กระแส Tech startup ในคนรุ่นใหม่ยังคงมาแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากที่มีซีรีส์เกาหลีเรื่อง Start-up เข้ามาจุดประกายและความฝันให้หลายๆ คนอยากเป็นเหมือนนัมโดซานและซอดัลมี ที่เริ่มต้นธุรกิจของตัวเองและเติบโตผ่านโครงการบ่มเพาะ จนกลายเป็น Startup ที่ประสบความสำเร็จ ทำให้ช่วงนี้เราได้เห็นเวทีแข่งขันของ startup เกิดขึ้นมากมายหลากหลายระดับ ซึ่งหนึ่งในโครงการที่มุ่งสนับสนุนกลุ่มเยาวชนตั้งแต่อายุ 15-20 ปี อย่างโครงการ AFTERKLASS ของธนาคารกสิกรไทย ก็พัฒนากระบวนการคัดเลือก บ่มเพาะ และการแข่งขันอย่างเข้มขันขึ้นเรื่อยๆ โดยในปีนี้ ทาง AFTERKLASS ได้จัดแคมป์ AFTERKLASS Young Tech Start Up Kamp ให้น้องๆ รุ่นใหม่ได้เรียนรู้พื้นฐานการทำธุรกิจ และคิดค้นไอเดียนวัตกรรมที่จะต่อยอดเป็นธุรกิจ Startup ได้จริง และแข่งขัน pitching ต่อคณะกรรมการอย่างเข้มข้น ตลอดระยะเวลากว่า 3 เดือน
คุณรวี อ่างทอง ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายสื่อสารและองค์การสัมพันธ์ ธนาคารกสิกรไทย และผู้บริหาร AFTERKLASS กล่าวถึง ความสำคัญของการวางรากฐานและแนวคิดการทำงานแบบ Startup ในเยาวชน คนรุ่นใหม่ผ่านโครงการนี้ว่า “ เราต้องการให้น้องๆ ที่มาเข้าร่วมได้มีความรู้ในการทำธุรกิจในทุกๆ มุม ตั้งแต่การคิดไอเดียผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของสังคม เรื่องการเงิน ไอที และการทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่เอาไปใช้ในชีวิตจริงได้ โดยเฉพาะความรู้ทางการเงิน ที่เราไปทำการศึกษามาพบว่า ปัจจุบันเด็กมัธยมก็เริ่มมีหนี้สินกันแล้ว จากต้นทุนในการใช้ชีวิตประจำวันและความฟุ่มเฟือยต่าง ๆ ซึ่งเป็นปัญหาที่น่ากังวล เราจึงอยากให้การสนับสนุนความรู้ในการบริหารจัดการการเงินตั้งแต่ในวัยนี้ และสามารถดูแลตัวเองให้เป็นเยาวชนที่มีศักยภาพในอนาคตได้
ถ้าเราดูสถิติของเด็กที่จบใหม่ในปัจจุบัน จะเห็นว่าส่วนมากจะมีความฝันที่อยากทำธุรกิจของตัวเองมากกว่าการสมัครเข้าทำงานในบริษัท รวมถึงเทรนด์ของการทำธุรกิจตอนนี้คือ Startup ซึ่งธนาคารเองก็มีโครงการเพื่อช่วยให้เกิด Startup ที่ได้ไปต่อมากมาย เพราะเรามองว่า Startup จะสามารถช่วยพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ทำให้คนมีรายได้สูง”
โดย AFTERKLASS มีการจัดกิจกรรมแข่งขันขึ้นทุกปี แต่ความพิเศษในปีนี้ คือ ความเข้มข้นของเนื้อหาและความเป็นมืออาชีพที่เพิ่มขึ้นของทั้งผู้อบรม และผู้เข้าแข่ง โดยได้แบ่งช่วง กิจกรรมออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ
ในช่วงแรกของโครงการ หลังจากที่เปิดรับสมัครและคัดเลือกจนกระทั่งได้น้องๆ เยาวชนผู้เข้ารอบ 36 คน ก็เข้าสู่กิจกรรม Hackathon เพื่อระดมความคิดสร้างสรรค์และไอเดีย รวมถึงแผนธุรกิจสินค้าและบริการที่จะตอบโจทย์กลุ่ม Young Gen หรือคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน ผ่านการแบ่งกลุ่มออกเป็น 9 ทีม โดยทุกทีมจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจจากผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์จาก K SME พร้อมทั้งแนวคิดเรื่องการพัฒนา UI/UX Design และ Customer Journey การทำการตลาด การสร้างรายได้เชิงธุรกิจ ผ่านกระบวนการ Hackathon ตลอดระยะเวลา 3 วัน ก่อนที่จะเปิดโอกาสให้ทุกทีมนำเสนอแผนธุรกิจต่อคณะกรรมการจากธนาคารกสิกรไทย และตัวแทนนักลงทุนอย่าง Beacon Venture และ KBTG เพื่อคัดทีมที่ได้ไปต่อในช่วง Incubation Round จำนวน 5 ทีม
5 ทีมที่ผ่านเข้ารอบได้เข้าสู่ช่วงของการบ่มเพาะ หรือ Incubation ระยะเวลากว่า 2 เดือน ด้วยเงินสนับสนุนทีมละ 5,000 บาท เพื่อนำไปพัฒนาแผนธุรกิจในระหว่างการแข่งขัน และเป็นเงินทุนในการทดลองสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบ
ในช่วงระยะของการบ่มเพาะ น้องๆ เยาวชนได้รับการติวเข้มจากคณะผู้เชี่ยวชาญจากทั้งธนาคารกสิกรไทย KBTG และ Beacon Venture เพื่อสร้างพื้นฐานความเข้าใจในการพัฒนาและออกแบบบริการให้ใช้ได้จริง ทั้งการวาง Business Model การออกแบบประสบการณ์ของผู้ใช้ UX/UI Design การทำ MVP และการออกแบบ Revenue Plan ให้ธุรกิจเป็นไปได้จริง รวมถึงเรียนรู้เทคนิคการ Pitch บนเวทีต่อหน้าคณะกรรมการ เรียกว่าได้ทำทุกอย่างและเจอประสบการณ์เช่นเดียวกับที่ Startup จริงๆ ต้องเจอกันเลยทีเดียว
คุณวรกฤษ เหล่าวิทวัส Senior Innovation Product Manager จาก KBTG กล่าวว่า ในครั้งนี้ KBTG ได้เข้ามามีส่วนร่วมด้วยการส่งทีมมาช่วยโค้ชชิ่งน้องๆ ตั้งแต่เริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการทำ Prototype โดยมองว่าหากมีไอเดียที่เข้าตา ก็อาจนำไปพัฒนาต่อในอนาคต และทำให้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นได้ด้วย
“สิ่งที่องค์กรใหญ่กำลังมองหาจากเด็กรุ่นใหม่ หลักๆ มี 3 เรื่อง อย่างแรก คือ คนที่มีทัศนคติพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง และมองหาโอกาสใหม่ๆ โดยสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็ว สามารถพัฒนาทั้งทักษะ Hard Skill ในแขนงใหม่ ที่เป็นความรู้เรื่องในเรื่องยากๆ อย่าง DeepTech เช่น Blockchain หรือ Smart contract หรือแม้แต่ทักษะพื้นฐานฝั่งเทค เช่น การพัฒนาโปรแกรม และ Cyber security ก็เป็นที่ต้องการของตลาด นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของทักษะ Soft Skill และความสร้างสรรค์ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นให้มีความเป็นมนุษย์ และสามารถออกสู่ตลาดได้จริง”
หลังจากที่ผ่านการบ่มเพาะกว่า 2 เดือนแล้ว ทั้ง 5 ทีมได้ขึ้น Pitch ต่อหน้าคณะกรรมการ ด้วยไอเดียของบริการ และ prototype ที่ได้ทดลองทำมา โดยบรรยากาศในวัน Demo Day ก็อัดแน่นไปด้วยความเข้มข้นและจริงจังไม่ต่างจากเวที Startup Pitching กับ VC ของจริงเลย ทุกทีมได้โอกาสทีมละ 9 นาที โดยน้องๆ ต่างต้องทำการบ้านมาอย่างดี เพื่อให้สามารถตอบคำถามของคณะกรรมการได้อย่างรอบด้าน
ทีมที่ได้รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 และรับเงินรางวัลกว่า 50,000 บาท คือ ทีม Parkdee แอปพลิเคชันช่วยแมตช์ชิ่งคนที่มีพื้นที่ว่างสำหรับให้เช่าที่จอดรถ และคนที่ต้องการหาที่จอดรถในตัวเมือง
ทีมรองชนะเลิศอันดับ 1 คือ ทีม AraiD แอปพลิเคชัน match ความต้องการและจองร้านอาหารสำหรับกลุ่มเพื่อน รับเงินรางวัล 20,000 บาท
ทีมรองชนะเลิศอันดับ 2 คือ ทีม Soi-Aspect แอปพลิเคชันเกมบริหารรายรับรายจ่าย รับเงินรางวัลไป 10,000 บาท และ
ทีมอันดับที่ได้รางวัลชมเชย คือ ทีม Startosphere แอปพลิเคชันแนะนำการเรียนเพื่อเส้นทางอาชีพในอนาคต และ ทีม Matchy แพลตฟอร์ม networking สำหรับ Startup รับเงินรางวัลไปทีมละ 5,000 บาท
จากปัญหาที่แต่ละคนต้องเจอในการวนหาที่จอดรถในตัวเมือง ทำให้น้องๆ ในทีม Parkdee ต้องการสร้างโซลูชั่นที่ช่วยให้คนขับรถสามารถหาที่จอดได้สะดวกยิ่งขึ้น ผ่านฟีเจอร์ค้นหาและสั่งการด้วยเสียง พร้อมบริการ matching ระหว่างผู้ที่มีพื้นที่ว่างในบ้านสำหรับให้เช่าที่จอดรถในระยะสั้นกับผู้ที่กำลังมองหาที่จอดรถ เป็นการช่วยสร้างรายได้และเพิ่มความสะดวกแก่ทั้งสองฝ่าย
โดยทีม Parkdee ได้ทำการทดลองตลาด และพิสูจน์ความต้องการของผลิตภัณฑ์ ด้วยการสร้างเพจ Facebook เกี่ยวกับบริการของ Parkdee และยิง Ad รับสมัครผู้ที่ต้องการให้พื้นที่และผู้ที่มองหาที่จอดรถ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก
ทีม Parkdee กล่าวถึงความรู้สึกและสิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ AFTERKLASS Young Tech Start Up Kamp ว่า “ โครงการนี้ถือเป็นกิจกรรมที่เปิดโลกใบใหม่ให้กับเด็กมัธยม ช่วยให้เรามีประสบการณ์ในการทำงานจริง ทดลองสร้างธุรกิจจริงๆ และได้ความรู้เพิ่มขึ้นมหาศาล นอกจากนี้ยังได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ และเรียนรู้การทำงานเป็นทีม โดยในอนาคตหากมีโอกาสก็อยากพัฒนาธุรกิจ Parkdee ให้เกิดขึ้นจริง ”
เรียกได้ว่าเวที AFTERKLASS เป็นอีกหนึ่งเวทีความหวังที่จะช่วยปั้น Startup รุ่นใหม่ ออกสู่ตลาดได้มากขึ้นจริงในอนาคต โดยเป้าหมายหลังจากนี้ของธนาคารกสิกรไทยและ AFTERKLASS ในปี 2564 คือการยกระดับการจัดแคมป์ธุรกิจและการประกวดให้เข้มข้นกว่าเดิม ซึ่งจะมาในรูปแบบทัวร์นาเมนท์ ไปตามโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อชิงรางวัลใหญ่ และเฟ้นหาทีมที่จะพัฒนาสู่บริการที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น คาดว่าจะเริ่มเปิดรับสมัครน้องๆ เข้าร่วมโครงการในเดือนสิงหาคมนี้ สำหรับใครที่สนใจสามารถรอติดตามได้ที่เพจ Techsauce เราจะมาแจ้งข่าวให้ทราบกันอีกครั้ง
นอกจากเวทีแข่งขันแล้ว ทาง AFTERKLASS ยังมีแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่ให้ความรู้ในด้านต่างๆ 3 ด้าน ได้แก่ Biz Master สำหรับน้อง ๆ ที่สนใจการทำธุรกิจ การบริหารเงินทุน Smart Society สำหรับน้องที่สนใจทักษะเกี่ยวกับการเรียน และ Play Yard สำหรับน้องที่สนใจและชื่นชอบการทำกิจกรรม รวมถึงเนื้อหาเชิงไลฟ์สไตล์ นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำเวิร์กชอปให้ความรู้เพิ่มทักษะด้านต่าง ๆ ตลอดทั้งปี รวมทั้งการจัดแคมป์อบรมทักษะด้านธุรกิจประจำปีอย่างต่อเนื่อง ผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ปัจจุบันมีสมาชิกในเว็บไซต์กว่า 33,000 คน และมีสมาชิกผ่าน Social Media Platform อื่นๆ อีกกว่า 50,000 คน
สำหรับผู้ที่สนใจในโครงการของ AFTERKLASS สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.afterklass.com
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด