ในยุคที่ญี่ปุ่นเติบโตอย่างรวดเร็วรถบรรทุกกำลังกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของญี่ปุ่น Tokushimaru บริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดทคุชิมะรับรู้ถึงการขยายตัวที่เกิดขึ้นนี้ และได้เปิดซูปเปอร์มาร์เก็ตแบบรถบรรทุกที่แต่ละร้านประกอบด้วยสินค้า 400 ประเภทหรือราวๆ 1,500 ชิ้น 

บริษัทเริ่มต้นในการขายอาหารและสินค้าใช้ประจำวันเล็กๆ น้อยๆ ในรถบรรทุกคันเล็กช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2012 ทั้งหมดใช้เวลา 4 ปีในการจะขยายไปสู่รถบรรทุกกว่า 100 คัน โดยรถเหล่านี้จะขับไปถึงหน้าบ้านของลูกค้า ธุรกิจนี้สร้างอัตราการเติบโตของรถบรรทุกเพิ่มขึ้นเป็น 100 คันต่อปี

ที่ผ่านมารถบรรทุกคันที่ 400 ก็เริ่มออกขายสินค้าบนท้องถนนในช่วงเดือนพฤษภาคม ในขณะที่เดือนธันวาคม Tokushimaru ขยายสาขาไปถึง 470 คัน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเกิน 500 คัน ในมีนาคม 2020 ที่จะถึงนี้ และขยายไปสู่โอกินาวา ซึ่งรวมเข้าไปในอีก 47 จังหวัดของญี่ปุ่น โดยจำนวน 1,000 คัน คือตัวเลขที่ทางบริษัทคาดหวังว่าจะเกิดขึ้นในปี 2022 

ความต้องการของซูปเปอร์มาเก็ตเคลื่อนที่นี้เติบโตขึ้นพร้อมกับตัวเลขผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นในเมืองเล็กๆ ซึ่งยากต่อการเดินทาง Tatsuya Sumitomo ผู้บริหารของ Tokushimaru กล่าวว่า “ความต้องการนี้ ยังมีอยู่มากในประเทศญี่ปุ่น ถ้าความสะดวกสบายของการบริการที่เราสร้าง สามารถเข้าถึงโดยผู้คนในท้องที่ เราก็จะสามารถขยายจำนวนของรถบรรทุกได้มากขึ้นเรื่อยๆ” 

บริษัทได้ขยายตัวผ่านความร่วมมือของพันธมิตร Pantry Keisuke ซูปเปอร์มาร์เก็ตอาหารในเมือง ซึโนะ จังหวัดมิยาซากิ ในตุลาคมได้มีข้อตกลงในการเปิดซูปเปอร์มาร์เก็ตเคลื่อนที่กับ Tokushimaru และ A Coop Tohoku ซึ่งตั้งอยู่ที่โมริโอกะ จังหวัดอิวาเตะ ได้เริ่มดำเนินการปล่อยรถบรรทุก Tokushimaru ในจังหวัดมิยากิ

Tokushimaru ได้ดำเนินการร่วมมือกับอีก 120 บริษัทซูปเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งมีจำนวนร้านค้ากว่า 1,700 ร้าน ทำให้บริษัทสามารถมีรถบรรทุกได้ถึง 1,000 คันจากความร่วมมือต่างๆ แต่ถึงอย่างไร Tokushimaru ก็ยังจะตามหาซูปเปอร์มาร์เก็ตเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ 

อีกทั้งเพื่อช่วยให้พันธมิตรที่มีอยู่สามารถเพิ่มจำนวนรถบรรทุกได้ Tokushimaru จะรับพนักงานชั่วคราวที่ได้รับมอบหมายมาจากบริษัทแม่อย่าง Oisix ra daichi ซึ่งเป็นผู้ให้บริการจัดส่งผักจากโตเกียวเข้าทำงาน 

ข้อมูลระบุว่าจำนวนลูกค้าเฉลี่ยต่อรถบรรทุกคือ 150 คน เมื่อ Tokushimaru เพิ่มเติม "โครงสร้างพื้นฐาน" สู่รถ 500 คัน เพื่อให้ข้อมูลที่มากขึ้น โดยเฉพาะกับลูกค้า "ในยุค 70 และ 80 ที่ไม่ขับรถยนต์" Sumitomo กล่าว อีกทั้งเขาคาดหวังนี่จะเป็นการช่วยสร้าง "ธุรกิจสื่อและโฆษณารูปแบบใหม่" ที่สามารถดึงดูดผู้คนโดยไม่ต้องเข้าถึง Social Media หรือโฆษณาออนไลน์

ที่มา: Asia.Nikkei.com