บทสรุปของหลักสูตร PPCIL ครั้งที่ 4 เมื่อการแก้ปัญหา ต้องเริ่มตั้งแต่แนวคิดของผู้นำ | Techsauce

บทสรุปของหลักสูตร PPCIL ครั้งที่ 4 เมื่อการแก้ปัญหา ต้องเริ่มตั้งแต่แนวคิดของผู้นำ

จบไปแล้วสำหรับหลักสูตรอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาความสามารถทางนวัตกรรมสำหรับกลุ่มผู้นำรุ่นใหม่ภาครัฐและเอกชน Public and Private Chief Innovation Leadership (PPCIL) รุ่นที่ 4 ซึ่งจัดโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เพื่อสร้างเครือข่ายผู้นำรุ่นใหม่ทั้งภาครัฐและเอกชนให้มีแนวคิดเชิงนวัตกรรม และร่วมกันสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่สามารถก่อให้เกิดการพัฒนานโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ

ในการจัดหลักสูตรครั้งนี้มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมอบรมเป็นจำนวนมาก ทั้งบุคลากรจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา สื่อมวลชน ภาคการเมือง  และความมั่นคง โดยมีผู้ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการให้เข้าร่วมการอบรมจำนวน 83 ราย โดยบทความนี้ Techsauce จะพาท่านไปเจาะลึกบทสรุปและความสำเร็จของหลักสูตร พร้อมตอบคำถามว่าทำไมเราต้องสร้างผู้นำนวัตกรรม ?

ทำไมผู้นำควรมีทักษะการคิดแบบนวัตกรรม ? 

ปัจจุบันทุกองค์กรต่างพบเจอกับปัญหาที่ต้องแก้กัน ทั้งน้อยและใหญ่ ทั้งยากและง่าย ทักษะหนึ่งที่จะช่วยให้เราสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืนและมีประสทิธิภาพคือ ‘การคิดเชิงนวัตกรรม’ เพราะความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ที่สามารถแก้ปัญหาได้จริง จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับองค์กร ทั้งการแก้ปัญหา การยกระดับคุณภาพการทำงาน การออกแบบผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่สู่ตลาด และการกำหนดนโยบาย ในที่นี้ผู้นำจึงเปรียบเสมือนแนวหน้าในการกรุยทางเพื่อสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมให้กับองค์กร และสร้างบรรยากาศการทำงานที่ช่วยกระตุ้นให้พนักงานมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ และสามารถพัฒนาทักษะการคิดแบบนวัตกรรมได้ด้วยเช่นกัน

PPCIL ครั้งที่ 4 ปั้นผู้นำนวัตกรรมยุคใหม่ ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคต 

ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ได้กล่าวถึงความสำคัญของนวัตกรรมที่จะเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ หลักสูตร  PPCIL จึงมีเป้าหมายและความตั้งใจที่จะสร้าง “ผู้นำนวัตกรรม” โดยการบ่มเพาะทักษะและกระบวนการคิดแบบนวัตกรรมให้กับกลุ่มผู้นำรุ่นใหม่ระดับกลางทั้งจากภาครัฐและเอกชนที่จะก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำระดับสูงในอนาคตให้มีรากฐานการคิดแบบนวัตกรรมเชิงนโยบาย  (Policy Innovation)  เพราะนวัตกรรมเชิงนโยบาย เป็นการออกแบบ คิดค้นนโยบาย กลยุทธ์ หรือวิธีการใหม่ ๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานขององค์กร แน่นอนว่าหากเราพูดถึงบุคคลหรือกลุ่มบุคคลซึ่งมีหน้าที่กำหนดทิศทางและวิธีการดำเนินงานขององค์กร ก็ย่อมนึกถึงผู้นำเป็นอันดับแรก

นอกจากนั้นหลักสูตรนี้ยังต้องการสร้าง “ประชาคมนวัตกร” หรือเครือข่ายผู้นำรุ่นใหม่จากหลากหลายภาคส่วน ให้มีโอกาสได้มาเรียนรู้และทำงานร่วมกัน โดยหลักสูตร  PPCIL ถือเป็น “พื้นที่” ให้ผู้นำเหล่านี้ได้มีโอกาสแสดงศักยภาพผ่านการร่วมกันออกแบบนโยบาย ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มทักษะให้กับผู้นำและช่วยสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้นำจากภาครัฐและเอกชนแล้ว นโยบายที่ผู้เข้าอบรมนำเสนอในหลักสูตรนั้นจะถูกนำไปผลักดันให้เกิดขึ้นจริงเพื่อแก้ปัญหาระดับชาติด้วย

โดยที่ผ่านมามี 20 ข้อเสนอนวัตกรรมเชิงนโยบาย และบางข้อเสนอสามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้จริงอย่างเป็นรูปธรรม เช่น ข้อเสนอด้านกำลังคนนวัตกรรม เป็นข้อเสนอในการสร้างกลไกให้ภาคอุดมศึกษาเชื่อมโยงกับตลาด แรงงาน และความต้องการของประเทศ ที่ส่งมอบให้กระทรวง อว. รับไปต่อยอดเชิงนโยบาย นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอด้านนวัตกรรมในกลุ่มสังคมวัยวุฒิ เป็นข้อเสนอในการปรับรูปแบบการจัดสวัสดิการผู้สูงอายุและการสร้างโอกาสทางอาชีพและกิจกรรมที่ตอบโจทย์ความชอบและศักยภาพของผู้สูงอายุ สถานประกอบการและสังคม โดยทางบริษัทเอกชนนำไปต่อยอดในองค์กร ทั้งนี้ NIA พร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่จะร่วมผลักดันให้ทุกคนใช้ศักยภาพอย่างเต็มกำลัง เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมของประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้า

“เราดึงเอาบุคคลจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา สื่อมวลชน ประชาสังคม ฝ่ายการเมืองและความมั่นคง เข้ามาเรียนรู้แนวคิดและกระบวนการนวัตกรรม กระบวนการทางนโยบายสาธารณะ ที่สุดท้ายเขาสามารถนำไปใช้ประโยชน์กับองค์กรได้”  ดร. พันธุ์อาจกล่าว 

ในแง่ของการสร้างเครือข่ายผู้นำนวัตกรภาครัฐและเอกชน ผศ.ดร.รักษ์พงศ์ วงศาโรจน์ ผู้อำนวยการโปรแกรมคาดการณ์อนาคตเชิงยุทธศาสตร์ สถาบันบันฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ในฐานะที่ปรึกษาหลักสูตร ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ผู้นำจากทั้งสองภาคส่วนมีวิธีการมองปัญหาและวิธีแก้ปัญหาแตกต่างกัน โดยภาคเอกชนสามารถมองเห็นปัญหาสังคมและวิธีการในการแก้ไขปัญหาได้ดี และการแก้ปัญหานั้นจะส่งผลเป็นรูปธรรมต่อผู้คนในวงกว้างมากขึ้น หากได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายภาครัฐ การสร้างพื้นที่ให้ทั้งสองกลุ่มผู้นำทำงานร่วมกันในหลักสูตร PPCIL  ทำให้เหล่าผู้นำมีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิด ทักษะการแก้ปัญหา และสร้างเครือข่ายความร่วมมือร่วมกันในอนาคต

สำหรับหลักสูตร PPCIL ถือว่าออกแบบมาเพื่อพัฒนาทักษะการคิดเชิงนโยบายให้กับผู้นำอย่างรอบด้าน โดย ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า

“ความแตกต่างของการเรียนรู้ด้านนวัตกรรมในหลักสูตรนี้ คือ การสร้างความสามารถของผู้นำรุ่นใหม่ที่ไม่ใช่เพียงการออกแบบและพัฒนานวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะจุด แต่เป็นการวางระบบจัดการเชิงนโยบายโดยอาศัยแนวทางการคาดการณ์และการคิดเชิงอนาคต ร่วมกับหลักการออกแบบนโยบายที่เข้าใจบทบาทของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดที่เกี่ยวข้องเพื่อให้นวัตกรรมเชิงนโยบายที่เกิดขึ้นสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน”

5 ข้อเสนอนวัตกรรมเชิงนโยบายและผู้ชนะในโครงการของปีนี้ 

หลังจากได้ผ่านการอบรมร่วมกันอย่างเข้มข้นเป็นเวลา 10 สัปดาห์ ในวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา กลุ่มผู้นำที่เข้าอบรมได้มีโอกาสนำเสนอนวัตกรรมเชิงนโยบายต่อคณะกรรมการทรงคุณวุฒิ ซึ่งในปีนี้มีการนำเสนอนโยบายที่น่าสนใจ 5 ข้อ ได้แก่

1. Thai Prompt ไทยพร้อม “Future-Ready as Thailand’s New Soft Power”

2. 1 ระบบครบทุกอย่าง เพื่อเสริมสร้างอนาคตข้าวไทย  

3. SoulKru การสร้างกลไกให้ครูสอนข้ามโรงเรียนได้

4. I hear project : การป้องกันดูแลและแก้ปัญหาสุขภาพจิตในกลุ่มเยาวชนกลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า

5. Single Data Map for City Management : Phase I Public Health Management in Bangkok

โดยเราจะเห็นว่าทุกนโยบายที่ถูกนำเสนอนั้นล้วนเป็นนโยบายที่สามารถผลักดันให้เกิดการปฏิบัติจริงอย่างเป็นรูปธรรมได้ และจะเป็นหนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตประชากรในประเทศ 

สำหรับทีมผู้ชนะในปีนี้นั้น ได้แก่ทีม Chang'E (ฉางเอ๋อ) กับข้อเสนอเชิงนโยบาย SoulKru การสร้างกลไกให้ครูสอนข้ามโรงเรียนได้ เพื่อแก้ไขปัญหาครูขาดแคลนในโรงเรียนรัฐขนาดเล็ก ตามจิตวิญญาณความเป็นครู ซึ่ง Techsauce ก็ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ความรู้สึกและความที่มาของนโยบายผู้ชนะด้วย

คุณอราคิน รักษ์จิตตาโภค หัวหน้าฝ่ายขับเคลื่อนนวัตกรรม บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด มหาชน ตัวแทนผู้เข้าอบรมจากทีม Chang'E (ฉางเอ๋อ) กล่าวว่า แรงบันดาลใจของนโยบายนี้มาจากการมองเห็นปัญหาการขาดแคลนของบุคลากรครูในระบบการศึกษา โดยเฉพาะในโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งสุดท้ายแล้วปัญหานี้จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งต่อตัวผู้เรียนครู และระบบเศรษฐกิจโดยรวม จึงเป็นที่มาของการออกแบบนโยบายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

คุณอายุธพร บูรณะกุล กรรมการบริหาร, หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สำนักงานและบริหารโครงการ บริษัทไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด  อีกหนึ่งตัวแทนผู้เข้าอบรมจากทีม Chang'E (ฉางเอ๋อ) กล่าวเสริมว่า หลักสูตร  PPCIL เปิดโอกาสให้เรียนรู้การสร้างนวัตกรรมจากผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนั้นยังได้ทำกิจกรรม Workshop ซึ่งคุณอายุธพรมองว่าสำคัญมาก

ทั้งสองท่านยังมองว่าหลักสูตร PPCIL ได้บ่มเพาะให้ผู้เข้าร่วมมีวิธีคิดแบบใหม่ในการวางนโยบายด้วย “ผมมาจากภาคเอกชน โดยปกติภาคเอกชนจะออกนโยบายแบบ Top down โดยที่ไม่ได้รู้ว่าข้างล่างเป็นยังไง โครงการนี้สอนให้เราคิดอีกแบบ คิดแบบ Startup และออกแบบนโยบายผ่านการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล  ซึ่งดีมาก”คุณอราคินกล่าว

ในฝั่งของคุณอายุธพร กล่าวเสริมว่าหลักสูตร PPCIL ทำให้ได้รู้จักแนวคิดนวัตกรรม การใช้เครื่องมือ และได้มีโอกาสเรียนกับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยได้ฝากถึงผู้ที่สนใจโครงการทั้งจากภาครัฐและเอกชนว่าควรจะต้องมาเข้าอบรมในหลักสูตรนี้

บทบาทของ WEDO กับการเป็น Incubator สร้างผู้นำนวัตกรรม 

สำหรับหลักสูตร PPCIL นั้น มี  WEDO หน่วยงานด้านนวัตกรรมของ SCG เป็น Incubator หรือผู้บ่มเพาะและให้คำปรึกษากับผู้เข้าร่วมกิจกรรม

โดยคุณอาร์ต อภิรัตน์ หวานชะเอม Chief Digital Officer บริษัท SCG ได้กล่าวถึงความสำคัญของนวัตกรรมเชิงนโยบายต่อการพัฒนาประเทศว่า นวัตกรรมเชิงนโยบายนั้นจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการสร้างนวัตกรรมได้ และจะช่วยสนับสนุนให้โซลูชันของภาคเอกชนเป็นไปได้จริง WEDO จึงเห็นประโยชน์ที่หลักสูตรนี้จะมอบให้กับสังคมโดยรวม และเป็นเหตุผลที่ทำให้ WEDO พาทีม Incubation มาเป็นทั้งโค้ช เมนเทอร์ สนับสนุนหลักสูตรนี้เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน

“คนไทยเก่งในการสร้างโซลูชัน แต่โซลูชันของเราอาจจะไปไม่ถึงไหนเลย ถ้าไม่มีนโยบายที่ช่วยผลักดัน” คุณอภิรัตน์กล่าว

คุณอภิรัตน์ยังกล่าวถึงความสำคัญในการสร้างผู้นำในอนาคตไว้ว่า หลักสูตร  PPCIL นั้นจะช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจด้านแนวคิดนวัตกรรมให้กับกลุ่มผู้นำ ซึ่งประโยชน์สูงสุดคือการที่ผู้นำเหล่านี้สามารถนำแนวคิดนวัตกรรมไปสู่องค์กรของพวกเขาได้ และผู้นำเหล่านี้จะเป็นแนวหน้าสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมที่จะเปิดโอกาสให้ผู้นำรุ่นต่อไปได้มีโอกาสสร้างนวัตกรรมด้วย 

นอกจากนั้นคุณอภิรัตน์มองว่าเป้าหมายของหลักสูตร  PPCIL นั้น สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ SCG นั่นคือการสร้างเศรษฐกิจใหม่ (New economy) และ BIT หรือ Born In Thailand ซึ่งหมายถึงการที่คนไทยเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์นวัตกรรม

“ประเทศเราแก่แล้ว เราสู้ประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ในเชิงปริมาณแรงงาน เพราะฉะนั้นเราต้องสู้ด้วยสมองซึ่งคือการสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ นอกจากนั้นเราอยากจะเปลี่ยนเมืองไทย จาก User econnomy สู่การเป็น Maker Economy ให้เราสามารถสร้างนวัตกรรมเองได้และส่งขายไปทั่วโลก”

คุณอภิรัตน์มองว่าทั้งสองวิสัยทัศน์ของ SCG จะเกิดขึ้นจริงไม่ได้เลยหากขาดนโยบายมารองรับ หลักสูตร PPCIL ที่เปิดพื้นที่ให้ผู้นำในอนาคตมาทำงานร่วมกันจึงกันถือเป็นจุดตั้งต้นหลักที่จะช่วยผลักดันให้เกิดการสร้างนโยบายใหม่ ๆ มารองรับระบบเศรษฐกิจแห่งอนาคต ด้วยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคการศึกษา ฯลฯ จะช่วยผลักดันการสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่และการสร้างนวัตกรรมโดยคนไทยเกิดขึ้นได้จริง

เดินหน้าต่อกับการสร้างผู้นำนวัตกรรมรุ่นต่อไป 

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า ปัจจุบันหลักสูตร PPCIL เดินทางมาถึงรุ่นที่ 4 แล้ว โดยปีนี้เป็นปีที่ได้กลับมาจัดอบรมแบบออนไซต์ ซึ่งดร. พันธุ์อาจ มั่นใจว่าจะช่วยให้การสร้างเครือข่ายนวัตกรด้านนโยบายมีประสิทธิภาพ และจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างด้านนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม

ซึ่งในปี 2566 ประเทศไทยจะเริ่มเดินหน้าขับเคลื่อนตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ด้วย ดร. พันธุ์อาจ จึงเชื่อว่ากลุ่มผู้นำจากหลักสูตรนี้จะสามารถสร้างแนวคิดที่สดใหม่ให้กับระบบเศรษฐกิจ และจะมีส่วนร่วมในการนำเสนอนโยบายให้ไปถึงระดับปฏิบัติได้

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ PPCIL ในรุ่นต่อไป (PPCIL#5) สามารถติดตามข้อมูลการเปิดรับสมัครของโครงการได้ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2566 ทาง

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

17 เรื่อง AI ต้องรู้ จากรายงาน AI Index 2024

Techsauce ได้สรุป 17 ประเด็นสำคัญจากรายงาน AI Index Report 2024 ซึ่งจัดทำโดย Stanford Institute for Human-Centered Artificial Intelligence (HAI) ที่รวบรวมประเด็นต่างๆ ของปัญญาประดิ...

Responsive image

แนะเทรนด์ลงทุนในสตาร์ทอัพปี 2024 พร้อมช่องทางใหม่ในการระดมทุนจากงาน KATALYST TALK MEETUP #3

บทความที่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพควรอ่านเพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการเผชิญความท้าทายในปีนี้ จากการรับฟังภายในงาน KATALYST TALK MEETUP #3 ‘Navigating the Startup Challenges in 2024 and Beyond’...

Responsive image

เตรียมพบกับงาน SEA Blockchain Week 2024 (SEABW) ยกขบวนกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน และ Web 3 ระดับโลกกว่า 100 คน มาร่วมพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์ที่เมืองไทย

Southeast Asia Blockchain Week หรือ SEABW งานด้านบล็อกเชนสุดยิ่งใหญ่ระดับภูมิภาค ที่เตรียมจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในวันที่ 24-25 เมษายน 2567 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ True ICON HALL ช...