อินโดนีเซีย กลายเป็นประเทศเนื้อหอมที่บิ๊กเทคฯ ต่างประเทศแห่เข้าไปลงทุนมากมาย ซึ่งหากนับแค่ช่วงครึ่งแรกของปี 2023 เพียงปีเดียวอินโดนีเซียสามารถสร้างมูลค่าถึง 34,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.1 ล้านล้านบาท
โดยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ อย่าง Apple และ Microsoft ต่างประกาศแผนการลงทุนในอินโดนีเซีย โดย Apple มีแผนลงทุน 74 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสร้าง Apple Developer Academy แห่งที่ 4 ในบาหลี ส่วน Microsoft วางแผนลงทุน 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วง 4 ปีข้างหน้า เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน Cloud และ AI
การเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในอินโดนีเซีย เป็นผลมาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น จำนวนประชากรที่มาก ชนชั้นกลางที่กำลังเติบโต และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าของเศรษฐกิจดิจิทัลในอินโดนีเซียจะสูงถึง 1.24 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2025
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดกระแสการลงทุนมากขนาดนี้คือ ‘รัฐบาล’ ที่มีการปรับนโยบาย และสนับสนุนเพื่อให้เกิดการกระตุ้นด้านการลงทุนเชิงเทคโนโลยี แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากบริษัทด้านไอทีแล้ว รัฐบาลอินโดนีเซียยังต้องการผลักดันประเทศให้กลายเป็นศูนย์กลางด้าน ‘อุตสาหกรรมการบิน’ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พลิกโฉมประเทศเข้าสู่ยุคใหม่
ความพยายามนี้สอดคล้องกับแผนงาน 'Making Indonesia 4.0' ซึ่งมีเป้าหมายที่จะผลักดันอินโดนีเซียให้เป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจดิจิทัลภายในปี 2030 รวมถึง 'Digital Indonesia Roadmap 2021-2024' ซึ่งมุ่งเน้น 4 ด้านได้แก่
โดยหนึ่งในความพยายามสะท้อนออกมาให้เห็นผ่านงาน Bali International Airshow 2024 งานแสดงอุตสาหกรรมการบินระดับนานาชาติ ที่อินโดนีเซียตัดสินใจจัดขึ้นอีกครั้งในรอบ 30 ปี ซึ่งโดยปกติแล้วงานอุตสาหกรรมการบินระดับนานาชาติ จะมีแม่ใหญ่จัดที่ปารีส และฟาร์นโบโรห์ ส่วนในเอเชียจะจัดที่สิงค์โปร์ และลังกาวี ส่วนประเทศไทยเองก็มีข่าวว่าจะจัดงานประเภทนี้ครั้งแรกในปี 2027
คำถามต่อมาคือ ทำไมอินโดนีเซียถึงเลือกเปิดรับนวัตกรรมเหล่านี้ ? และ Bali Airshow สะท้อนถึง 'วิธีการ' ที่อินโดนีเซียใช้ 'เปิดรับเทคโนโลยี' อย่างไร ?
อินโดนีเซียประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 16 ของโลก กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในภาค 'อุตสาหกรรมการบิน' Tony Fernandez ซีอีโอของ Capital A กล่าวในงาน Bali Airshow ว่า อินโดนีเซียมีศักยภาพมหาศาล ด้วยประชากรเกือบ 300 ล้านคน ขนาดประเทศเทียบเท่ายุโรป และมีโอกาสเติบโตสูงทั้งในด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
IATA (สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ) คาดการณ์ว่า อินโดนีเซียจะก้าวขึ้นเป็นตลาดการบินที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกภายในปี 2037 นี่จึงเป็นหมุดหมายสำคัญของรัฐบาลอินโอนีเซียที่ต้องเร่งมือเปิดรับทุกนวัตกรรม เทคโนโลยี และเงินลงทุน
Bali Airshow จึงเป็นเวทีสำคัญที่อินโดนีเซียใช้แสดงศักยภาพและดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก Prof. Wihana Kirana Jaya ตัวแทนจากรัฐบาลอินโดนีเซีย เปิดเผยในงานว่า รัฐบาลใช้นโยบาย ‘Open Sky’ (นโยบายเปิดน่าฟ้าเสรี ให้ประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศบินอย่างอิสระทั่วภูมิภาค) เพื่อเปิดตลาดการบิน
Prof. Wihana Kirana Jaya กล่าวเสริมว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น สนามบิน ท่าเรือ และระบบขนส่ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) โดยเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการสนามบิน และบริการต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน
ตัวอย่างเช่น รัฐบาลได้แต่งตั้ง Luhut Binsar Panjaitan รัฐมนตรีประสานงานด้านกิจการทางทะเลและการลงทุน ให้เป็นผู้ดูแลการลงทุนด้านดิจิทัลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานรัฐบาล นอกจากนี้รัฐบาลยังมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในภาคการผลิต โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และสิ่งทอ รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี การลดความซับซ้อนของกฎระเบียบ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
นอกจากนี้ อินโดนีเซียยังส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อกระจายความเสี่ยง และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ไปพร้อมๆ กับการสนับสนุนการเติบโตของสายการบินต้นทุนต่ำเพื่อให้ชาวอินโอนีเซียสามารถเดินทางได้สะดวกในราคาที่ถูก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไปอีกทาง
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในงาน Bali Airshow คือ การนำเสนอเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการบิน เช่น
อินโดนีเซียยังให้ความสำคัญกับการพัฒนา 'เชื้อเพลิงยั่งยืน (SAF)' เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และช่วยให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินแบบยั่งยืน ซึ่งในงาน Bali Airshow มีการจัดแสดงเทคโนโลยี SAF จากบริษัทต่างๆ
Rahmat Hanafi ผู้บริหารจาก Garuda สายการบินแห่งชาติของอินโดนีเซีย เล่าว่า อินโดนีเซียมีการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาธุรกิจแทบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมบำรุงอากาศยาน เช่น Maintenance, Repair และ Overhaul (MRO) โดยใช้หุ่นยนต์ และ Automations เช่น
บทเรียนจาก Bali Airshow ชี้ให้เห็นว่า อินโดนีเซียกำลังมุ่งมั่นที่จะเปิดรับเทคโนโลยี เพื่อสร้าง 'เศรษฐกิจยุคใหม่' โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การส่งเสริม Startup และ Innovation การพัฒนาทุนมนุษย์ และความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน แม้ว่าจะมีความท้าทาย เช่น ช่องว่างด้านทักษะดิจิทัล และความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยี แต่อินโดนีเซียก็มีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาค โดย Bali Airshow เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของอินโดนีเซียในการเดินหน้าสู่เป้าหมายนี้
อ้างอิง : เสวนาจากงาน Bali International Airshow 2024, eria.org, eastasiaforum, trade.gov
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด