ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้ยินคำว่า AI แย่งงานกันจนชินหู แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่กำลังคืบคลานเข้ามา ไม่ใช่การสลายตัวของอาชีพแบบโดนลบทีเดียวทั้งแผงเหมือนโดนรีเซ็ต แต่เป็นการปะทะครั้งใหญ่ระหว่างงานแบบเดิมกับความสามารถของ AI ที่โตเร็วกว่าใครคาดคิด
Gartner เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Jobs Chaos หรือความโกลาหลที่ทุกบริษัทต้องก้าวเข้าไปโดยไม่มีทางเลือก และถ้าดูจากสัญญาณรอบตัวกับหลายๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ก็มีสัญญานที่บอกว่ามันกำลังเริ่มขึ้นแล้ว

เวลาเราพูดถึง Job Apocalypse ภาพที่คนส่วนใหญ่คิดถึงคือ AI มาแทนที่คนแบบยกแผง งานจำนวนมหาศาลหายวับไปในคืนเดียว เหมือนโลกเกิดปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ที่ทำให้ตำแหน่งงานเดิม ‘สูญพันธุ์’ แบบฉับพลัน
แต่ Gartner บอกว่า… ความจริงจะไม่ได้เกิดแบบนั้นเลย
สิ่งที่จะเกิดขึ้นจริงคือ Jobs Chaos หรือความปั่นป่วนแบบไม่เป็นระเบียบที่กระจายไปทั่วตลาดงาน เพราะ AI จะ เปลี่ยนงานแบบไม่เท่ากันในแต่ละอุตสาหกรรมและแต่ละอาชีพ โดย Gartner ออกมาบอกว่า ภายใน 2028–2029 ในหลายๆ องค์กรจะต้องเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น
Jobs Chaos จึงไม่ใช่ยุคที่งานหายไป แต่เป็นยุคที่ความหมายของงานถูกสับใหม่ทั้งหมด
นี่คือภาพของการที่ AI ทำงานส่วนใหญ่ แต่คนยังเป็นตัวตัดสินงานสำคัญ
โดย AI จะช่วยทำงานซ้ำๆ เช่น งานเอกสาร งานตอบคำถามพื้นฐาน แต่พอเป็นงานที่ต้องใช้ความเข้าใจมนุษย์ เช่น เคสปัญหายากๆ งานบริการลูกค้า หรือการตัดสินใจที่ละเอียดอ่อน คนยังต้องเป็นผู้คุมคุณภาพและลงมือในจังหวะสำคัญ
ดังนั้น บริษัทจะต้องการคนที่ทำงานกับ AI เป็น มากกว่าคนที่กลัว AI
นี่คือภาพที่องค์กรให้ AI ทำงานเกือบทั้งหมด จะเกดิบริษัทที่รันแทบทุกระบบด้วย AI เช่น คลังสินค้าอัตโนมัติ, ระบบจัดซื้อ, การจัดการเอกสาร, ศูนย์ตอบคำถามลูกค้า, ระบบข้อมูลหลังบ้าน อาจมีคนเพียงไม่กี่คนคอยกำกับดูแล
ข้อดี: ต้นทุนลดลงมาก
ข้อเสีย: หลายอุตสาหกรรมจะถูกกระทบแรง
นี่คือภาพที่องค์กรจะใช้ AI ช่วยให้คนทำงานได้ไวขึ้นและเยอะขึ้น
คนยังทำงานหลักเหมือนเดิม แต่มี AI เป็นตัวช่วยเพิ่มพลัง เช่น นักการตลาดทำคอนเทนต์และรีพอร์ตได้เร็วขึ้น, ทีมขายรู้ insight ลูกค้าลึกขึ้น, นักพัฒนาออกฟีเจอร์ได้เร็วกว่าเดิมหลายเท่า
โมเดลนี้น่าจะเกิดขึ้นกับบริษัทส่วนใหญ่ และยังทำให้ บริษัทขนาดกลางแข่งขันกับรายใหญ่ได้จริง
นี่คือภาพที่องค์กรใช้ AI สร้างสิ่งใหม่ ไม่ใช่แค่ทำของเดิมให้เร็วขึ้น นี่คือระดับที่ AI ไม่ใช่แค่ตัวช่วย แต่เป็นคู่คิดด้านนวัตกรรม ตัวอย่างเช่น:
บนเวที Gartner IT Symposium/Xpo ในบาร์เซโลนา Helen Poitevin พูดประโยคหนึ่งที่สะกิดใจผู้บริหารทั้งห้องประชุม คือ “ไม่มีบริษัทไหนเลือกได้ว่าจะอยู่ในฉากทัศน์ไหน เพราะสุดท้ายคุณต้องรับมือทุกแบบพร้อมกัน”
นั่นหมายความว่า โลกงานยุค AI ไม่ได้เปิดให้เราเลือกว่าอยากเจอแบบไหน แต่มันจะพาทุกองค์กรเข้าไปเผชิญทั้ง 4 รูปแบบพร้อมกันในระดับต่างกันไป และสิ่งเดียวที่ทำได้คือเตรียมพร้อมให้ไวที่สุด และนี่คือ 3 แนวทางสำคัญที่ผู้นำองค์กรควรเริ่มลงมือทำตั้งแต่วันนี้
ท้ายที่สุด AI ไม่ได้มาเพื่อแย่งงานมนุษย์ แต่มันมาท้าทายให้ทุกองค์กรคิดใหม่ ตั้งแต่โครงสร้างงานไปจนถึงบทบาทของพนักงานแต่ละคน โลกงานกำลังเดินหน้าสู่ยุคที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่ในความไม่แน่นอนนั้นก็เต็มไปด้วยโอกาสมหาศาลสำหรับคนและองค์กรที่พร้อมจะปรับตัว
ผู้ชนะในยุค Jobs Chaos จึงไม่ใช่คนที่มีเทคโนโลยีดีที่สุด แต่คือคนที่ เรียนรู้ไว, ยืดหยุ่นสูง, และกล้าลองแนวทางใหม่ก่อนใคร
อ้างอิง: zdnet
_____________________
เตรียมความพร้อมให้ธุรกิจของคุณก้าวสู่ยุค AI อย่างมั่นใจ ด้วยการพัฒนา people, process และ technology อย่างครบวงจรไปกับ Techsauce
ร่วมสำรวจแนวทางและโอกาสในการเปลี่ยนผ่านสู่ AI-first organization ไปกับเรา techsauce
เพื่อนร่วมทางในการพัฒนา AI journey ของคุณ ได้ที่: https://services.techsauce.co/contact-us
หรืออีเมล [email protected]
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด