HR ยุคใหม่ที่ต้องปรับให้ทัน AI และสร้าง Diversity ในองค์กร กรณีศึกษาจาก Microsoft | Techsauce

HR ยุคใหม่ที่ต้องปรับให้ทัน AI และสร้าง Diversity ในองค์กร กรณีศึกษาจาก Microsoft

เมื่อเทคโนโลยีฉลาดขึ้น นอกจากจะเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนต้องทำความเข้าใจและปรับตัวให้ทันแล้ว การสร้างความหลากหลายการยอมรับความแตกต่างในองค์กรก็เป็นอีกหนึ่งแกนสำคัญที่ทำให้เกิดนวัตกรรม Techsauce ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณชุติมา สีบำรุงสาสน์ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัทไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) ถึงบทบาทของ HR ในการปรับตัวให้ทันยุคดิจิทัล อีกทั้งในเรื่องการสร้างความหลากหลายให้เกิดขึ้นภายในองค์กร ซึ่งเป็นที่น่าสนใจว่า ทางไมโครซอฟท์ได้มีเกณฑ์การรับพนักงานที่เป็นผู้หญิงเข้าทำงานคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 40% ของพนักงานทั้งหมด เรามาดูกันว่า HR จะทำการปรับตัวให้ทันยุค Digital Transformation และสามารถสร้างความหลากหลายให้เกิดขึ้นในองค์กรได้อย่างไร

ก่อนหน้าที่ทางไมโครซอฟท์จะมีเกณฑ์การรับพนักงานผู้หญิงเพิ่มขึ้น ได้มีการคัดเลือกพนักงานอย่างไร?

การดำเนินงานของทางไมโครซอฟท์เริ่มต้นที่พันธกิจของบริษัทที่ว่า “Empower every person and every organization on this planet to achieve more”  ซึ่งได้นำมากำหนดเป็นทิศทางเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Direction) ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรหรือคน โดยเริ่มจากการให้ความสำคัญเรื่องความหลากหลาย (Diversity) และการอยู่ร่วมกัน (Inclusion) เพราะพนักงานไมโครซอฟท์ทั่วโลกมีมากกว่า 130,000 คน จากกว่า 150 ประเทศ ซึ่งแน่นอนส่งผลต่อมิติของความหลากหลายอยู่แล้ว การที่เราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพราะเราเชื่อว่าความหลากหลายก่อให้เกิดสร้างผลกระทบเชิงบวกในองค์กร และถือเป็นพันธกิจขององค์กรในการกำหนดกลยุทธ์และแผนงานเพื่อให้เกิดประโยชน์จากความหลากหลายที่มีอยู่ให้เกิดขึ้น

ความหลากหลายทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัฒนธรรมในองค์กร นวัตกรรม การออกแบบผลิตภัณฑ์ การตัดสินใจ การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ไปจนถึงวิธีการทำงานในองค์กร เราจะทำอย่างไรให้คนหลากหลายพื้นเพสามารถอยู่ร่วมกันและสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้เกิดขึ้นในองค์กรได้ นี่คือสิ่งหนึ่งที่อยู่ใน Strategy ของเรา

ในบริบทของ Diversity ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของเพศ  เรามองเรื่องนี้ครอบคลุมทั้งเรื่องของเพศสภาพ และเพศทางเลือกซึ่งปัจจุบันเป็นโลกที่สังคมเปิดกว้างแล้ว  แต่โดยความท้าทายของบริษัทในอุตสาหกรรม Information Technology คนส่วนใหญ่ยังมีทัศนคติเกี่ยวกับสายงานไอทีว่าเป็นงานที่เหมาะกับผู้ชาย ดังนั้น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสในการสร้างความเท่าเทียมให้เกิดขึ้น ทางเราจึงนำเรื่องของผู้หญิงมาเป็นตัวผลักดัน เพื่อให้เกิดความตระหนักในเรื่องนี้  โดยในทุกกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคล ทางไมโครซอฟท์มี ตัวชี้วัด (Index) เพื่อให้เห็นถึงอัตราส่วนพนักงานต้องมีความสมดุลระหว่างหญิงและชายเพื่อให้เกิดความหลากหลายในองค์กร โดยได้มี Indicator ว่าเรามีมุ่งมั่นที่จะสร้างให้องค์กรมีสัดส่วนของบุคลากรผู้หญิงมากกว่าเกณฑ์ทั่วไปในตลาดแรงงานไอที โดยจะเริ่มในทุกกระบวนการตั้งแต่การจัดรับ การพัฒนา การบริหาร ไปจนถึงการสร้างความก้าวหน้าในอาชีพ 

มีขั้นตอนการรับคนเข้าทำงานอย่างไรบ้าง?

กระบวนการรับคนเข้ามาเราจะเริ่มตั้งแต่การประกาศคุณสมบัติของตำแหน่งงานซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้สมัครทุกคนที่มีความรู้ความสามารถเท่าเทียมกัน   ในขั้นตอนของการคัดเลือกใบสมัคร ผู้ที่ทำการคัดกรองใบสมัครจะไม่แบ่งแยกเรื่องเพศ ซึ่งในที่นี้รวมทั้งเพศทางเลือกด้วย นอกจากนี้เรายังกำหนดให้ การพิจารณาผู้สมัครในทุกตำแหน่งงานต้องมีใบสมัครของผู้หญิงและ คณะกรรมการคัดเลือกหรือผู้สัมภาษณ์ต้องมีผู้หญิงเข้ามาอยู่ในองค์ประชุมนี้ด้วย จากนั้นจึงมาวัดกันในเรื่องความสามารถของแต่ละบุคคล เมื่อได้เข้ามาในระบบการทำงานแล้ว เราจะระบบในการติดตามความก้าวหน้าในทุกระดับการทำงานว่ามีสัดส่วนผู้หญิงในแต่ละสาขาเท่าไรต่อทั้งหมดของคนในองค์กร นอกจากนี้เรายังดูเรื่องเวลาการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งของผู้หญิงว่ามีอัตราสัดส่วนที่เหมาะสมเพื่อที่ว่าสุดท้ายแล้วองค์กรจะสามารถก้าวไปยังเป้าหมายที่เราต้องการ 

สำหรับตัวเอง ในช่วงเข้ามาทำงานแรกๆ สัดส่วนบุคลากรผู้หญิงขณะนั้นต่ำว่า Benchmark ซึ่งเราได้ทำการวาง Strategy ต่างๆ โดยเริ่มตั้งแต่การจัดรับ ได้ทำการผลักดันในเรื่องพนักงานผู้หญิง ซึ่งเมื่อมีพนักงานผู้หญิงเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดสัดส่วนผู้หญิงในองค์กรคิดเป็นร้อยละ 50 ของพนักงานทั้งหมด

ในประเทศไทย ผู้หญิงที่ทำงานในอุตสาหกรรมไอทีคิดเป็นร้อยละ 40 ของตำแหน่งงานทั้งหมด มีความคิดเห็นอย่างไร และจะทำอย่างไรเพื่อเป็นการสนับสนุนให้ผู้หญิงเข้ามามีบทบาท อีกทั้งเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมนี้มากขึ้น?

อันดับแรกต้องเปลี่ยนในเรื่องของทัศนคติ มองเพื่อนร่วมงานในฐานะปัจเจค โฟกัสที่ความสามารถมากกว่าเรื่องของเพศสภาพ เมื่อเราได้มีการ Set message และวัฒนธรรมในองค์กรแบบนี้ พนักงานผู้หญิงจะรู้สึกว่านี่เป็นที่ของเขาด้วย เชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้มีพนักงานหญิงบอกว่าอยากให้รับพนักงานผู้ชายเพิ่มขึ้น

เรากลับรู้สึกว่าเรื่องเพศในประเทศไทยไม่ได้เป็นประเด็นหลักเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ความท้าทายที่เราพบในไทยจะเป็นเรื่องของระบบอาวุโสในที่ทำงานมากกว่า แต่ในไมโครซอฟท์ไม่ได้มีเรื่องนี้

ทางไมโครซอฟท์มีโปรแกรมที่ช่วยสนับสนุนผู้หญิงที่อยากจะขึ้นเป็นผู้นำหรือก้าวหน้าในอาชีพหรือไม่?

เพื่อให้แน่ใจว่าคนของเราได้รับการพัฒนาอย่างเท่าเทียมกัน พนักงานทุกคนของไมโครซอฟท์ จะได้รับการพัฒนาผ่านระบบที่เรียกว่า “Readiness programme” ซี่งเป็นระบบการพัฒนาการเรียนรู้และสร้างทักษะความสามารถให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมการพัฒนาเพื่ออนาคต จะเป็นอีกส่วนที่เราได้สอดแทรกเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง NextGen Talent,  Female Talent โดยจะเน้นในเรื่องการเป็นผู้นำหรือ “Lead Like A Woman” ซึ่งจะเป็นทั้งการเรียนและทำงานไปด้วย โดยจะมีโค้ชจากต่างประเทศเข้ามาทำการเป็นเมนเทอร์เพื่อทำการพูดคุย ถกประเด็นความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างโปรแกรม

คิดอย่างไรกับการที่ผู้หญิงได้แสดงความกล้าและคิดว่าตัวเองมีศักยภาพมากพอที่จะได้รับการพิจารณาในการเลื่อนตำแหน่ง?

ในมุมของการบริหารบุคคล คิดว่าเรื่องความเหมาะสม ความพร้อม และศักยภาพเป็นเรื่องที่นำมาพิจารณา ซึ่งไม่ได้ถูกแบ่งในเรื่องเพศ ในไมโครซอฟท์เมื่อพนักงานได้เข้ามาทำงานแล้ว จะได้มีการพูดคุยถึงความคาดหวัง แผนการพัฒนาและความก้าวหน้าในสายอาชีพ  

ซึ่งหากพนักงานรู้สึกว่าไม่ได้รับการดูแลหรือความยุติธรรมควรจะทำการพูดคุยกับทางบริษัท เป็นสิทธิของพนักงานคนหนึ่งที่จะคุยในเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

หากพนักงานงานหญิงโดน sexual harassment แล้วไม่กล้าบอก โดยเฉพาะในวัฒนธรรมไทย ควรทำอย่างไร?

ทางเราได้มีการกฏระเบียบและแนวทางปฏิบัติ ร่วมกันที่ชัดเจนว่าทางพนักงานทุกคนได้รับการคุ้มครองสิทธิในฐานะบุคคลอย่างเท่าเทียมกัน  หากเกิดเรื่องนี้พนักงานสามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนโดยมีช่องทางที่ให้ความปลอดภัยและเชื่อมั่นกับพนักงาน

มองอย่างไรในแผนการทำงานของผู้หญิงและผู้ชายในเรื่องความต้องการในการก้าวหน้าในอาชีพ?

ไมโครซอฟท์จะมีระบบประเมินผลหรือที่เราเรียกว่า “Connect” ระหว่างหัวหน้าและลูกน้อง โดยเราจะครอบคลุมทั้งในเรื่องของ ผลการปฏิบัติงาน และแผนการพัฒนาสายอาชีพ เราถือว่าการพัฒนาองค์ความรู้ของพนักงานถือว่าเป็นหน้าที่ของเราด้วย นอกจากนี้การที่พนักงานมีความพยายามขวนขวาย รับผิดชอบในหน้าที่ตัวเอง จะยิ่งทำให้เขามีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพมากขึ้น ทำงานร่วมกับหัวหน้าในการสร้าง Career path ของตัวเอง พัฒนาตัวเองให้พร้อมอยู่เสมอ เมื่อถึงเวลานั้น ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่คนอื่นจะให้การยอมรับ ทางเราจะใช้คำว่า Accountability ไม่ใช่ Responsibility เพราะ Mission statement คือเราต้องการ Empower พนักงาน เพราะฉะนั้นพวกเขาต้องรับผิดชอบตัวเอง ต้องแสดงศักยภาพและมีความทะเยอทะยานที่อยากจะเติบโตต่อไป

นอกจากนี้กระบวนการในองค์กร เรามีการรีวิว Talent ในทุกๆ ไตรมาส จะทำการคุยว่าแต่ละคนมีศักยภาพที่โดดเด่นด้านไหน มีจุดไหนที่ต้องสร้าง ต้องพัฒนา เป้าหมายต่อไปของพวกเขาคืออะไร

คุณสมบัติสำคัญที่คนไมโครซอฟท์ต้องมีคืออะไรบ้าง?

อันดับแรกเลยคือต้องเป็นคนมีความชื่นชอบ (Passion) ในเรื่องเทคโนโลยี มีความหลงไหล อยากเรียนรู้เกี่ยวกับมัน ด้วยความที่เราเป็นองค์กรเทคโนโลยี เมื่อเข้ามาจะเห็นสิ่งแวดล้อมว่าเป็นเทคโนโลยีทั้งหมด ตั้งแต่การจองห้องประชุม ไปจนถึงการติดต่อประสานงานต่างๆ จึงมีความสำคัญกับการที่คนเข้ามาทำงานจะมีความรักในสภาพแวดล้อมของเรา

นอกจากนี้คือเป็นคนที่มีความรักในการเรียนรู้ตลอดเวลา เมื่อเข้ามาในองค์กรแล้วได้ทำความเข้าใจว่าทำไมองค์กรถึงเป็นแบบนี้ จะทำอย่างไรให้องค์กรดีขึ้น เราไม่เคยบอกว่าคนที่เข้ามาทำงานจะต้องทำตามในสิ่งที่เราเป็น แต่ละคนนำสิ่งที่แต่ละคนมีเข้ามาช่วยส่งเสริมกันและกัน แล้วมาดูกันว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร  สิ่งนี้นี่แหละที่จะช่วยทำให้เกิดความหลากหลายและสร้างผลกระทบเชิงบวกให้เกิดขึ้นในองค์กร 

เราได้มีการผลักดันเรื่องการพัฒนากรอบความคิด (Growth mindset) และ Customer Obsession คนของเราต้องรักลูกค้า รู้จักการทำงานเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพ มีความเคารพผู้อื่น และมีความรู้สึกอยากที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้นในทุกๆ วัน ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติที่คนในไมโครซอฟ์ต้องมีหากต้องการจะประสบความสำเร็จ 

ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มีกรณีการเปลี่ยนงานบ่อยบ้างหรือไหม?

ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเรื่องของการไปเรียนต่อ และเมื่อจบการศึกษาแล้วก็มีกลับเข้ามาทำงานด้วยเช่นกัน เนื่องจากทางเราได้ทำการติดตามความเป็นไปของพนักงานอยู่ตลอดเวลา

นอกจากการประสบความสำเร็จในการทำงานแล้ว คนรุ่นใหม่ยังได้ให้ความสำคัญในเรื่องการทำงานที่มีคุณค่าและมีความสุขในทุกด้าน ทางไมโครซอฟท์มีวิธีการสร้าง emotional connection ให้พนักงานเป็นรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับบริษัทอย่างไร?

ทางไมโครซอฟท์ได้มีการปรับวิธีการทำงานให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เราได้ปรับในเรื่องของ Modern Work Culture ให้เข้ากับทุกตำแน่งในบริษัท ไม่มีข้อกำหนดว่าจะต้องเข้า-ออกงานกี่โมง แต่จะโฟกัสไปยังเรื่องประสิทธิภาพในการทำงาน นี่คือการ Empowerment อย่างหนึ่ง ให้พนักงานสามารถออกแบบชีวิตการทำงานเองได้ วิธีการทำงานเช่น การประชุมยังสามารถประชุมเป็น Virtual Meeting ได้ ทำให้รูปแบบการทำงานสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน

นอกจากนี้คือเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทางเราเข้าใจดีว่าคนรุ่นใหม่มีความใส่ใจในเรื่องสุขภาพ เราก็ได้มีการจัดการในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกในเรื่องเหล่าเพื่อให้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ 

ในส่วนเรื่องวิธีการบริหารจัดการ เช่นเดียวกันกับการดูแลลูกค้า ทางเราได้ใช้วิธี Employee & Customer-Obsesseion Culture ในการดูแลพนักงานเช่นกัน เราให้พนักงานเป็นที่ตั้ง โดยเปิดโอกาสให้ พนักงานมีอิสระในการออกความเห็น บอกความต้องการ ถ้าเราสามารถจัดหามาให้ได้จะทำให้ เพื่อให้ตรงกับสิ่งที่สนใจ  เพราะคนรุ่นนี้ต้องการที่จะมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ในเรื่อง ระบบการเรียนรู้ของที่นี่จะเป็นระบบ Just-in-time Learning คือเรียนรู้ในสิ่งที่ต้องใช้ ในสิ่งที่ต้องนำมาประกอบหน้าที่ พนักงานมีสิทธิที่จะเลือกในสิ่งที่เรียนรู้ สามารถออกแบบสไตล์การเรียนเองได้

HR ต้องปรับตัวให้ทันต่อการเติบโตของยุคดิจิทัลอย่างไรบ้าง อีกทั้งอะไรคือความสำคัญของ HR Transformation ในยุคที่กำลังจะเกิดขึ้น?

ยุคนี้คือยุคของ New Generation เราก็มีการปรับ Strategic Direction ในเรื่องของการค้นหา Talent เข้ามาทำงาน ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งกระบวนการสร้างความหลากหลายให้เกิดขึ้นในองค์กร เรามีโปรแกรมรับเด็กจบจากมหาวิทยาลัยหรือ Microsoft Academic College Hired (MACH) ซึ่งจะมีตั้งแต่รุ่น UnderGrad และ Postgraduate โดยคนกลุ่มนี้จะต้องมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในองค์กร เพราะในอนาคตพวกเขาจะเข้ามาแทนที่คนรุ่นเก่าและจะเปลี่ยนมุมมองการทำงานให้มีความหลากหลายมากขึ้น จะมีการนำ New Consumers, New Perspective เข้ามามากขึ้น

เมื่อเทคโนโลยีฉลาดขึ้น เราต้องยิ่งปรับตัวเองให้ทันด้วย พฤติกรรมของคนเปลี่ยน จึงสำคัญมากที่เราจะต้องมีความยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างวิธีการในการทำให้พนักงานอยากคุยกับเรา ให้พวกเขารู้สึกเข้าถึงเราได้มากขึ้น

นอกจากนี้ในเรื่องของการเรียนรู้ เราต้องเข้าใจว่าสไตล์การเรียนรู้ของแต่ละคนเป็นแบบไหน การวัดความสำหรับในการพัฒนาบุคคลจะดูจากการที่พนักงานได้เรียนแล้วสามารถปรับใช้กับการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นหรือเปล่า เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญกับการที่ HR จะต้องมีความเข้าใจและเป็นผู้ที่สามารถพูดคุย รับฟังพนักงานได้ในทุกๆ เรื่อง 

ฝ่าย HR ได้รับผลกระทบจากการเข้ามาของ AI อย่างไรบ้าง?

เราต้องมีความรู้และสามารถทำความเข้าใจว่าเทคโนโลยีแต่ละตัวคืออะไร เนื่องจากรูปแบบการทำงานในองค์กรเป็นดิจิทัลทุกอย่าง ในทุกขึ้นตอนการทำงานของ HR ไม่ว่าจะเป็นการรับคนเข้าทำงาน การประเมินผลการปฏิบัติ ไปจนถึงเรื่อง การบริหารค่าจ้างค่าตอบแทน และสวัสดิการ ทุกอย่างเป็นดิจิทัลทั้งหมด 

ทางฝั่งขั้นตอนการทำงาน HR อะไรที่สามารถทำซ้ำๆ (Automate) ได้ กว่า 90% จะเริ่มถูกแทนทีโดย Digital Platform รวมไปถึง AI โดยวิธีที่เราได้ปรับตัวรับมือ ก็อย่างเช่น ก่อนที่จะเอาเทคโนโลยีเข้ามาองค์กรต้องวางแผน และดูว่าสิ่งไหนเทคโนโลยีสามารถทดแทนได้ สิ่งไหนที่ไม่สามารถแทนได้ สามารถทำการ Offshoring และ Outsourcing ได้ไหม แล้วมาโฟกัสในเรื่องการเพิ่มความสามารถและประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน

เราไม่ได้ต้องการให้ทุกคนตื่นตระหนกว่า AI จะเข้ามาแทนที่ แต่ให้ดูว่าเราใช้คนเพื่อควบคุมหรือทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างไร เพราะฉะนั้นคนที่ทำงานในส่วนที่ต้องทำซ้ำๆ จะต้องทำการ Reskill ใหม่ เพราะความคาดหวังขององค์กรและธุรกิจเปลี่ยน อะไรที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลจำนวนมาก การให้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยจะทำให้เกิดความผิดพลาดน้อยกว่า แล้วใช้เวลาที่เหลือไปดูในเรื่องของ Insight Analytics, Relationship, Customer Experience, Design เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ AI ทำแทนไม่ได้ ทางไมโครซอฟท์เองได้มีโปรแกรมเตรียมพร้อมคนของเราให้มีทักษะเตรียมพร้อมในอนาคต เพื่อสร้างบทบาทและอิมแพ็กต์ให้เกิดขึ้นในองค์กรในการก้าวต่อไป

ร่วม Exclusive Dinner Talk กับคุณชุติมาได้ในงาน Techsauce Culture Summit 2019

ร่วมพูดคุยกับคุณชุติมา สีบำรุงสาสน์ ใน Dinner Talk สุด Exclusive ภายในงาน Techsauce Culture Summit ในหัวข้อ “Igniting Cultural Transformation for Organizations: Turning Talk into Action” พร้อมโอกาสพบปะพูดคุยกับผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำอย่าง Michelle Duval ผู้ก่อตั้ง Fingerprint for Success (F4S) และ Mark Buchanan, Managing Director บริษัท อีโวลูชั่น เวลล์เนสส์ (ประเทศไทย) จำกัด (Evolution Wellness) 

**จำนวนจำกัด 30 ที่นั่งเท่านั้น!

สำหรับผู้ที่ซื้อบัตรเข้างานจำนวน 5 ใบขึ้นไป ท่านสามารถส่งตัวแทนผู้บริหารระดับ C-Level มาได้ 1 ท่านเพื่อเข้าร่วม Exclusive Dinner Talk โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

เซสชั่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของงาน Techsauce Culture Summit ในวันจันทร์ 25 พฤศจิกายน 2562 เวลา 18:30-21:00 น. ณ ห้อง Galleria 2-3 โรงแรม เอส 31 สุขุมวิท กรุงเทพฯ รายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่อีเมล [email protected] หรือโทร 02-015-5722


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เปิดกลยุทธ์ธุรกิจยุคใหม่ พลิกข้อมูล สู่ขุมทรัพย์ด้วย analyticX ด้วยพลัง Telco Data Insights และ GenAI

ยุคนี้ใคร ๆ ก็พูดถึง Data แต่จะใช้ Data อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่างหากคือกุญแจสำคัญ! ในสัมมนาสุดเอ็กซ์คลูซีฟ "Unlocking Data-Driven Decisions with Telecom Data Insights" ที่จั...

Responsive image

‘UOB Sustainability Compass’ เครื่องมือออนไลน์ด้านความยั่งยืน หนุน SMEs เปลี่ยน Vision เป็น Action

บทสัมภาษณ์ คุณอัมพร ทรัพย์จินดาวงศ์ และคุณพณิตตรา เวชชาชีวะ เกี่ยวกับ ‘UOB Sustainability Compass’ เครื่องมือออนไลน์ที่เข้ามาช่วย SMEs เริ่มดำเนินการด้านความยั่งยืนอย่างเข้าใจและไม...

Responsive image

Intel พลาดอะไรไป ? ทำไมถึงต้องเปลี่ยน CEO กะทันหัน ? ถอดบทเรียนราคาแพงจากยุค Pat Gensinger

การ ‘เกษียณ’ อย่างกะทันหันของ Pat Gelsinger อดีตซีอีโอ Intel ในต้นเดือนธันวาคม สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ววงการเทคโนโลยี หลายฝ่ายมองว่าเป็นการบีบให้ออกจากบอร์ดบริหาร อันเนื่องมาจากผล...