ญี่ปุ่น กำลังทดสอบการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าอย่างเข้มข้น ตั้งแต่การชำระสินค้า การทำธุรกรรมการเงิน การตรวจคนเข้าเมือง การเข้าโรงแรมโดยไม่ต้องใช้กุญแจ ไปจนถึงการลงทะเบียนไปเที่ยวสวนสนุกล่วงหน้า
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทดสอบการจดจำใบหน้าที่ NEC บริษัทเทคโนโลยีญี่ปุ่น ได้ดำเนินการในชิราฮามะมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว
ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในญี่ปุ่นถึงกับกล้าวางเดิมพันเลยว่า ความสะดวกสบายที่มาพร้อมกับความอุ่นใจ มากกว่าความปลอดภัยของข้อมูล จะเป็นส่วนผสมสำคัญที่จะชนะเลิศในตลาดด้านเทคโนโลยีจดจำใบหน้า
ในตอนนี้จีนกำลังครองตำแหน่งนี้ ขึ้นอันดับในด้านการสเกล และความแม่นยำ ในขณะที่ฝั่งอเมริกาและจีนได้เกิดวิวาททางการค้าและเทคโนโลยี ผู้เล่นใหม่อย่างญี่ปุ่นก็มองเห็นว่านี่อาจจะเป็นโอกาส
NEC วางตัวเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการตรวจสอบใบหน้าชั้นนำระดับโลก โดยเริ่มทำการค้นคว้าด้านการตรวจสอบใบหน้าตั้งแต่ปี ค.ศ. 1989 ต่อมาได้ทำการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ความถูกต้อง ความเร็ว ความแม่นยำ แทนที่ระบบอัลกอริทึมดั้งเดิม ในช่วงแรกมีอัตราการระบุข้อมูลผิดพลาด 30% ขณะนี้เหลือเพียง 0.5% โดยระบบสามารถดำเนินการได้ถึง 230 ล้านครั้งต่อวินาที ความเร็วและความจุนั้นเกินความสามารถของบริษัทอื่น ๆ นี่เป็นเหตุผลที่เทคโนโลยีของ NEC ติดอันดับหนึ่งในการทดสอบเกณฑ์มาตรฐานโดยสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาหรือ NIST
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีของ NEC ซึ่งรวมถึงความสามารถในจับใบหน้าผู้สูงอายุ และผู้ที่ปกปิดใบหน้า ที่ในตอนนี้ซัพพลายเออร์กล้องและระบบจดจำใบหน้าจีน กำลังถือครองตลาดนี้อยู่
นี่เป็นก้าวที่น่าทึ่งจากปี 2013
ในปีนี้เมืองซานฟรานซิสโก ก็ได้มีการห้ามการใช้ซอฟต์แวร์จดจำใบหน้า ในขณะที่สหภาพยุโรปก็กำลังพิจารณาอย่างจริงจังกรณีที่คล้ายกัน
โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทาง NEC ได้พยายามส่งเสริมการใช้ AI รวมถึงเทคโนโลยีการตรวจสอบใบหน้า ขณะเดียวกันก็ยังคงตระหนักถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานด้วยเช่นกัน
ที่มา: Japan in race with China for facial-recognition supremacy
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด