รู้จัก Intel vPro แพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจทุกขนาด ตอบโจทย์เทคโนโลยีและความปลอดภัยด้านคอมพิวเตอร์ | Techsauce

รู้จัก Intel vPro แพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจทุกขนาด ตอบโจทย์เทคโนโลยีและความปลอดภัยด้านคอมพิวเตอร์

Intel vPro®  คือแพลตฟอร์มจาก Intel ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานสำหรับองค์กรและภาคธุรกิจโดยเฉพาะ ด้วยจุดเด่นด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และการออกแบบฟังก์ชันเพื่อการใช้งานสำหรับทุกธุรกิจ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ไม่ว่าจะเป็นองค์กรหรือธุรกิจประเภทใด จะขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ ก็สามารถใช้งาน Intel vPro® ได้ 

วันนี้ Techsauce จะขอแนะนำให้รู้จักกับ Intel vPro® โฉมใหม่ ที่ขับเคลื่อนโดย Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 12 ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์เจนใหม่ล่าสุดที่ดีที่สุดจาก Intel พร้อมตอบคำถามที่ว่า ทำไมภาคธุรกิจต้องใช้ Intel vPro® ?

ปลอดภัยกว่า ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยรุ่นใหม่ 

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เข้ามาเปลี่ยนทุกสิ่ง โดยเฉพาะรูปแบบการทำงาน เราจะเห็นว่าการทำงานแบบ Hybrid Work หรือแบบผสมผสาน ได้กลายเป็นพื้นฐานของธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต พนักงานส่วนหนึ่งจะทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ อีกส่วนหนึ่งทำจากที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะไปนั่งตามคาเฟ่ หรือไปเที่ยวอยู่บนภูเขา ชายหาด โดยใช้อุปกรณ์ส่วนตัวทำงาน ขอแค่มีอินเทอร์เน็ตก็ทำงานได้แล้ว เรียกได้ว่าสะดวกสบายแบบสุด ๆ 

แต่ความสะดวกนี้เองทำให้เกิด ‘ช่องโหว่’ ที่จะโดนโจมตีทางไซเบอร์ได้ง่ายมากขึ้น ถ้าให้เปรียบก็คงเหมือนนักมวยการ์ดตก

เพราะการเชื่อมต่อกับเครือข่ายสาธารณะที่มีระบบการรักษาความปลอดภัยต่ำ ทำให้ความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีทางไซเบอร์สูงมากขึ้น นอกจากนั้นการที่พนักงานทุกคนใช้อุปกรณ์ส่วนตัว เช่น คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก หรือโทรศัพท์มือถือในการทำงาน ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมข้อมูลด้วย จากการใช้งานโซเชียลมีเดีย หรือ Web Browser  และเมื่อต้องทำงานระยะไกล พนักงานก็ไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้ ทำให้งานก็เดินต่อไม่ได้เช่นกัน

ความปลอดภัยของข้อมูล ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ธุรกิจให้ความสำคัญมากขึ้น ทำให้ Intel vPro® นับว่าตอบโจทย์ ด้วยวิสัยทัศน์ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ของ Intel ที่ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว 

และการออกแบบเพื่ออนาคตของ Intel vPro® รุ่นล่าสุดนี้ก็มีการใส่เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยรุ่นใหม่ลงไปด้วย นั่นก็คือ Intel® Threat Detection Technology หรือ Intel® TDT ที่มีการใช้ AI และ Machine Learning เพื่อตรวจจับ ติดตามว่ามีการประมวลผลอะไรที่น่าสงสัย รวมถึงเรียนรู้รูปแบบของภัยคุกคาม และพร้อมรับมือภัยคุกคามทุกรูปแบบที่จะเข้ามา

จุดนี้ Intel ได้ทำการบ้านมาอย่างดี ด้วยการวิเคราะห์เทรนด์รูปแบบการทำงาน และพฤติกรรมของผู้ใช้งานในปัจจุบัน ที่อาจเปิดช่องให้แฮ็กเกอร์หรือผู้ไม่หวังดีเข้ามาโจมตีได้ง่ายขึ้น ทำให้มีการใส่เทคโนโลยีตรวจจับภัยคุกคามรุ่นใหม่เข้าไปบนพื้นฐานของ AI-based ช่วยให้ผู้ใช้งานอุ่นใจได้มากขึ้นอีก

ประสิทธิภาพดีกว่า ด้วย CPU เจนล่าสุด 

Intel vPro® โฉมใหม่นั้น ขับเคลื่อนโดย Intel® Core™ เจนเนอเรชั่น 12 ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์เจนใหม่ล่าสุด ที่ดีที่สุดจาก Intel ณ ปัจจุบัน ทำให้ตอบโจทย์ทุกรูปแบบการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้โปรแกรมสำนักงาน การใช้งาน Web Browser จนไปถึงการแต่งภาพ ตัดต่อวิดิโอ ที่ต้องการประสิทธิภาพการทำงานของ CPU ที่สูง

โดยอ้างอิงจากคะแนน CrossMark ซึ่งวัดประสิทธิภาพโดยรวมและการตอบสนองของระบบจากการใช้งานจริง พบว่า โมบายล์โปรเซสเซอร์ใน Intel เจนเนอเรชั่น 12 นั้นเร็วขึ้นกว่า 27% เมื่อเทียบกับ Intel เจนเนอเรชั่น 11 และเร็วมากกว่า  41% เมื่อเทียบกับคู่แข่ง

ในส่วนของเดสก์ท็อปโปรเซสเซอร์นั้น Intel เจนเนอเรชั่น 12 เร็วขึ้นกว่า 21% เมื่อเทียบกับเจนเนอเรชั่นก่อนหน้า และเร็วกว่าคู่แข่งถึง 44%

สำหรับโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป Intel Core i9-12900 เจนเนอเรชั่น 12 นั้น เมื่อวัดประสิทธิภาพเทียบกับคู่แข่งในการใช้โปรแกรม Microsoft Excel และใช้โปรแกรม Zoom พร้อมกัน พบว่าเร็วกว่าคู่แข่ง 23 %  นอกจากนั้น การใช้โปรแกรม Power BI ขณะสนทนาผ่าน Zoom พบว่าเร็วกว่าคู่แข่งถึง  46% หรือเกือบครึ่ง

นอกจากประสิทธิภาพของ CPU แล้ว  Intel vPro® โฉมใหม่ ยังให้ระบบการเชื่อมต่อ (Connectivity) ที่รวดเร็วและเสถียรกว่าเดิม ด้วยการใช้ Intel Wi-Fi 6E (Gig+) ที่ให้ความเร็วมากขึ้น รองรับการเชื่อมต่อได้มากขึ้น และมีความหน่วงต่ำ เพื่อรองรับการใช้งานในปัจจุบันที่ผู้ใช้งานมีการเปิดใช้หลายโปรแกรมพร้อม ๆ กัน และใช้งานหนักมากขึ้น เช่น การดูคอนเทนต์ Streaming การเล่นเกมออนไลน์ หรือการรับส่งข้อมูลจำนวนมากในเวลาสั้น ๆ ซึ่งจุดนี้เองก็ต้องให้เครดิตกับทีมพัฒนาของ Intel เช่นกัน

นอกจากการใช้เทคโนโลยี Wi-Fi 6E แล้ว ยังให้  Intel® Connectivity Performance Suite และ Intel Thunderbolt™ 4 สายเคเบิลที่สามารถแสดงผลหน้าจอแบบ 4K ได้สูงสุดถึงสองจอ และชาร์จอุปกรณ์ได้ด้วยในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังสามารถส่งผ่านข้อมูลได้อย่างไหลลื่นและรวดเร็วกว่าเดิม

สะดวกและคุ้มค่ากว่าด้วยฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ 

อย่างที่เราได้บอกไป Intel vPro เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อความต้องการของธุรกิจและองค์กรโดยเฉพาะ และออกแบบมาให้ตอบโจทย์อนาคตของการทำงานอย่างแท้จริง หนึ่งจุดเด่นที่ถือเป็นฟังก์ชันเด็ดของ Intel vPro ก็คือ ฟังก์ชันในการ Remote Management ที่เราสามารถ Remote เข้ามาเพื่อดูแลเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมดในองค์กรได้จากระยะไกล ไม่ว่าจะเป็นหลักสิบ ร้อย พัน หรือหมื่นตัว โดยที่ไม่ต้องลงโปรแกรมหรือซื้อซอฟต์แวร์มาติดตั้งเพิ่ม 

กรณีตัวอย่างความสำเร็จจากการใช้ Remote Management ต้องยกให้มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ที่สามารถใช้ระบบบริหารจัดการจากระยะไกล ดูแล แก้ปัญหา ให้กับผู้ใช้งานทั้งหมดในมหาวิทยาลัยได้อย่างไหลลื่น แม้จะอยู่ในช่วงโควิดก็ไม่ต้องกังวล 

Intel vPro® ผู้ช่วยยกระดับงาน IT Transform มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ก้าวสู่ Digital University :  https://techsauce.co/tech-and-biz/intel-vpro-mfu-digital-university-remote-management

นับว่าตอบโจทย์การทำงานแบบ Hybrid ในปัจจุบัน ที่พนักงานของเราจะทำงานจากที่ไหนก็ได้ หากคอมพิวเตอร์เกิดปัญหา ฝ่าย IT ของบริษัทก็สามารถ Remote เข้าไปช่วยแก้และทำงานต่อได้ทันที ช่วยให้ประหยัดทั้งเวลา ลดขั้นตอนการบำรุงรักษา และประหยัดเงินทุนอีกด้วย

ครบครันมากกว่าด้วยตัวเลือกที่หลากหลาย 

เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับองค์กรและธุรกิจ ที่มีความต้องการใช้งานแตกต่างกันไป Intel vPro รุ่นล่าสุดนั้น มี Platform Portfolio ที่ครบถ้วนและตอบโจทย์ ถึง 4 รุ่นด้วยกัน 

  1. Intel vPro® Enterprise (for Windows) : แพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์องค์กรหรือธุรกิจขนาดใหญ่ ด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่ครบถ้วน ครอบคลุมทุกเทคโนโลยีที่ต้องการ โดยเฉพาะระบบการจัดการและการดูแลความปลอดภัย และสามารถดูแลบริหารจัดการเครื่องจากระยะไกลได้ ไม่ว่าเครื่องนั้นจะอยู่ที่ไหน เชื่อมต่อแบบใด และเปิดใช้งานอยู่หรือไม่
  2. Intel vPro® Enterprise (for Chrome) : เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้งาน Intel vPro® โฉมใหม่นั้น มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ นั่นก็คือ Intel vPro® Enterprise for Chrome เพราะเดิมที Intel vPro® เกรด Enterprise นั้น จะมีเฉพาะระบบปฏิบัติการของ Windows เท่านั้น แต่ปัจจุบันหลายธุรกิจใช้ OS ของ Chrome มากขึ้น Intel จึงออกผลิตภัณฑ์ตัวนี้ออกมาเป็นทางเลือก ที่ยังคงประสิทธิภาพ และระบบความปลอดภัยในระดับสูง
  3. Intel vPro® Essential : เพื่อให้ได้ราคาที่คุ้มค่า แต่ยังเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ใน Intel vPro® รุ่นใหม่ล่าสุดก็มีการออก เจ้าตัว Intel vPro® Essential ขึ้นมา เนื่องจากผลิตภัณฑ์ตัว Intel vPro® ในรุ่นก่อนหน้านั้น จะเหมาะกับการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่มากกว่า ทั้งฟีเจอร์และราคา ดังนั้นในรุ่นใหม่นี้จึงออกแบบมาให้ตอบโจทย์ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กมากขึ้น ตัว Intel vPro Essential ถ้าจะให้พูดก็เหมือน Intel vPro® รุ่นเริ่มต้น ราคาเบาสบาย แม้จะถูกตัดเทคโนโลยีระดับสูงบางอย่างไป แต่ยังให้ฟังก์ชันพื้นฐานที่ธุรกิจต้องการมาอย่างครบถ้วน อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการ Remote เข้ามาจากระยะไกลเพื่อดูแลเครื่อง Intel vPro® รุ่น  Essential นั้น เครื่องจะต้องอยู่ในสถานะที่เปิดใช้งานอยู่เท่านั้น
  4. Intel vPro® , An Intel®  Evo Design : สำหรับรุ่นสุดท้าย นั่นก็คือ Intel vPro® , An Intel® Evo™ Design ที่เป็นเหมือนลูกผสมระหว่าง Intel vPro® และ Intel® Evo™ Platform โดยดึงจุดเด่นของรุ่น Intel vPro® ไม่ว่าจะเป็นระบบการจัดการ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย มาผสมกับรุ่น Intel® Evo™ Platform ที่เป็นแพลตฟอร์มการใช้งานโน้ตบุ๊ก ให้ประสบการณ์การใช้งานเหมือนมือถือ มีจุดเด่นที่ความบางเบา พร้อมใช้งานได้ทุกที่ ทุกเวลา และแบตเตอรี่ที่สามารถทำงานได้ทั้งวัน โดย Intel vPro®, An Intel® Evo™ Design นั้น ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กเกรดพรีเมียม มีระบบการจัดการระบบความปลอดภัยที่มีคุณภาพ และการทำงานของระบบตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจ 

นอกจากมีตัวเลือกให้ผู้ใช้งานถึง 4 รุ่นแล้ว Intel ยังได้ทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มใน Ecosystem เพื่อพัฒนา Intel vPro® ให้เป็นแพลตฟอร์มที่ตอบความต้องการขององค์กรและภาคธุรกิจอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นระบบรักษาความปลอดภัย และแพลตฟอร์มในการทำงาน

Intel vPro® ถือเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับการออกแบบมา เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของการทำงานในองค์กร ด้วยฟังก์ชันที่ครบเครื่อง ให้องค์กรและธุรกิจมั่นใจได้ว่าจะสามารถทำงานได้อย่างไหลลื่น ปลอดภัย ทั้งในปัจจุบันและอนาคต

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ [email protected] บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด

กรณีศึกษาจากบริษัททาลอนเน็ต ให้บริการลูกค้าอย่างไร้รอยต่อด้วย Intel vPro®

หนึ่งในกรณีศึกษาจากองค์กรที่ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากจากการใช้แพลตฟอร์ม Intel vPro® ก็คือ บริษัท ทาลอนเน็ต จำกัด บริษัท System Integrator ที่ให้บริการด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับแผนที่เป็นหลัก พร้อมทั้งมีอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น เครื่องสแกน เครื่องตรวจจับความถี่ อุปกรณ์บันทึกการออกอากาศวิทยุแบบเครือข่าย อุปกรณ์แม่ข่ายในการส่งข้อความ SMS และ Line ตลอดจนคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้อง โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นภาครัฐและวิสาหกิจ

ซึ่งความท้าทายที่ทาลอนเน็ตเจอนั้น มาจากการที่ลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งในพื้นที่ที่ห่างไกลมาก ชายแดน หรือตำแหน่งที่อยู่สูงมาก ๆ  

โดยปัญหาและความท้าทายที่พบนั้น มาจากการใช้คอมพิวเตอร์แบบเก่า ที่ระบบไม่มีความเสถียร เมื่อตัวฮาร์ดดิสก์เกิดชำรุด หรือระบบไบออสและโอเอสมีปัญหา วิธีการแก้ไขของทาลอนเน็ตก็คือ จำเป็นต้องส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปที่หน้างานจริงเพื่อจัดการแก้ปัญหาหรือเปลี่ยนเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ให้กับลูกค้า ซึ่งต้องเสียต้นทุนทั้งทรัพยากรบุคคลและทรัพยากรเวลา

จากปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ทาลอนเน็ตจำเป็นต้องหาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อมารองรับกับโซลูชันที่นำเสนอให้กับลูกค้า ที่ต้องมีประสิทธิภาพและมีความทนทานต่อการใช้งานได้อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งสามารถมอนิเตอร์และส่งข้อมูลผ่านทางระบบ 3G/4G ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว 

นั่นจึงเป็นที่มาของการเลือกใช้มินิคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงอย่าง Intel® NUC และมีความสามารถตามแพลตฟอร์ม Intel vPro® ซึ่งได้รับผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี 


บทความนี้เป็น Advertorial


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ส่องจุดเด่นดิจิทัล โซลูชันของ WHAUP ระบบบริการสาธารณูปโภคและพลังงานอัจฉริยะ

ทำความรู้จักโซลูชันบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ แนวคิดการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและพลังงานแห่งอนาคต ภายใต้ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP บริษ...

Responsive image

บทสรุปการสัมภาษณ์ Dr. Ted Gover : เลือกตั้งสหรัฐฯ จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย รุกสานความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม

บทสรุปการสัมภาษณ์ Dr. Ted Gover ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมีขึ้น ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-ไทย และความท้าทายสำคัญสำหรับทั้...

Responsive image

เผยแนวโน้มและผลกระทบของ AI ผ่านมุมมองของนักวิจัยชั้นนำแห่ง MIT Media Lab “พีพี-ดร.พัทน์ ภัทรนุธาพร”

เทคโนโลยี AI ส่งผลดีหรือผลเสียต่อมนุษย์? เจาะลึกมุมมองที่เกี่ยวกับแนวโน้มและผลกระทบจาก AI ไปกับดร.พัทน์ ภัทรนุธาพร (พีพี) นักวิจัยไทยแห่ง MIT Media Lab และ KBTG Fellow ที่จะมาแบ่งแ...