สำหรับใครที่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย บัญชี ภาษี ออกแบบและอื่นๆ ลองมาใช้บริการ ProMandate ดู เพราะพวกเขาเปรียบเสมือนตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างเรา กับผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพในสายงานต่างๆ วันนี้เรามีบทสัมภาษณ์พิเศษจาก คุณ Patrick Monaco-Sorge CEO ProMandate ถึงแนวคิดการทำงานและที่มาของบริษัท
ProMandate คือแพลตฟอร์มอัจฉริยะออนไลน์ที่เป็นสื่อกลางระหว่างผู้ใช้บริการกับมืออาชีพด้านกฎหมาย ภาษี บัญชี ไอที เว็บไซต์และการออกแบบ หลักการทำงานของเราคือลูกค้าคนไหนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการหาผู้เชี่ยวชาญ หรือ Outsource ใน 4 สายอาชีพนี้ เพียงเข้าไปในแพลตฟอร์มดังกล่าว กรอกข้อมูลและเขียนรายละเอียดงานที่ต้องการ หลังจากนั้นระบบจะตรวจสอบ และทำการประกาศงานของคุณไปยังผู้ให้บริการ จากนั้น ผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญเหมาะสม และพร้อมจะให้บริการคุณ ก็จะส่งประวัติพร้อมใบเสนอราคามาให้คุณเลือกได้สูงสุดถึง 5 ราย โดยผู้ใช้บริการสามารถพิจารณาจากประวัติ ผลงาน ราคา พร้อมพูดคุยผ่านระบบแชทบนเว็บไซต์ อีเมล์ หรือโทรสอบถามตามเบอร์ติดต่อที่ผู้ให้บริการแจ้งไว้ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกคนที่เหมาะสม โดยเมื่อคุณประกาศงานเราจะมีคำถามที่ค่อนข้างเจาะจงเรื่องของความต้องการลูกค้า ด้วยเหตุนี้ระบบจึงสามารถวิเคราะห์เบื้องต้นได้ว่า ผู้ให้บริการใดบ้างที่เหมาะสมกับคุณ เราจึงเปรียบเสมือนสื่อกลางที่เชื่อมต่อระหว่าง demand กับ supply ได้เป็นอย่างดี
ความคิดในเรื่องนี้มาจากประสบการณ์ตรงที่เรามักเจออยู่บ่อยๆ นั่นก็คือเรามักจะหานักบัญชี หรือนักกฎหมายเก่งๆ ได้ยาก ที่สำคัญมันยากมากที่เราจะสามารถตรวจสอบประวัติ หรือทำความรู้จักกับผู้ให้บริการมืออาชีพเหล่านี้ได้ทุกคน ซึ่งผมเองก็เคยได้รับประสบการณ์ตรงมาเช่นกัน ดังนั้น การเข้าถึงผู้ให้บริการมืออาชีพเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่ท้าย ซึ่ง Promandate พยายามจะแก้ไขปัญหาในจุดนี้ ในฐานะสื่อกลางที่เชื่อมต่อลูกค้าเข้ากับผู้ให้บริการมืออาชีพได้ในเวลาสั้นๆ
ปัจจุบันกลุ่มเป้าหมายหลักของ Promandate คือ Startup SME และผู้ประกอบการที่เพิ่งเปิดบริษัทยังไม่เกิน 2 ปี การเลือกกลุ่มเป้าหมายเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เราทราบว่าตัวเลขคร่าวๆ ของ SME ในประเทศไทยอยู่ที่ 2 ล้านราย ส่วนจำนวนของ Startup คำนวนคร่าวๆ 6 หมื่นราย และผู้ประกอบการทั่วไปอยู่ที่ 4 หมื่นกว่าราย เราจึงวางเป้าหมายไว้ที่กลุ่มนี้
ในส่วนของรายได้ เราจะไม่จัดเก็บค่าบริการกับลูกค้าที่มาประกาศหา Outsource แต่เราจะเก็บจากผู้ให้บริการมืออาชีพที่ทางเราเป็นคนนำเสนองานให้ โดยการกำหนดค่าบริการจะขึ้นอยู่กับความยาก-ง่าย และขนาดของงานเช่น หากเนื้องานเป็นประเภทให้ตรวจทานสัญญา ซึ่งสามารถทำเสร็จในเวลาอันสั้น เราจะคิดค่าธรรมเนียมเสนอราคาจากผู้ให้บริการเริ่มต้นที่ 40 บาท แต่สำหรับลูกค้าที่อยากให้ออกแบบ หรือสร้างเว็บไซต์ ซึ่งใช้เวลานาน และค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง บางทีราคาว่าจ้างสูงถึง 300,000 - 600,000 บาท ในจุดนี้ค่าธรรมเนียมเสนอราคาที่เราเก็บจากผู้ให้บริการก็จะต้องสูงขึ้น
ทุกวันนี้เราก็มีผู้ให้บริการที่คล้ายๆ กับเราอย่าง Thumbtack ELAS และ Fiverr แต่บริการพวกนี้จะเจาะจงไปใน B2C และเน้นงานออกแบบเว็บไซต์ซะมากกว่า ในขณะที่ ProMandate ให้บริการทั้งด้าน ภาษี บัญชี กฎหมาย ไอที และออกแบบเว็บไซต์ ในด้านออกแบบเว็บไซต์ แม้เราจะมีคู่แข่งพอสมควร แต่สิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากผู้ให้บริการอื่นๆ ก็คือ เราจะมุ่งเน้นไปที่ B2B เป็นหลัก และน้อยรายที่จะสามารถเชื่อมต่อมืออาชีพด้าน ภาษี บัญชีและกฎหมายได้เหมือนเรา
ถ้าให้พูดถึงมุมที่จะมีคนมาลอกเลียนแบบบริการของเรา ผมคิดว่าใครๆ ก็ลอกแบบด้านการเขียนเว็บได้ แต่ที่ยากคือการลอกเอาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญๆ เรามุ่งเน้นที่คุณภาพ ไม่ใช่แค่เรื่องของปริมาณ คุณอาจจะเข้าไปในเว็บไซต์ดังๆ และเจอผู้คนมากมายที่มาโพสต์เสนอตัวทำงานให้ แต่ที่ ProMandate คนที่จะมาทำงานในฐานะผู้ให้บริการมืออาชีพกับเรา เราจะเช็คประวัติการศึกษา ประวัติการทำงานเบื้องต้น พร้อมทั้งตรวจสอบความพึงพอใจของลูกค้าก่อนหน้านี้ และหนังสือรับรองต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะเชื่อมต่อคุณเข้ากับผู้ให้บริการที่ใช่จริงๆ โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นนักกฎหมาย เพราะฉะนั้นผมจึงรู้ดีว่ามันสำคัญแค่ไหนที่คุณจะต้องร่วมงานกับนักกฎหมายดีๆ และนักบัญชีเก่งๆ ซึ่งมีรายละเอียดค่อนข้างมาก แตกต่างจากการทำงานร่วมกับนักออกแบบทั่วไป
เราเริ่มต้นด้วยการสนับสนุนด้านเงินทุนจาก Inspire Ventures ในส่วนของ Inspire Ventures Lab ซึ่งหลังจากพฤษภาคมที่ผ่าน ผมได้เข้ามาดูแล ProMandate แบบเต็มตัว และนี่คือสิ่งที่ผมสนใจ และทุ่มเทอย่างจริงจังอยู่ ณ ขณะนี้
เพื่อเป็นการขอบคุณ Techsauce และตอบแทนผู้อ่าน สำหรับผู้ที่ต้องการหาผู้ให้บริการมืออาชีพกับ ProMandate นอกจากการสมัครสมาชิกเพื่อประกาศงานฟรีแล้ว เรายังมอบโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับ 10 ท่านแรก จาก Techsauce ที่ประกาศงาน จ้างงาน และรีวิวผ่าน ProMandate จะได้รับ Cash back สูงสุดถึง 500 บาท โดยสามารถติดตามข่าวสาร และโปรโมชั่นต่างๆ ของเราได้ผ่านทางแฟนเพจ ProMandate Thailand ครับ
ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงพอสมควร มีหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น แตกต่างจากเมื่อ 2 ปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด มีการขยายตัวของ startup ในประเทศไทย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการระดมทุนที่เพิ่มขึ้น มี Co-working space ผุดออกมาเรื่อยๆ และยังมีโครงการ incubator ที่ช่วยบ่มเพาะ startup ให้เติบโต เราจะเห็นได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่เยอะพอสมควรใน ecosystem ของไทย
ผมคิดว่าที่ startup ไทยยังขาดอยู่ คือ นักพัฒนาและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค ถ้าเราดูอย่างเวียดนาม พวกเขามีนักพัฒนามากมาย แต่ยังขาดคนที่เข้ามาทำในส่วนของธุรกิจ ตรงนี้ผมคิดว่าเราควรจะทำให้มันสมดุลกัน อีกอย่างก็คือเรื่องของการให้คำปรึกษา เราควรจะมีคนที่มากด้วยประสบการณ์มาลงมือสอนผู้ที่อยากจะมาเป็นผู้ประกอบการ ยกตัวอย่างงาน Start it Up ก็นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
ตลาดในไทยเป็นตลาดที่น่าจับตามอง ซึ่งมีประชากรมากถึง 67 ล้านคน ตามหลังเวียดนาม และอินโดนีเซีย และยังเป็นตลาดที่ผู้คนใช้มือถือสมาร์ทโฟนเยอะ เรียกได้ว่าเป็นประเทศ e-commerce หลักๆ ถ้าแม้ว่าในภูมิภาคเราจะเป็นรองสิงคโปร์ และจาการ์ตา เนื่องจากพวกเขามีงบประมาณที่เยอะกว่า แต่อย่างไรก็ตามประเทศไทยควรจะพาตัวเองให้เป็นประเทศแนวหน้าของเอเชีย สภาพแวดล้อมในไทยที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ อีกอย่างค่าครองชีพยังถือว่าถูกและอยู่ในจุดศูนย์กลางที่สามารถต่อติดกับคนอื่นได้
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด