก้ปัญหาจราจร และสร้างโอกาสในการเดินทางที่ดียิ่งขึ้น...บริษัทเหล่านี้ล้วนเป็นบริษัทที่มีความใจบุญใช่หรือไม่”
"ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ที่จะทำให้เกิดความเข้าใจแบบนั้น เป็นเรื่องที่แย่หากมีการใช้เงินหลายพันล้านอย่างฟุ่มเฟือยไปกับการบริโภคประจำวัน"
มัสก์เปิดเผยว่า เขาไม่มีวันหยุดพักร้อนและไม่มีการร่องเรือยอร์ชอย่างสนุกสนาน การใช้จ่ายส่วนตัวของเขาจึงไม่ได้มีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญ เขาไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง เมื่อเดินทางไปทำงานบริเวณ Bay Area เขาจะใช้บริการห้องนอนที่ใช้รับแขกของเพื่อนหรือวิศวกร
"หากจะมีข้อยกเว้น คือ เรื่องเครื่องบินส่วนตัว เพราะไม่เช่นนั้นผมคงมีเวลาทำงานน้อยลง"
-----------------
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ มัสก์ได้ระบุถึงสิ่งที่เขากังวลมาก คือ ปัญหา Depopulation ซึ่งตอนนี้เริ่มกลายเป็นประเด็นที่หลายประเทศพูดถึง
“ตอนนี้ผมมองเห็นปัญหาใหญ่ที่ทุกคนควรตระหนักคือ การลดฮวบของจำนวนประชากรโลก อัตราการเกิดใหม่ที่ลดลงในหลาย ๆ ประเทศจะเป็นอุปสรรคต่อวิถีชีวิตในอนาคต” มีความเป็นไปได้ว่ามัสก์อาจจะกระโดดเข้าสู่การร่วมแก้ไขปัญหานี้หรือไม่ เป็นสิ่งที่น่าติดตามกันต่อไป
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด