Ecosystem ของสตาร์ทอัพเติบโตขึ้นมาก แต่หลายครั้งที่สตาร์ทอัพไทยมักจะมองแต่ตลาดภายในประเทศจนลืมมองหาโอกาสพาธุรกิจไปต่อยอดหรือขยายไปยังต่างประเทศ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่มาก ดังนั้น สิ่งสำคัญที่นักการตลาดหรือผู้ประกอบการธุรกิจสตาร์ทอัพควรคำนึงถึงก็คือ การทำธุรกิจให้ก้าวกระโดดและไปได้ไกลกว่า โดยลงลึกในเรื่องของการใช้เทคนิคและเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อให้ได้ฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในระยะเวลาและงบประมาณที่จำกัด หรือเรียกว่า 'Growth Hacking'
นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่กูรูแห่งวงการสตาร์ทอัพ 'Bjohn Lee' (บียอร์น ลี) ผู้อยู่เบื้องหลังและมีประสบการณ์ในการทำงานกับบริษัทสตาร์ทอัพมาก่อน และเป็นหนึ่งในเทรนเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Growth Hacking จากโครงการดีแทค เอคเซอเลอเลท batch 5 มาแบ่งปันเคล็ดลับให้สตาร์ทอัพไทยนำไปประยุกต์ใช้
10 เทคนิค Growth Hacking จาก บียอร์น ลี
- Pick the right battle (fields) หรือ การใช้แพลตฟอร์มทางการตลาดที่ถูกต้อง เช่น สินค้าหรือบริการต้องอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่ใช้ง่ายและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็ว
- Make ads your drones หรือ การใช้สื่อโฆษณาที่สร้างภาพลักษณ์ให้กับสินค้าและบริการที่สามารถสื่อสารและสร้างจุดเด่นของแบรนด์ได้อย่างง่าย เช่น การใช้ Influencers ที่เป็นกระบอกเสียงสำคัญ
- Everyone is lazy. YouTube หรือ การสร้างจุดเด่นของสินค้าและบริการในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งปัจจุบันแบรนด์ต้องสร้างคอนเทนต์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การใช้ VDO บน YouTube หรือ Facebook ที่สั้น กระชับและตรงประเด็น จะช่วยให้ลูกค้ามีความสนใจในสินค้าหรือบริการเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
- Be a great artist. Steal your competitors PR strategy หรือ การเรียนรู้กลยุทธ์ทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์จากคู่แข่ง เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในอนาคต
- Associate with brands cheaply. Hire freelancers smartly หรือ การจัดหาจัดจ้างฟรีแลนซ์ที่มีประสบการณ์มาช่วยในการทำงานและไว้ใจได้ เพื่อช่วยสร้างกำไรและธุรกิจในอนาคต
- Positioning for media & mainstream : frame your shit in 'X' for 'Y' term หรือ ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดและการสื่อสารที่ง่าย ฉับไว เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจได้ง่ายและใช้ง่าย
- 80-20 rule for cold emails หรือ การใส่ key message ที่สำคัญไว้บน subject ของอีเมล ทั้งนี้เพื่อสร้างจุดเด่นและทำให้ลูกค้าเข้าใจง่าย ชัดเจน และ ทำให้ลูกค้ารับสารได้อย่างรวดเร็ว เพราะเวลาที่จำกัดของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
- Fake it till you make it หรือการสร้างคอมมูนิตีหรือชุมชนเล็กๆ เพื่อให้คนอื่นๆที่อยากเข้ามาได้เห็นว่ายังมีคนอื่นๆ ที่ใช้อยู่ โดยอาจจะเริ่มจาก ครอบครัว เพื่อน หรือคนรู้จักเข้ามาคอมเมนต์ โพสต์ หรือ แชร์เรื่องราวต่างๆ บนโลกออนไลน์ เพื่อให้คนหมู่มากได้เห็นเพิ่มขึ้นในอนาคต
- Plant seeds in forum – หรือ การเข้าเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตีที่สามารถช่วยแก้ปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ เพื่อที่แบรนด์จะได้เข้าใจและรับรู้ว่าผู้บริโภคต้องการอะไร
- Paying for traffic หรือ การใช้เงินเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด เช่น การซื้อสื่อบน Facebook หรือ การทำการตลาดออนไลน์ เพื่อให้ได้ลูกค้า 1 รายและเปรียบเทียบกับความคุ้มค่าในระยะยาวของบริษัท
ทั้งนี้ บียอร์น ลี ยังได้เผยถึงความแตกต่างของการทำสตาร์ทอัพในประเทศไทยและต่างประเทศอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ รวมถึงยังได้เล่าถึงทิศทางการทำธุรกิจสตาร์ทอัพไว้ว่า
- สตาร์ทอัพไทยมีความคิดริเริ่มและความคิดสร้างสรรค์มากกว่าสตาร์ทอัพในระดับเอเชีย ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญที่ทำให้เราแตกต่างจากสตาร์ทอัพในฝั่งต่างประเทศ ซึ่งต้องคำนึงถึงปัญหาของการขยายตลาดหรือฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศด้วย
- การทำธุรกิจสตาร์ทอัพนั้นจะต้องเข้าใจและตอบโจทย์ปัญหาของผู้บริโภคได้ ซึ่งต้องทำการบ้านเป็นอย่างดี ศึกษาตลาด กลยุทธ์และวิธีการทำการตลาดต่างๆ เพื่อครองใจผู้บริโภคได้
- ทิศทางการทำธุรกิจสตาร์ทอัพในไทยนั้นเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเห็นได้จากการลงทุนของทั้งภาครัฐและเอกชนที่ให้ความสนใจและได้รับการลงทุนเพิ่มจาก VC
สตาร์ทอัพโครงการดีแทค แอคเซอเลอเลท เผยเคล็ดลับการเติบโตทางธุรกิจจาก Growth Hacking บ้าง
ปตินันต์ วชิรมน ผู้ร่วมก่อตั้ง ScoutOut แอปพลิเคชันที่ช่วยการจัดหางาน เพื่อที่ให้คนที่ใช่ได้ไปเจอกับงานที่ชอบโดยผ่านคำแนะนำของเพื่อน หรือการ refer กล่าวว่า
“การใช้เทคนิค Growth Hacking สามารถช่วยธุรกิจในเรื่องของ การวัดผล การหาจุดวัดผล หรือจุดตอบรับที่สามารถชี้ชัดว่าเราอยู่จุดไหนของตลาดและเราจะโตอย่างไร”
อีเทียน มาร์ แรนคอร์ท ประธานฝ่ายปฏิบัติการ Cookly สตาร์ทอัพแหล่งรวมโรงเรียนสอนทำอาหารจากทั่วทุกมุมโลก กล่าวว่า
“การใช้ Growth Hacking ช่วยต่อยอดธุรกิจให้สามารถเติบโตได้ เช่น การใช้เทคนิค 80-20 rule for cold emails เพราะการสร้างจุดเด่นหรือ impact เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนยุคนี้ ด้วยการดำเนินชีวิตของคนปัจจุบันที่เร่งรีบมักจะทำให้คนไม่สนใจ และ อ่านอะไรที่รวดเร็ว ตรงประเด็น ซึ่งการใช้วิธีนี้ช่วยในเรื่องการตอบอีเมลให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่ายขึ้น และ การซื้อสื่ออย่าง Facebook Ad ที่ครอบคลุมและอยู่บนแพลตฟอร์มที่ลูกค้าเข้าใจได้ง่ายจะช่วยให้การทำธุรกิจเป็นเรื่องง่ายเช่นกัน”