บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของการประกวด Tech Saucier of The Year 2018 โดยคุณ Channarong Jansoe
ทุกครั้งที่ Bill Gates เดินทางไปในแหล่งชนบท เขาได้พูดคุยกับผู้คน คนกลุ่มหนึ่งที่เขาได้พูดคุยคือเกษตรกรจากการพูดคุยทำให้เขาได้ทราบปัญหาของเกษตรกรที่เจอบ่อย ๆ นั่นคือ พวกเขาไม่มีเงินเก็บ แต่สาเหตุของพวกเขาไม่ได้มาจากการใช้จ่ายมากกว่าเงินที่หาได้ แต่พวกเขาหมายถึงพวกเขาไม่มีที่ปลอดภัยสำหรับเก็บเงินต่างหาก
Bill Gates อ่านรายงานฉบับหนึ่งแล้วพบว่า มีเกษตรกรจำนวน 235 ล้านคนที่ไม่มีบัญชีธนาคารเป็นของตัวเอง การเก็บเงินไว้ที่บ้านก็เป็นทางเลือกหนึ่ง แต่ก็เป็นเรื่องเสี่ยงอยู่ดีเพราะอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันอย่างเพลิงไหม้ น้ำท่วม หรือไม่ก็ขโมยขึ้นบ้าน (และเราก็น่าจะเคยเห็นตัวอย่างของข้าราชการคนหนึ่งที่ซ่อนเงินไว้ในบ้านกันมาบ้าง)
สำหรับเกษตรกรรายเล็กที่ยากจนพวกเขาแก้ปัญหาด้วยวิธีง่าย ๆ คือ หามาได้เท่าไหร่ ก็จ่ายมันทั้งหมด โดยปกติช่วงที่เกษตรกรทำเงินได้มากที่สุดคือช่วงเก็บเกี่ยวและใช้จ่ายมากที่สุดก็คือช่วงเพาะปลูกเพราะต้องหาเงินมาซื้อเมล็ดพันธุ์ แต่ในเมื่อพวกเขาไม่สามารถเก็บออมได้ แล้วพวกเขาจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อเมล็ดพันธุ์ดี ๆ มาเพาะปลูก ในเมื่อไม่สามารถหารายได้เพิ่มจากการขายพืชพันธุ์ดี ๆ ได้ อีกทั้งเงินที่หามาได้ก็ไม่มีที่ให้เก็บ เรื่องการเอาเงินไปลงทุนต่อย่อมไม่ต้องพูดถึง สิ่งเหล่านี้ทำให้เกษตรกรยังติดอยู่กับวังวนความยากจน
ถ้ามีใครที่ทุ่มเทช่วยเหลือให้เหล่าคนยากจนหลุดพ้นจากความยากจน ชื่อแรกๆ ที่นึกถึงอาจจะเป็น Grameen Bank ที่ก่อตั้งขึ้นโดย Muhammad Yunus
Yunus พบว่าคนยากคนจนเหล่านั้นไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ที่ดีได้ พวกเขาจึงต้องไปกู้นอกระบบที่มีดอกเบี้ยสูงลิ่ว เมื่อคนจนเหล่านี้ออกไปทำงานก็ต้องรีบเอาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยแพง ๆ ถ้ายิ่งจ่ายช้าก็จะยิ่งจ่ายแพงขึ้น ของกินเพื่อประทังชีวิตอาจจะเป็นสิ่งสำคัญรองจากดอกเบี้ยซะอีก ดังนั้น Yunus จึงก่อตั้งธุรกิจ Microfinance เพื่อให้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ที่ดอกเบี้ยต่ำได้ แต่การเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนได้หมด อย่างเกษตรกรที่ Bill Gates ไปพบก็ไม่ได้มีปัญหานี้ แต่มีปัญหาเรื่องการเก็บออม เกษตรกรรายหนึ่งกล่าวว่า
เราก็ชอบที่มีการปล่อยกู้นะ แต่เราก็อยากให้มีวิธีเก็บเงินด้วย
ในการช่วยเหลือคนยากจน แนวคิดของพวกธุรกิจ microfinance คือเกษตรกรไม่มีเงินเก็บก็เพราะพวกเขายากจนเกินไปที่จะออม แต่มีองค์กรหนึ่งไม่เชื่อเช่นนั้น นั่นคือ myAgro
myAgro เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ตั้งอยู่ในประเทศมาลี พวกเขาตั้งข้อสังเกตว่าในความเป็นจริงแล้วเกษตรกรบางส่วนก็มีเงินเก็บ แต่พวกเขาไม่สามารถเก็บเงินได้เพราะอาศัยอยู่ห่างจากธนาคารซึ่งถ้าจะใช้บริการพวกเขาก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าธรรมเนียมธนาคาร แน่นอนว่าพวกเขาคงไม่อยากเอาเงินที่หามาได้ยากต้องหดหายไปกับค่าใช้จ่ายเหล่านั้น
ผู้ก่อตั้ง myAgro คือ Anushka Ratnayake ก่อนหน้านั้นเธอทำงานที่ Kiva.org ซึ่งทำให้เธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับความน่าทึ่งของ microfinance แต่หลังจากที่เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เธอก็พบว่ามันยังไม่สามารถถมช่องโหว่ของปัญหาได้หมด เธอได้ขอทุนกับ One Acre Fund เพื่อทำการทดลองกับสมมติฐานของเธอ เธอและทีมงานได้ทำระบบขึ้นมาระบบหนึ่งที่เรียกว่า Layaway เราอาจจะไม่ต้องจำชื่อมัน เพราะการทำงานของมันเหมือนกับระบบบัตรเติมเงินโทรศัพท์มือถือที่เราคุ้นเคย
เกษตรกรจะเดินเข้าไปในร้านค้าแล้วซื้อบัตร myAgro (มีมูลค่าตั้งแต่ 50 cent ถึง 50 USD) จากนั้นผู้ขายก็จะขูดแถบหลังบัตรแล้วใส่รหัสเพื่อเติมเงินเข้าไป โดยเมื่อใส่รหัสเรียบร้อย เงินไม่ได้อยู่ในซิมมือถือ แต่จะโอนเข้าสู่บัญชีที่เรียกว่า myAgro account ด้วยวิธีนี้พวกเขาสามารถค่อยเติมเงินเข้าบัญชีทีละนิดๆ จนเงินออมเริ่มเป็นก้อนใหญ่ จากนั้นพวกเขาก็จะสามารถซื้อเมล็ดพันธุ์และปุ๋ยดีๆมาทำการเกษตรได้
Ratnayake พบว่าพวกเกษตรกรสามารถซื้อน้ำตาลได้ในราคา 1 USD หรือซื้อน้ำมันในราคา 50 cent แต่กับการซื้อเมล็ดพันธุ์หรือปุ๋ยพวกเขาต้องซื้อเป็นกระสอบ ซึ่งหนึ่งกระสอบราคาสูงถึง 100 USD พวกเขาคงไม่สามารถซื้อได้แน่ ถ้าไม่มีการเก็บออมเงิน ด้วยระบบ myAgro เหล่าเกษตรกรสามารถเช็คยอดเงินได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังสามารถตั้งเป้าได้ด้วยว่าจะเก็บออมให้ถึงเท่าไหร่ เมื่อเก็บออมได้ถึงเป้าแล้วก็จะมีข้อความส่งเข้ามือถือเพื่อแสดงความยินดีอีกด้วย
นอกจาก myAgro จะทำระบบออมเงินแล้ว พวกเขายังมีการให้คำแนะนำในการเพาะปลูกกับเกษตรกรด้วย พวกเขาทั้งให้คำแนะนำและช่วยฝึก อย่างเช่นให้ใช้วิธี microdose ซึ่งสามารถประหยัดเมล็ดพันธุ์และปุ๋ยในการเพาะปลูกได้
Anushka Ratnayake กล่าวว่า
เราไม่ได้ขอให้พวกเขาเปลี่ยนพฤติกรรมให้เข้ากับระบบ แต่เราจะปรับระบบให้เข้ากับพวกเขาแทน
ระบบของ myAgro อาจจะไม่ใช่เรื่องยากที่จะมีใครซักคนเลียนแบบ แต่สิ่งที่ยากจนแม้แต่ Bill Gates ยังทึ่งคือ ความสามารถในการสร้างความไว้วางใจ
สมมุติว่าเราไม่เคยใช้ธนาคารมาก่อน การที่จะเอาเงินไปฝากไว้กับใครไม่รู้มันจำเป็นที่จะต้องไว้ใจคนๆนั้นอย่างมาก (อาจจะมากถึงระดับศรัทธาเลยก็ได้)
ชาว myAgro ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการสร้างความไว้ใจ ซึ่งกระบวนการนี้จำเป็นที่จะต้องลงไปในพื้นที่จริงเพื่อพูดคุยให้เกิดความใกล้ชิด เราคงไม่สามารถสร้างความไว้ใจได้แน่ ถ้ามัวแต่นั่งให้ห้องแอร์แล้วเขียนโค้ดสร้างระบบแล้วก็หวังว่าพวกเขาจะใช้และในที่สุดผลลัพธ์ก็โชว์ให้เห็น
ปี 2018 มีเกษตรกรในประเทศมาลีและเซเนกัลจำนวน 45,000 คนที่ใช้ระบบนี้ รายงานของ myAgro เผยว่าเกษตรกรที่ใช้ระบบของพวกเขาสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เพิ่มขึ้น 50% ซึ่งการเก็บเกี่ยวที่มากขึ้นหมายความว่าพวกเขามีเงินที่จะส่งลูกเรียนหนังสือหรือมีเงินซื้ออาหารเพียงพอที่จะเอาตัวรอดจากปีที่ย่ำแย่ได้นอกจากนี้พวกเขาตั้งเป้าที่จะมีคนใช้ถึง 200,000 คนในปี 2020 และ 1,000,000 คนในปี 2025 จำนวนผู้ใช้ที่ตั้งเป้าไม่ได้มีไว้เท่ๆ แต่มันหมายถึงจำนวนเกษตรกรที่พวกเขาสามารถช่วยให้หลุดพ้นจากความยากจนได้
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด