เจาะลึก PDPA ข้อควรรู้และการเตรียมตัว ปรับธุรกิจให้พร้อมในการสร้างความปลอดภัยของข้อมูลผู้บริโภค | Techsauce

เจาะลึก PDPA ข้อควรรู้และการเตรียมตัว ปรับธุรกิจให้พร้อมในการสร้างความปลอดภัยของข้อมูลผู้บริโภค

จากการที่ผู้คนต่างปรับตัวเข้าสู่โลกออนไลน์และเริ่มทำหลากหลายกิจกรรมบนอินเทอร์เน็ต ทำให้มีการเคลื่อนย้ายของ Data จำนวนมหาศาล ทั้งหมดล้วนเป็นข้อมูลที่น่าสนใจที่หลายธุรกิจอยากจะคว้าเอาไว้ ทำให้ Data กลายเป็นโอกาสสำคัญของธุรกิจในการที่จะได้เรียนรู้และเข้าใจผู้บริโภค ยิ่งมี Data มากเท่าไหร่ก็ยิ่งสามารถทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เกิดข้อบังคับใหม่ ๆ ที่เข้ามาทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้บริโภคในการปกป้องสิทธิ์ส่วนตัวด้านข้อมูลและช่วยเป็นแนวทางให้กับองค์กรและธุรกิจสร้างมาตรฐานความปลอดภัยด้านข้อมูลร่วมกัน โดยมีพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ PDPA ซึ่งย่อมาจาก Personal Data Protection Act เป็นข้อบังคับหลักที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565 นี้ ทาง ICHI ผู้ให้ความรู้และบริการ Digital Solution จึงอยากนำเสนอความรู้ด้าน PDPA ให้ผู้อ่านได้เรียนรู้เพิ่มเติมผ่านการสัมภาษณ์ คุณเธียรชัย ณ นคร ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่ครั้งนี้จะมาอธิบายให้ทุกท่านเข้าใจแบบกระชับและครบถ้วน

ความสำคัญของ PDPA ในการนำมาปรับใช้กับธุรกิจ

เมื่อ Data คือขุมทรัพย์ใหม่ที่ธุรกิจตามหาทำให้ปัจจุบันนี้หลายองค์กรมีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและบริหาร ทั้งในด้านการเก็บรวบรวม  เก็บรักษา ประมวลผล และวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงการเผยแพร่ข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งปัญหาที่มักเกิดขึ้นตามมาก็คือการละเลยในด้านความปลอดภัยและความเข้าใจในด้านการเก็บข้อมูลที่ถูกต้องจนเกิดเกิดความเสียหายกับผู้บริโภค ยิ่งโดยเฉพาะองค์กรที่มีขนาดใหญ่หรือองค์กรที่มีการทำธุรกิจระหว่างประเทศล้วนแต่มีการแบ่งปันแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้บริโภคระหว่างกัน ส่วนนี้เองหลายประเทศทั่วโลกต่างมีความกังวลในด้านความปลอดภัยเมื่อต้องมีการส่งต่อข้อมูลมายังบริษัทในไทยว่าจะสามารถคุ้มครองข้อมูลของผู้บริโภคได้หรือไม่ ด้วยเหตุผลต่าง ๆ จึงนำมาสู่การตรากฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นในประเทศไทย คือ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ PDPA ซึ่งย่อมาจาก Personal Data Protection Act B.E. 2562 (2019)

จุดเหมือนและจุดต่างระหว่าง GDPR กับ PDPA 

นอกเหนือจาก PDPA ที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยลดปัญหาด้านการทำธุรกิจระหว่างประเทศที่ต้องเกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ยังมี GDPR (General Data Protection Regulation) ซึ่งเป็นกฎหมายของสหภาพยุโรปว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเช่นกัน ซึ่ง PDPA ก็จัดว่าเป็นกฎหมายที่มีความใกล้เคียงกับ GDPR ค่อนข้างมาก

คุณเธียรชัย กล่าวว่า “GDPR และ PDPA มีจุดเน้นที่ต่างกัน โดย GDPR มุ่งเน้นที่ Data Processing หรือการประมวลผลข้อมูลเป็นหลัก ในขณะที่ PDPA เน้นการเก็บรวบรวม  การเก็บรักษา  การใช้และการเปิดเผยข้อมูล อย่างไรก็ตามใน  PDPA  ก็มีบทบัญญัติที่กล่าวถึงการประมวลผลข้อมูลอยู่ในหลายมาตรา  ดังนั้นจึงอาจจะกล่าวได้ว่าข้อแตกต่างในจุดเน้นที่แตกต่างกันของกฎหมายทั้งสองฉบับ ไม่ได้มีนัยที่สะท้อนถึงความแตกต่างในแง่ของการบังคับใช้กฎหมายแต่อย่างใด”

คุณเธียรชัย ณ นคร 
ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

แนะนำธุรกิจในการปรับตัวใช้งานและข้อกังวลเกี่ยวกับ PDPA 

หลายองค์กรต่างเตรียมตัวเพื่อให้พร้อมรับกับ PDPA เพราะนอกเหนือจากการจะได้ปฏิบัติตามกติกาและสร้างมาตรฐานที่ชัดเจนในการเก็บข้อมูลแล้ว หากไม่สามารถปฏิบัติตามได้อาจนำมาซึ่งการลงโทษด้วยการชำระค่าปรับในวงเงินที่ค่อนข้างสูง ประเด็นนี้คุณเธียรชัย ได้ให้คำแนะนำว่า “ในทางปฏิบัติแม้ว่าจะมีกฎหมายใช้บังคับ ผมคิดว่าองค์กรธุรกิจหรือผู้ประกอบการก็ยังสามารถดำเนินหรือทำธุรกิจไปได้ตามปกติ เหมือนที่เคยถือปฏิบัติ เพียงแต่ต้องตระหนักในเรื่องความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการให้มากขึ้น ต้องระมัดระวังว่าการเก็บรวบรวม การเก็บรักษา การใช้หรือเปิดเผยข้อมูลต้องดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งถ้าหากสามารถทำได้ ก็ไม่ต้องกังวลว่าตนเองจะถูกลงโทษหรือถูกลงโทษปรับ”

สำหรับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) จะมีการมุ่งเน้นไปที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกระบวนการพิจารณาดำเนินการกรณีมีการร้องเรียนโดยเจ้าของข้อมูล ซึ่งอาจเป็นการไกล่เกลี่ย ตักเตือน และมีหลายขั้นตอนในการยุติปัญหาข้อพิพาทที่เกิดขึ้น

ในส่วนของความผิดและบทกำหนดโทษ คุณเธียรชัยชี้ว่ากฎหมายไม่มีเจตนาที่จะลงโทษปรับขั้นสูงสุดทุกกรณี เพราะยังมีตัวแปรอื่น ๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญต้องนำมาพิจารณาประกอบด้วย เช่น ความร้ายแรงของผลกระทบที่เกิดขึ้น ขนาดขององค์กรและจำนวนของข้อมูล และโดยเฉพาะความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเจ้าของข้อมูล เป็นต้น หากเป็นกรณีที่ไม่ร้ายแรงโทษปรับก็จะน้อยกว่าเรื่องที่มีความร้ายแรง

โดยความผิดและบทกำหนดโทษของ  PDPA  แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ความรับผิดทางแพ่งอย่างการการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน และบทกำหนดโทษคือโทษอาญาและโทษทางปกครอง ซึ่งโทษอาญานั้นมีทั้งปรับ  จำคุก  หรือจำคุกและปรับ ส่วนในด้านโทษทางปกครอง มีโทษปรับโดยไม่มีโทษจำคุก เป็นส่วนที่องค์กรหรือผู้ประกอบการต่างมีความกังวลเนื่องจากมีอัตราค่าปรับที่สูง

การจดใบรับรองว่าได้ปฏิบัติตามกฎหมายในธุรกิจ 

คุณเธียรชัย กล่าวว่า “พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ยังไม่ได้ระบุให้องค์กรธุรกิจหรือผู้ประกอบการจะต้องได้รับใบรับรอง (Certificate) ที่แสดงว่าองค์กรได้ผ่านการตรวจสอบด้านการปฏิบัติตามกฎหมาย สิ่งที่จะทำได้คือการสุ่มตรวจซึ่งการที่จะเข้าไปสุ่มตรวจนั้นก็จะต้องมีเหตุอันควรให้ต้องเข้าไปตรวจ และการตรวจก็อาจจะเป็นการทำ Checklist เช่น ตรวจว่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมามีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลมากน้อยเพียงใด มีการอบรมพนักงานเพื่อให้ความรู้ในเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่ มีการเก็บใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไรใช้อย่างไร เป็นต้น ซึ่งกระบวนการตรวจสอบจะดำเนินการอย่างไรก็ยังเป็นประเด็นที่คณะกรรมการต้องคิดต่อไปหลังจากมีการบังคับใช้กฎหมายแล้วในระยะหนึ่ง” 

เห็นได้ว่า PDPA จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในด้านการสร้างความปลอดภัยให้กับข้อมูลผู้บริโภคและมีข้อบังคับ กติกาที่ชัดเจนให้ธุรกิจต่าง ๆ ได้เตรียมพร้อมปรับตัวรับ พ.ร.บ. นี้ในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565 แน่นอนว่ากฎหมายใหม่นี้มีข้อลงโทษที่ชัดเจนสำหรับธุรกิจที่ไม่สามารถปฎิบัติตามได้ แต่ก็ยังพอมีเวลาให้ได้ศึกษาและเตรียมตัวเพื่อจะได้ปฏิบัติตามให้เป็นไปตามกติกาและมาตรฐาน

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมและต้องการศึกษาอย่างละเอียดสามารถติดตามได้ที่ https://www.jrit-ichi.com/cutting/2022/04/01/1020/


บทความนี้เป็น Advertorial 


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

17 เรื่อง AI ต้องรู้ จากรายงาน AI Index 2024

Techsauce ได้สรุป 17 ประเด็นสำคัญจากรายงาน AI Index Report 2024 ซึ่งจัดทำโดย Stanford Institute for Human-Centered Artificial Intelligence (HAI) ที่รวบรวมประเด็นต่างๆ ของปัญญาประดิ...

Responsive image

แนะเทรนด์ลงทุนในสตาร์ทอัพปี 2024 พร้อมช่องทางใหม่ในการระดมทุนจากงาน KATALYST TALK MEETUP #3

บทความที่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพควรอ่านเพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการเผชิญความท้าทายในปีนี้ จากการรับฟังภายในงาน KATALYST TALK MEETUP #3 ‘Navigating the Startup Challenges in 2024 and Beyond’...

Responsive image

เตรียมพบกับงาน SEA Blockchain Week 2024 (SEABW) ยกขบวนกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน และ Web 3 ระดับโลกกว่า 100 คน มาร่วมพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์ที่เมืองไทย

Southeast Asia Blockchain Week หรือ SEABW งานด้านบล็อกเชนสุดยิ่งใหญ่ระดับภูมิภาค ที่เตรียมจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในวันที่ 24-25 เมษายน 2567 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ True ICON HALL ช...