ปัจจุบันเทคโนโลยีกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์ และสำหรับภาคธุรกิจได้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงานอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะการทำการตลาด ในยุคที่มีจำนวนข้อมูลมหาศาล “Marketing Technology” หรือที่เรียกกันโดยย่อว่า MarTech กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำการตลาดยุคปัจจุบัน และจะกลายเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจที่คว้ามันไว้ได้ เพราะแน่นอนว่าในปี 2022 จะมีการเเข่งขันอย่างเข้มข้น หลังจากที่บริษัทรายใหญ่เริ่มกลับมาตื่นตัว นอกจากนั้นที่ผ่านมายังมีดิสรัปเตอร์ใหม่ๆ ทั้งสตาร์ทอัพ บริษัทขนาดเล็กและกลางเกิดขึ้นมากมาย หากเรายังไม่มีเป้าหมายและวิธีการที่ชัดเจน และยังไม่สามารถหาเครื่องมือที่จะมาช่วยสร้างโอกาสให้กับธุรกิจของเราได้ อาจจะกลายเป็นผู้ที่ถูกทิ้งไว้ในโลกใบเก่าตลอดไป
บทความนี้เป็นสรุปสาระสำคัญของงาน “How brands can ride on the growth driver in MarTech 2022” ซึ่งเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง ADA และ Techsauce ร่วมค้นหาโซลูชันการตลาดและ MarTech ที่จะมาช่วยธุรกิจของคุณให้อยู่รอด รับฟังกรณีศึกษาการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูลและเครื่องมือทางการตลาด ผ่าน session แชร์ความรู้และประสบการณ์สุดเข้มข้น และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน
กับ Speakers ผู้เชี่ยวชาญ
คุณธนุส เกิดลาภ Head of MarTech and Data Consulting, ADA in Thailand
คุณกวิน ตั้งอุทัยศักดิ์ Managing Director บริษัท The 1-Central Group
คุณณัฐพล ม่วงทำ เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน
และคุณอภิรดา เบ็ญจฆรณี Head of Digital and Transformation บริษัท Cigna Thailand
สำหรับคำถามถึงสิ่งที่องค์กรหรือแบรนด์ควรคำนึงถึง ก่อนจะเริ่มนำเทคโนโลยีการตลาดมาใช้ในองค์กรนั้น คุณหนุ่ยมองว่าสิ่งสำคัญคือ การวางเป้าหมาย เราต้องการใช้เครื่องมือเหล่านั้นเพื่ออะไร
“เริ่มต้นจากโจทย์ก่อน ไม่งั้นมันจะสะเปะสะปะไปหมด”
เช่นเดียวกันกับคุณธนุส มองว่าปัจจุบันเรามีโซลูชันทางการตลาดที่หลากหลาย แต่ไม่มีโซลูชันใดที่จะเหมาะสมกับทุกธุรกิจ เพราะไม่มีความตายตัว ซึ่งคำถามสำคัญที่ต้องตอบให้ได้ก่อน คือ ปัญหาคืออะไร เครื่องมือชิ้นใดที่เหมาะสมที่สุดกับปัญหาที่เราต้องการแก้ และเพราะปัญหาของแต่ละองค์กรต่างกัน แน่นอนว่าการเลือกใช้เครื่องมือทางการตลาดย่อมต่างกัน
“บางแบรนด์มีปัญหาเรื่องยอดขาย บางแบรนด์มีปัญหาเรื่องการรักษาลูกค้า ผมเลยมองว่าหากแบรนด์หรือองค์กรต้องการใช้เทคโนโลยีการตลาด มันไม่ใช่แค่การเลือกใช้ซอฟต์แวร์ หรือเทคโนโลยีสักชิ้น แต่มันต้องมองว่า ปัญหาคืออะไร บางครั้งมันอาจจะตอบโจทย์ด้วยการใช้ Data เพื่อเข้าใจลูกค้า หรือโซลูชันพื้นฐานบางอย่างก็ได้”
คุณอภิรดากล่าวว่ามี 3 ปัจจัยหลักที่องค์กรต้องพิจารณาหากอยากเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมมาใช้กับองค์กร
เลือกให้ ‘ถูกโจทย์’
ซึ่งโจทย์นั้นหมายถึงองค์กรต้องหา pain point และ โอกาสทางธุรกิจของตัวเองให้ชัดเจน ตอบให้ได้ว่าเรากำลังเจอปัญหาอะไร เราต้องการอะไร จะก้าวไปทิศทางไหน หรืออาจจะใช้วิธีการวางแผนทำการตลาดในแต่ละ Marketing Funnel ก็จะเป็นจุดตั้งต้นที่ง่าย
เลือกให้ ‘ถูกงบ’
“MarTech tools มีตั้งแต่ราคา 0 บาท ไปจนถึงหลายสิบล้านบาท” คุณอภิรดากล่าว พร้อมแนะนำว่าหากอยากเลือกใช้เครื่องมือตัวไหน ควรมีการทำ Proof of Concept ก่อน เพื่อพิจารณาว่าเครื่องมือนั้นสามารถแก้ปัญหาขององค์กรได้จริงหรือไม่ เหมาะกับการทำธุรกิจของเราไหม เพราะโจทย์ของแต่ละองค์กรแตกต่างกัน
เลือกให้ ‘ถูกคน’
การเลือกใช้เครื่องมือทางการตลาด จำเป็นต้องพิจารณาถึงคนด้วย เริ่มจากลูกค้าของเรา องค์กรควรวิเคราะห์ว่าลูกค้านั้นมีพฤติกรรมอย่างไร (persona) และเราจะใช้เครื่องมือใดเข้าไปช่วย
คนที่สองคือ คนที่จะนำเครื่องมือการตลาดนั้นไปใช้ให้เกิดผลสำเร็จ จำเป็นต้องเรียนรู้ มีไอเดีย และต้องมีทักษะ ซึ่งคุณอภิรดามองว่าคนกลุ่มนี้จำเป็นต้องมี Digital literacy
และคนสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ นั่นคือ Solution Provider หรือ พาร์ทเนอร์ของเรา ที่จะสามารถแนะนำเครื่องมือการตลาดที่เหมาะสมให้กับเราได้
“สิ่งที่ยากมากกว่าคือ เราจะเอาข้อมูลที่เรามีทั้งหมดไปใช้ทำอะไรได้บ้าง”
คุณกวินกล่าว เมื่อถูกถามถึงความท้าทายในการจัดการข้อมูลขององค์กรซึ่งมีจำนวนมหาศาล โดยยกตัวอย่างวิธีการนำข้อมูลของลูกค้าไปใช้งานของ บริษัท The 1 ซึ่งใช้วิธีการเก็บและรวบรวมข้อมูล ไปจัดทำเป็น Single view of customer หรือรายงานสรุปข้อมูลลูกค้าแบบรอบด้านและครอบคลุมอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการซื้อของ, ความสนใจ, ประเภทของสินค้าที่ซื้อ เป็นต้น
นอกจากนั้นข้อมูลชุดนี้ยังเปิดให้ทุกๆ ภาคส่วนในองค์กรสามารถมาใช้ได้ รวมถึงลูกค้าและพาร์ทเนอร์ของบริษัท ซึ่งเป็นการเดินตามคอนเซ็ปต์ Marketing Democratization เพื่อจะมั่นใจได้ว่าเราสามารถใช้ MarTech Stack ให้ได้มากที่สุด รวมถึงการสร้าง The 1 BIZ แพลตฟอร์ม
ในอีกทางหนึ่ง นอกจากการจัดการกับข้อมูลมหาศาล คุณกวินยังได้ยกตัวอย่างกรณีศึกษา ว่าถ้าหากแบรนด์ไม่สามารถเข้าถึงหรือเก็บข้อมูลลูกค้าได้จะทำอย่างไร โดยยกตัวอย่างจากความร่วมมือระหว่าง The1 และ ADA ในรูปแบบ Data partnership และการร่วมกันสร้าง Commucication Campaign เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์มากขึ้น ซึ่งคุณกวินมองว่าการสร้าง Partner ด้านข้อมูลจะกลายเป็นเทรนด์หนึ่งในการทำการตลาดในอนาคตด้วย
สำหรับคุณหนุ่ย มองว่าการหา Partner Data เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน เพราะแบรนด์ควรจะมีข้อมูลว่านอกจากผลิตภัณฑ์หรือบริการของเราแล้ว ลูกค้าของเราสนใจอะไรบ้าง โดยยกตัวอย่างจากบริษัทต่างประเทศที่มีการจับมือกับ Web community หรือแพลตฟอร์มใดๆ ที่เราสามารถเก็บข้อมูล Interest ของลูกค้าได้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสามารถนำไปหา Insight เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราได้ โดยคุณหนุ่ยเชื่อว่า ADA เองจะมีบริการข้อมูลในส่วนนี้เพื่อช่วยลูกค้าแก้ปัญหาได้
นอกจากการหาพาร์ทเนอร์แล้ว คุณหนุ่ยมองว่า ความคิดสร้างสรรค์ เป็นอีกปัจจัยสำคัญ ปัจจุบันองค์กรกำลังเผชิญปัญหาในการขอข้อมูลจากลูกค้า และนักการตลาดมักตั้งคำถามว่าทำไมลูกค้าจึงไม่ยินยอมให้ข้อมูลด้วย ซึ่งคุณหนุ่ยแนะนำว่านักการตลาดควรจะฉุกคิดและเริ่มหาวิธีการที่จะโน้มน้าวให้ผู้บริโภคยอมให้ข้อมูลกับองค์กร โดยความคิดสร้างสรรค์ถือเป็นปัจจัยสำคัญ
คุณธนุสกล่าวเสริมถึง 2 ปัจจัยนอกจากการจัดการข้อมูลมหาศาลในองค์กร ได้แก่
ข้อมูลที่มีกลับไม่ใช่ข้อมูลที่ใช่
“ต้องดูก่อนว่าแบรนด์ต้องการจะเอาข้อมูลไปทำอะไร เพราะข้อมูลมันอาจจะมีเยอะ แต่ไม่ใช่ข้อมูลที่เราจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้เลย ในขณะที่ชุดข้อมูลที่จำเป็นต้องนำมาใช้เพราะวิเคราะห์จริงๆ อาจจะกลายเป็นว่ายังไม่มีอยู่ในองค์กร” คุณธนุสกล่าว โดยเสริมว่าปัจจุบันจะเห็นหลายแบรนด์เริ่มทำ Mobile Application เพื่อเก็บ First Party Data ต้องการเข้าใจความคิด และพฤติกรรมของลูกค้ามากขึ้น
การหาพาร์ทเนอร์สำคัญ
คุณธนุสได้เน้นย้ำถึงความสำคัญในการหา Partner data โดยยกตัวอย่างจากความเชี่ยวชาญและโซลูชันของ ADA ปัจจุบัน ADA มีข้อมูล 45 ล้านโปรไฟล์ในประเทศไทย โดยนอกจากจะช่วยลูกค้าในการวิเคราะห์และหาข้อมูลเชิงลึก แบบจำลองบุคคล และการจัดกลุ่มผู้บริโภคแล้ว ข้อมูลจำนวนมากที่ ADA มี ยังสามารถช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
คำถามสำคัญข้อหนึ่งของการเสวนาครั้งนี้ คือหลายธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาหรือเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาด แม้จะเลือกซื้อเครื่องมือการตลาดมาใช้แล้วก็ตาม
โดยคุณธนุสมองว่า องค์กรมักคิดว่า MarTech คือโซลูชันที่ถ้าเราซื้อมา แล้วปัญหาจะหายไป แต่ในความเป็นจริงนั้นไม่ว่าจะซอฟต์แวร์ใดๆ ก็ไม่อาจแก้ปัญหาที่เราเจอได้ หากเรายังไม่เข้าใจปัญหาของเรา ซึ่งความไม่เข้าใจนี้จะนำไปสู่การเลือกใช้เครื่องมือที่ไม่เหมาะสม และทำให้ปัญหายังคงอยู่เช่นเดิม
“วันนี้หลายๆ แบรนด์เริ่มคิดถึงการสร้าง Customer data platform (CDP) เพื่อรวบรวมข้อมูลมาทำ Single customer เพราะอยากเข้าใจลูกค้าได้มากขึ้น ทุกคนอยากได้ ทุกคนอยากทำ แต่ปัญหาคือถ้าแบรนด์เราอาจจะไม่ใช่ธุรกิจ B2C (Business to Customer) โดยตรง เราไม่มีข้อมูลลูกค้าเลยด้วยซ้ำไป เราต้องไปแก้ปัญหาการให้ได้มาซึ่งข้อมูลลูกค้าก่อน เพราะฉะนั้นถึงจะมีระบบที่ดีที่สุดในโลก เราก็แก้ปัญหาไม่ได้” คุนธนุสยกตัวอย่างจากลูกค้าที่เคยมาขอคำปรึกษาการสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลลูกค้าจาก ADA
ในอีกทางหนึ่ง คุณหนุ่ยมองว่า ความไม่พร้อมปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน เป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้การใช้ MarTech ไม่ประสบความสำเร็จ
“หลายๆ บริษัทมักคิดว่าการใช้ MarTech คือการซื้อเครื่องมือมาวางแล้วจบ แต่สิ่งที่ต้องเปลี่ยนคือ process ของการทำงาน skill ของคนทำ ผมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ process ก่อน ถ้าเรามีเทคโนโลยีใหม่ แต่ใช้ process การทำงานแบบเดิม มันก็ไม่ได้ผล เพราะฉะนั้นก่อนจะลงทุน ผู้บริหารต้องถามตัวเองว่าเราพร้อมปรับกระบวนการหรือไม่”
สำหรับคุณกวิน มองว่าอุปสรรคของการใช้เครื่องมือทางการตลาด คือ การที่คนคิดมาก แต่ทำน้อย โดยองค์กรหรือนักการตลาดมักจะคิดถึงวิธีการใช้งานเครื่องมือการตลาดที่หลากหลาย โดยคุณกวินแนะนำว่าให้พยายามคิดแบบเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน และไม่จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายว่าการใช้เครื่องมือการตลาดของเรา จำเป็นต้องเพิ่มยอดขายให้ได้ หรือต้องเพิ่ม Conversion Rate ให้ได้ ในบางครั้งหากมันสร้างประสบการณ์ในการรับบริการที่ดีให้กับผู้บริโภคได้ ก็นับว่าเราได้อะไรจากการใช้เครื่องมือการตลาดเช่นกัน
และจากมุมมองของคุณอภิรดา กล่าวว่ามีปัจจัย 5 ข้อสำคัญเกี่ยวกับ MarTech
ไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องมือตัวใหญ่ๆ ที่ครอบคลุมทุกโจทย์ปัญหา คุณอภิรดากล่าวว่าทางที่ดีควรจะเลือกซื้อให้เหมาะกับโจทย์ที่เรากำลังเจอ
ควรทำ Proof of Concept ทุกครั้ง และตั้ง Quick Win ไปเรื่อยๆ
MarTech ไม่ใช่ Tech driven แต่เป็น People driven และ Creativity Driven
MarTech ไม่ใช่เครื่องมือวิเศษ ต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจ
MarTech ไม่จำเป็นต้องอยู่ในมือ Marketer เท่านั้น แต่ควรจะเปิดให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการวางแผนและใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไอที, Digital Marketing เป็นต้น
MarTech ไม่ใช่เครื่องมือวิเศษ ที่จะเสกให้ทุกปัญหาหายไป องค์กรจำเป็นต้องหาโจทย์และเป้าหมายให้เจอ ก่อนจะเริ่มลงทุนกับการใช้เครื่องมือทางการตลาด และต้องอย่าลืมว่า ‘Data is a new oil’ ข้อมูลจะกลายเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในทางธุรกิจ ข้อมูลจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการทำการตลาด
ADA เป็นบริษัททางด้าน Data และ AI ที่ให้บริการทางด้านดิจิทัล ข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค และเทคโนโลยี เพื่อตอบโจทย์สำหรับนักการตลาดและนักกลยุทธ์ยุคใหม่ โดยที่ทาง ADA ได้เสริมศักยภาพในด้านของการตลาดดิจิทัลด้วยการสร้างฐานข้อมูลของบริษัทที่รวบรวมข้อมูลของผู้บริโภคมากกว่า 375 ล้านรายที่สามารถนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมเชิงลึกได้ ปัจจุบันให้บริการใน 10 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งมีทีมงานจากหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็น data scientist, digital media guru, agency expert, และ management consultant ที่มีประสบการณ์ด้านการตลาด ข้อมูล และเทคโนโลยี
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการด้านเทคโนโลยีการตลาด (MarTech) ของ ADA สามารถอ่านได้ที่ https://bit.ly/3dBJVgm
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด