5 เรื่องที่ Elon Musk พูดใน TED Talks ต่ออนาคตมนุษยชาติ | Techsauce

5 เรื่องที่ Elon Musk พูดใน TED Talks ต่ออนาคตมนุษยชาติ

“ตราบใดที่ผู้คนไม่นิ่งนอนใจในการแก้ปัญหา ผมเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้น” หนึ่งประโยคจากบทสัมภาษณ์ล่าสุดของ Elon Musk ‘บุคคลผู้ขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีที่มีความมั่งคั่งที่สุดในโลก’ ในรายการ TED Talks ตอน “Future Worth Getting Excited” โดยมี คริส แอนเดอร์สัน เป็นผู้ดำเนินรายการ 

Techsauce รวม 5 ไฮไลต์สำคัญที่มัสก์ตอบหลายคำถามที่แสดงให้เห็นถึงมุมมองต่ออนาคตมนุษยชาติอันน่าตื่นเต้นและสิ่งที่อาจเป็นความเสี่ยงในวันข้างหน้ามาแบ่งปันทุกคน 

5 เรื่องที่ Elon Musk พูดใน TED Talk ต่ออนาคตมนุษยชาติ“ Future Worth Getting Excited”เป็นที่ทราบกันว่า อีลอน มัสก์ ก่อตั้งบริษัทของตัวเองตามวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกลไปถึงยังเรื่องราวในอนาคตที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ช่วงเวลาที่ผ่านมาเราเข้าใจถึงที่มาของหลักคิดในการประดิษฐ์นวัตกรรมแปลกใหม่มากมาย และเชื่อว่าหลายคนคง Connect the Dots เทคโนโลยีของมัสก์ได้ชัดเจนมากขึ้น 

ถึงแม้เทคโนโลยีจะทรงพลังแต่ศักยภาพมนุษย์จะทรงพลังมากกว่า

มัสก์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในอนาคตที่ว่า ‘Sustainable Economy’ จะเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะช่วยบรรเทาปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและยืดอายุโลกใบนี้ เขาเปิดเผยถึงการที่ตนมีมุมมองต่อประเด็นดังกล่าวในแง่บวกมากกว่าแง่ลบ (Optimistic about Future) โดยเชื่อว่ามนุษยชาติจะสามารถคิดค้นหาวิธีช่วยโลก และช่วยเหลือมนุษยชาติให้อยู่รอดได้ เพราะ สังคมเกิดการตื่นตัวต่อประเด็นที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่โดยตรงและรู้วิธีที่จะนำมาซึ่งการแก้ปัญหาเหล่านั้น 

“บางครั้งที่รู้สึกเศร้ากับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ผมจะพยายามมองหาเหตุและผลในมิติอื่น ๆ” 

สำหรับเส้นทางในการพัฒนาเรื่องพลังงาน เขาโฟกัสว่า อะไรคือสิ่งที่สามารถเสริมสร้าง Sustainable Energy ได้อย่างยั่งยืน เช่น แสงอาทิตย์ ลม หรือน้ำ และจะทำอย่างไรให้กระบวนการดังกล่าวมีประสิทธิภาพด้วยการทุ่มเทสร้างแบตเตอรี่ที่จะสามารถให้พลังงานมหาศาล และหล่อเลี้ยงกระบวนการสังเคราะห์พลังงานดังกล่าว 

คำถามหนึ่งที่เกี่ยวกับเรื่อง ‘Synergy of Musk’s Technology’ แอนเดอร์สันตั้งคำถามว่าเทคโนโลยีจาก SpaceX , Tesla , Neuralink หรือ Boring Company จะถูกนำมาไปใช้บนดาวอังคารหรือไม่ ? มัสก์ตอบว่า มีความเป็นไปได้ เพราะ การนำพาคนไปดาวอังคารได้แล้วนั้นไม่สำคัญเท่ากับการจะทำอย่างไรให้ผู้คนสามารถอยู่รอดบนดาวอังคาร ซึ่งเทคโนโลยีจากบริษัทของเขาอาจเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในอนาคต 


อาณานิคมบนดาวอังคารไม่ได้เป็นเรื่องเกินจริง 

การทุ่มเงินและวิทยาการให้กับโปรเจคอวกาศหลายปีของ SpaceX ร่วมกับ NASA ได้เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการอวกาศ เราได้เห็นกลไลจรวดอวกาศที่สามารถกลับมาลงจอดได้อย่างแม่นยำและยังใช้การต่อได้อีก 

ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีส่วนช่วยอย่างมากต่อปัญหาเรื่องงบประมาณในการสำรวจอวกาศ ซึ่งแน่นอนว่าดาวอังคารจะเป็นแค่จุดเริ่มต้น และเป็นไปได้ว่าวิสัยทัศน์เรื่องการตั้งรกรากบนดาวดวงอื่นนอกจากโลกใบนี้ไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวอีกต่อไป 

มัสก์กล่าวว่า จรวดอวกาศจะนำมาซึ่งความเป็นไปได้อันมหาศาล” และเปิดเผยว่า ภายในปี 2030 จรวดอวกาศของ Spacex ที่ถูกส่งออกสู่วงโคจรจะมีจำนวนกว่า 1,000 ลำเพื่อทดสอบปฏิบัติการด้านต่าง ๆ โดยปฏิบัติการแรกหลังจากนำคนไปสู่พื้นผิวดาวอังคาร 

ซึ่งเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ในปี 2029 คือ การสร้าง ‘Fuel Plants’ ไว้เติมเชื้อเพลิงให้กับจรวดและยานอวกาศ เพื่อทำให้การนำยานกลับมาสู่โลกเป็นเรื่องที่ทำได้ จากนั้นคือการโฟกัสพลังงานที่จะถูกใช้สำหรับการทำกิจกรรมบนดาวอังคาร

“ผมเชื่อมันจะเป็นเมืองของผู้คนบนดาวอังคาร ผู้คนควรมีบทบาทในการกำหนดมันเอง” 

นอกจากนี้มัสก์ยังเสนอเรื่องประชาธิปไตยทางตรงที่เขามองว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าและการบัญญัติกฎหมายที่มีพื้นฐานจากเสียงของประชาชน อาณานิคมบนดาวอังคารจะไม่ถูกสร้างภาพว่าเป็นทางเลือกที่สุขสบาย แต่จะค่อนไปทางลำบากด้วยซ้ำ การประกาศเรื่องนี้เขาแค่คิดว่ามันจะเป็นหนึ่งในการสร้างเส้นทางให้มนุษย์อยู่รอด หากมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นกับโลก 

AI ศักยภาพเหนือจินตนาการที่มาพร้อมความเสี่ยง

ข้อกังวลอีกหนึ่งเรื่อง คือ ความสามารถในการยกระดับการแก้ไขปัญหาของ AI & Digital Intelligence ในปัจจุบันไที่ด้ขยายขอบเขตวิถีชีวิตของผู้คนและนำมาซึ่งนวัตกรรมจำนวนมาก หากแต่มีเส้นบาง ๆ ที่เทคโนโลยีเหล่านี้มีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาไปเป็นความเสี่ยง

 มัสก์นำเสนอจุดยืนเรื่องหน่วยงานกลาง Regulatory Agency for AI อนาคตควรมีกฎระเบียบด้านการใช้งานเพื่อความปลอดภัยต่อสาธารณะ แม้ว่า AI จะเป็น Core สำคัญของบริษัทของเขา โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาระบบ FSD (Full-Self Driving) สำหรับรถ Tesla ซึ่งเป็นหนึ่งประเด็นที่ไม่เป็นไปตามแผน มัสก์อธิบายว่าการพัฒนาระบบ FSD เสมือนเป็นการแก้สมการที่ยากและซับซ้อนระหว่าง Real World & AI ซึ่งเขากำลังพยายามทำความเข้าใจสมรรถภาพของเทคโนโลยี และแก้ไขปัญหาให้สมบูรณ์มากท่ีสุด 

“สิ่งที่กังวลมากที่สุดคือการที่เทคโนโลยีสมัยใหม่ถูกใช้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในทางที่ผิดแปลกไปหรือทำให้มนุษย์ห่างไกลออกจากวิถีชีวิตจริง” 

สำหรับผู้ที่ติดตามมัสก์จะทราบว่า มัสก์ค่อนข้างกังวลเรื่องการต่อกรกับ AI ทำให้เขาพยายามพัฒนาวิธีการอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อลดความเสี่ยง และนำเขาไปสู่การก่อตั้ง Neuralink ผนวกเทคโนโลยี Digital Intelligence & Biological Intelligence เข้ากับมนุษย์และปลดล็อคศักยภาพสมองไปจนถึงการรักษาความผิดปกติของโรคที่เกี่ยวกับสมองและระบบประสาทมนุษย์  

ไอเดียที่เปี่ยมคุณภาพในทุกนาทีก่อให้เกิดมูลค่านับล้านต่อบริษัท 

“ในหลายครั้งเพียงแค่การประชุมเพียงครึ่งชั่วโมง ผมสามารถปรับปรุงให้ยอดขายมีโอกาสเพิ่มขึนถึงร้อยล้านเหรียญ”

ในช่วงท้ายแอนเดอร์สันชวนมัสก์คุยเรื่องการจัดการกับความรู้สึกตัวเองในการทำงานที่มีตัวเลขเป็นพันล้านหมุนเวียนในแต่ละวัน มัสก์อธิบายว่า สิ่งที่ขับเคลื่อนการทำงานในแต่ละวันของเขา คือ การทำให้แน่ใจว่าเขาอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องในการเข้าใจโลกและจักรวาล ความสงสัยใคร่รู้เหนือสิ่งอื่นใดต่อสิ่งที่รออยู่ในอนาคต เปรียบกับการหาคำตอบมาเติมในช่องว่าง ทำให้มั่นใจว่าในอนาคตจะมีหนทางที่ปลอดภัยสำหรับคนทุกคน ดังนั้นเขาจึงพยายามทำงานให้มากที่สุด พยายามใช้เวลาทุกนาที ทุกชั่วโมงอย่างคุ้มค่าเพราะหนึ่งชั่วโมงสำหรับการคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นอย่างดีจะส่งผลต่อผลลัพธ์แก่บริษัทระดับร้อยล้าน

โลกของมหาเศรษฐีและความใจบุญสุนทาน

มัสก์ตอบคำถามในประเด็นอ่อนไหวเรื่องความร่ำรวยและ ‘Philanthropy’ หรือความใจบุญสุนทานว่าหากคุณมองลึกลงไปถึงความดีงามที่แท้จริงจากการทำสิ่งต่าง ๆ มันคงเป็นเรื่องที่ห่างไกลกันมาก หากคุณมองว่าความห่วงใยมนุษยชาตินั้นเป็นความใจบุญ 

“SpaceX พยายามที่จะสร้างหนทางอยู่รอดในระยะยาวสำหรับมนุษยชาติด้วยการมองหาโอกาสนอกโลก  Tesla ต้องการสร้างการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน Neuralink ต้องการช่วยเหลือคนจากอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวกับสมอง Boring Company พยายามแก้ปัญหาจราจร และสร้างโอกาสในการเดินทางที่ดียิ่งขึ้น...บริษัทเหล่านี้ล้วนเป็นบริษัทที่มีความใจบุญใช่หรือไม่”

"ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ที่จะทำให้เกิดความเข้าใจแบบนั้น เป็นเรื่องที่แย่หากมีการใช้เงินหลายพันล้านอย่างฟุ่มเฟือยไปกับการบริโภคประจำวัน"

มัสก์เปิดเผยว่า เขาไม่มีวันหยุดพักร้อนและไม่มีการร่องเรือยอร์ชอย่างสนุกสนาน การใช้จ่ายส่วนตัวของเขาจึงไม่ได้มีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญ เขาไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง เมื่อเดินทางไปทำงานบริเวณ Bay Area เขาจะใช้บริการห้องนอนที่ใช้รับแขกของเพื่อนหรือวิศวกร 

"หากจะมีข้อยกเว้น คือ เรื่องเครื่องบินส่วนตัว เพราะไม่เช่นนั้นผมคงมีเวลาทำงานน้อยลง"

-----------------

อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ มัสก์ได้ระบุถึงสิ่งที่เขากังวลมาก คือ ปัญหา Depopulation ซึ่งตอนนี้เริ่มกลายเป็นประเด็นที่หลายประเทศพูดถึง 

“ตอนนี้ผมมองเห็นปัญหาใหญ่ที่ทุกคนควรตระหนักคือ การลดฮวบของจำนวนประชากรโลก อัตราการเกิดใหม่ที่ลดลงในหลาย ๆ ประเทศจะเป็นอุปสรรคต่อวิถีชีวิตในอนาคต”  มีความเป็นไปได้ว่ามัสก์อาจจะกระโดดเข้าสู่การร่วมแก้ไขปัญหานี้หรือไม่ เป็นสิ่งที่น่าติดตามกันต่อไป 



ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ท่องเที่ยวไทยมีดี แต่ SME ยังไม่พร้อม ?

ธุรกิจท่องเที่ยวจะปรับตัวยังไง เมื่อเจอความท้าทายรุมล้อม ไม่ว่าจะเป็นการปรับใช้เทคโนโลยีในธุรกิจ การรับมือธุรกิจจีนที่เข้ามารุกตลาด และการสร้างบริการท่องเที่ยวให้ตอบโจทย์นักเดินทาง...

Responsive image

อินโดนีเซีย เปิดรับเทคโนโลยีอย่างไร เพื่อสร้างเศรษฐกิจยุคใหม่ ถอดบทเรียนจากงาน Bali International Airshow

อินโดนีเซีย กลายเป็นประเทศเนื้อหอมที่บิ๊กเทคฯ ต่างประเทศแห่เข้าไปลงทุนมากมาย ซึ่งหากนับแค่ช่วงครึ่งแรกของปี 2023 เพียงปีเดียวอินโดนีเซียสามารถสร้างมูลค่าถึง 34,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ...

Responsive image

รู้จัก “Phygital” การตลาดยุคใหม่แห่งอนาคต ผ่านเทคโนโลยี Immersive Experience ของ Translucia

Techsauce จึงอยากพาไปทำความรู้จักกับเทคโนโลยี ‘โลกเสมือน’ ผ่านหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญอย่าง Translucia บริษัทเทคโนโลยีที่พัฒนา Immersive Experience ซึ่งเป็นแนวคิดที่จะเปลี่ยนวิธีการเ...