KBTG Techtopia: A BLAST FROM THE FUTURE เป็น One Day Event ที่ดึงดูดให้คนในแวดวงเทคโนโลยีและเด็กรุ่นใหม่มารวมตัวกันอย่างคับคั่ง โดย Key Person ที่ผู้เข้าร่วมงานตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ คือ คุณกระทิง - เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) บุคคลที่เคยได้รับการขนานนามว่า ‘Godfather แห่งวงการสตาร์ทอัพไทย’ และ คุณ Andrew Ng คนดังระดับโลกที่เรียกได้ว่าเป็น ‘Leader in AI’ ซึ่งเป็น ผู้ก่อตั้ง DeepLearning.AI ผู้ร่วมก่อตั้ง Coursera ผู้ก่อตั้ง AI Fund และยังเป็นผู้ก่อตั้งกับซีอีโอ LandingAI ซึ่ง KBTG และ KXVC เข้าไปร่วมลงทุนด้วย
ณ ช่วงเวลานี้ คุณกระทิงกล่าวชัดเจนว่า เป็นช่วงพีคของการทำ AI Transformation ซึ่งมี Use Cases เกี่ยวกับการใช้ AI ในภาคธุรกิจจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกันก็มี ‘คน’ จำนวนมากที่ขาดทักษะดิจิทัล ไม่สามารถเข้าถึงหรือใช้เทคโนโลยี AI ได้ และเพราะ ‘คน’ เป็นหัวใจสำคัญข้อแรกของการพัฒนาและเปลี่ยนผ่านทุกๆ ด้าน กลยุทธ์ที่ KBTG เคยประกาศวิสัยทัศน์ว่า ให้ความสำคัญเรื่อง AI-First Transformation จึงเปลี่ยนเป็น Human First x AI First Transformation คือ ให้ความสำคัญเรื่องคน ให้คนเป็นแกนหลักในการทำ Transformation ร่วมกับการวิจัยและพัฒนา AI ซึ่งนอกจากสร้างการเติบโตให้องค์กรแล้วยังมุ่งทำให้พนักงาน ลูกค้า และสังคมไทยดีขึ้น
สอดคล้องกับสิ่งที่คุณ Andrew Ng ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ให้ความสำคัญ นั่นคือคุณ Andrew เห็นวิวัฒนาการของเทคโนโลยีต่างๆ และเห็นโอกาสในการใช้ AI พัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างธุรกิจ รวมถึงช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้ จึงส่งต่อองค์ความรู้และให้การสนับสนุนเกี่ยวกับ AI หลายมิติ อาทิ เป็น Adjunct Professor ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เป็นโปรเฟสเซอร์ที่สอนผ่านแพลตฟอร์ม Coursera เพื่อให้ผู้สนใจสามารถเรียนออนไลน์ได้จากทุกที่ทั่วโลก
Domain-specific AI (Vertical AI) คือ การใช้ AI โดยมีความรู้ลึก รู้เฉพาะสายงานนั้นๆ ซึ่งทั้ง KBTG และ AI Fund ต่างก็เล็งเห็นว่า จะนำมาสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และจะส่งผลให้ผู้ที่มี ‘Deep-domain Knowledge’ หรือ ‘องค์ความรู้เชิงลึก’ ในสาขาต่างๆ จะเป็นที่ต้องการอย่างมาก โดยอุตสาหกรรมที่นำ Domain-specific AI ไปใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างดี เช่น การเงิน, การแพทย์ ซึ่งต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
ตัวอย่างการพัฒนา Domain-specific AI ของ KBTG คือ THaLLE (ทะเล) โมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่เชี่ยวชาญภาษาไทยและการเงิน ส่วน LandingAI ของ Andrew มีการพัฒนา Domain-Specific Large Vision Models (LVMs) โมเดลภาพขนาดใหญ่ที่สามารถรู้จำ เข้าใจ และมีประสิทธิภาพสูงในการวิเคราะห์ภาพต่างๆ
นอกจากนี้ ‘AI Agentics Workflows’ ซึ่งเป็นแนวการเขียน Prompt ให้ใช้งานได้เป็นระบบ เพิ่ม Performance ได้เป็นอย่างดี ‘Prompt-based AI’ (แอปที่มี Gen AI ใส่คำสั่งแล้วสร้างคอนเทนต์ตามคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว) เป็นการปฏิวัติพัฒนาแอป AI เพราะใช้เพียง ‘Specific Prompt’ หรือคำสั่งเฉพาะ ก็ได้คอนเทนต์ในหลักนาทีหรือหลักชั่วโมง จากที่เคยใช้เวลาเป็นเดือนๆ ในการเขียนโค้ดเพื่อพัฒนา Software-based Applications อย่างที่ผ่านมา
ทศวรรษนี้เป็นเวลาของ ‘Generative AI’ แม้ทุกคนคุ้นเคยกับชื่อ OpenAI, Claude, Gemini แต่การใช้งาน AI จริงๆ ยังมีหลายรูปแบบที่นอกเหนือจาก Generative AI อาทิ Supervised Learning, Unsupervised Learning, Reinforcement Learning และหากจะใช้งาน AI อย่างครบลูปก็ต้องอาศัยหลาย Layer ทำงานร่วมกัน เรียกว่า ‘AI Stack’ ประกอบไปด้วย 1) ฮาร์ดแวร์ เช่น NVIDIA, Intel, AMD 2) ระบบคลาวด์ 3) เครื่องมือ AI และ 4) แอปพลิเคชัน
KBTG ยังมีแนวคิด ‘ALL in For Thailand และ AlI in on AI’ คือ มุ่งทำให้ AI เข้าถึงทุกคนในประเทศไทย โดยสร้างระบบนิเวศ AI ใช้ AI เพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันให้ประเทศไทย และร่วมพัฒนาการศึกษาของประเทศ KBTG จึงส่งเสริมการเรียนรู้ด้าน AI ร่วมกับคุณ Andrew Ng โดยทำให้คนไทยมีความรู้ความสามารถด้าน AI เพิ่มขึ้น ผ่านการทำ MOU 2 ฉบับเพื่อการดำเนินงานได้อย่างเป็นรูปธรรม
“ไม่ใช่แค่ KBTG และ KBank จะได้ประโยชน์ แต่มันคือการสร้าง Ecosystem และเรื่องสำคัญของ Ecosystem คือ การนำ AI มาสร้าง Industrial Competitiveness สร้างความสามารถในการแข่งขันให้ประเทศไทย อีกเรื่องที่สำคัญมากคือ การศึกษา ซึ่งเราประกาศ MOU 2 ฉบับ เพื่อสอนเรื่อง AI ให้คนไทย โดย KBTG จะทำงานร่วมกับ DeepLearning.AI นำองค์ความรู้ที่ดีที่สุดมาให้คนไทย และเราก็ไม่ได้ทำคนเดียว แต่จับมือกระทรวงต่างๆ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า AI จะเข้าถึงคนไทยจริงๆ” คุณกระทิงกล่าวถึงความร่วมมือที่เกิดขึ้น
เป็นความร่วมมือระหว่าง KBTG, DeepLearning.AI และ สมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT) เพื่อให้ความรู้เรื่อง AI แก่คนไทย รวมทั้งสร้าง ‘KBTG.AI Kampus’ และซัพพอร์ต Super AI Engineer Program โดยตั้งเป้าทำให้คนไทยมีความรู้ด้าน AI ไม่ต่ำกว่าปีละ 5,000 คน และมุ่งปั้น AI Engineer ให้ได้ปีละ 120 คน
เป็นความร่วมมือระหว่าง KBTG, AI Fund และ กองทุนเพื่อความเสมอภาคและการศึกษา หรือ กสศ. (EEF) เพื่อร่วมสร้าง ‘AI Assistant’ เพิ่มโอกาสการเรียนรู้ให้แก่เด็กไทย พร้อมกับช่วยให้ครูผู้สอนใช้งาน AI ในลักษณะ Companion ได้
“ผมคิดว่า การเติบโตของ AI ในประเทศไทยจะมี ‘การศึกษา’ เป็นเสาหลักสำคัญ ด้วยสองแนวทาง คือ หนึ่ง การฝึกอบรมผู้คนให้มีความรู้เกี่ยวกับ AI สอง คือ การใช้ AI เพื่อฝึกอบรมคนในสาขาวิชาที่อาจไม่ใช่ AI แต่ช่วยให้เรียนรู้วิชาต่างๆ ได้ง่ายขึ้น”
คุณ Andrew ยังบอกอีกว่า การศึกษาเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากที่จะต้องลงทุน และเน้นย้ำว่า ทุกคนต้องเรียนรู้เรื่อง AI และควรมีทักษะการเขียนโค้ดคนละนิดละหน่อย เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อการพัฒนาตัวเอง และเป็นเครื่องมือช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในวันนี้และอนาคต
KBTG เห็นความสำคัญและโอกาสจาก AI จึงทำวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี AI ตั้งแต่ปี 2017 จนสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีที่ใช้งานได้จริงหลายรายการ และบางรายการก็ใช้ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งตอบโจทย์ในด้านต่างๆ อาทิ
สำหรับการเดินทางมาประเทศไทยเป็นครั้งแรกได้พบปะพูดคุยกับผู้คนเรื่อง AI ในหลายคอมมูนิตี คุณ Andrew เปิดเผยว่า เห็นโอกาสจากการใช้ AI ในไทยมหาศาล เนื่องจาก AI มีหลายเลเยอร์ (Multi Layer) ที่สามารถนำไปสร้างแอปพลิเคชัน (Build on top) ได้ โดยเฉพาะการใช้ AI สร้างแอปพลิเคชันในเลเยอร์ AI Tools ทั้งยังมองว่า AI จะนำพาโอกาสใหม่ๆ มาให้คนไทยและประเทศไทยอีกมหาศาล
ด้านการเป็น Strategic Partner กับคุณ Andrew และ AI Fund ทาง KBTG ร่วมทำ 'Co-venture Building' กับ AI Fund ในการสร้างสตาร์ทอัพ AI โดยคุณ Andrew จะใช้โมเดลสร้างสตาร์ทอัพ AI ร่วมกับพาร์ตเนอร์ที่เคยใช้ในซิลิคอน วัลเลย์ มาใช้สร้างสตาร์ทอัพ AI ร่วมกับพาร์ตเนอร์ในประเทศไทย และทำให้ระบบนิเวศ AI ไทยแข็งแกร่ง
“เมื่อบริษัทลงทุนใน AI Fund ซึ่งให้ทรัพยากรแก่เราในการทำงานร่วมกับบริษัท เพื่อระดมความคิดต่างๆ มากมาย และค้นหาว่า แนวคิดใดที่มีความเป็นไปได้ในทางเทคนิคและมีคุณค่า แล้วเราก็จะร่วมกันสร้างธุรกิจใหม่นั้น”
คุณ Andrew กล่าว และยกตัวอย่าง Bearing.AI ธุรกิจโลจิสติกส์ที่ใช้เทคโนโลยี AI วางแผนเส้นทางเดินเรือที่ดีที่สุดเพื่อลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยมลพิษ โดยเป็น Green Shipping (การขนส่งทางเรือสีเขียว) ธุรกิจใหม่ภายใต้ AI Fund ซึ่งสอดรับกับประเด็น Climate Change และคุณ Andrew อธิบายเพิ่มด้วยว่า AI อาจไม่ใช่ตัวสร้างความเปลี่ยนแปลงหรือลดโลกร้อนโดยตรง แต่สามารถเป็น Key Part ในการสร้างโซลูชันหรือธุรกิจอย่าง Climate Tech เพื่อลดความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและสร้างอิมแพ็กเชิงบวกต่อโลกได้
คุณ Andrew กล่าวถึงคุณกระทิงว่า คุณกระทิงเองก็ขับเคลื่อน Thai AI Ecosystem เอาไว้มาก และตัวเขาเองก็หวังว่าจะซัพพอร์ตได้ทั้งด้านการศึกษา การหาไอเดียใหม่ๆ การร่วมสร้างบางสิ่งบางอย่างด้วยกัน
“สิ่งหนึ่งที่คิดว่าผมได้เรียนรู้คือ ในโลกเทคโนโลยี ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้เพียงลำพัง เพราะเทคโนโลยีมีความซับซ้อน การที่เรามาทำให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้น ร่วมมือกันสร้างระบบนิเวศของเพื่อน ของการทำงานไปด้วยกัน แชร์ความรู้กัน ช่วยกันและกันในก้าวข้ามจุดยากๆ ดังนั้น เราจึงให้คำสัญญาที่จะร่วมงานกับ KBTG ในการสร้างธุรกิจใหม่ สร้างบริษัทใหม่ ให้ประเทศไทยหรือให้โลก และก็หวังว่าจะพบหลากหลายพาร์ตเนอร์ในประเทศไทยที่มาทำงานกับเราได้”
นอกเหนือจากนี้ คุณ Andrew ยังกล่าวย้ำว่า ประเทศไทยมีแรงผลักดัน (Momentum) ในการสร้างระบบนิเวศสตาร์ทอัพและ AI สูงมาก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมด้านการแพทย์ และด้านเกษตรกรรม ที่มีความโดดเด่นในเวทีโลก
ขณะเดียวกัน ‘ธุรกิจขนาดเล็ก’ ก็สามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้ ในประเด็นนี้ คุณกระทิงอธิบายพร้อมชี้ให้เห็นประโยชน์จากการเรียนรู้และใช้ AI ว่า
“ธุรกิจ SMB (Small and Medium Sized Business) หรือคนตัวเล็กก็ใช้เทคโนโลยี AI ทำสิ่งต่างๆ ได้มากมาย อย่างที่คุณ Andrew กล่าวไว้บนเวทีว่า ระบบอัตโนมัติจะมาแทนงาน Task Level ไม่ใช่ Job Level และถ้า AI มารวมกับเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ก็จะยิ่งพาธุรกิจโตแบบก้าวกระโดดได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเพื่อนคนหนึ่งของผมที่สร้างรายได้ 1 ล้านดอลลาร์ ได้ด้วยคนคนเดียว ย้ำว่าคนเดียว ดังนั้น ถ้า Embed AI เข้ามาผนวกรวมแล้วทำให้อะไรง่ายขึ้น ด้วยการเรียนรู้เครื่องมือและสร้าง Workflows หรือลองคิดดูว่า AI เป็นเครื่องมือลดต้นทุน และสร้างรายได้ได้เป็นอย่างดี จะทำให้ธุรกิจ SMBs มีศักยภาพสูงในระดับที่สู้กับองค์กรขนาดใหญ่ได้เลย”
#KBTG #KBTGTechtopia #ABlastFromTheFuture #BeyondPartnership
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด