รูปจำนวนมากถูกดึงไปป้อน AI พัฒนาระบบจดจำใบหน้า โดยไม่ได้รับอนุญาต

หลายบริษัทดึงรูปใบหน้าคนจำนวนมากไปใช้ เพื่อป้อนข้อมูลพัฒนาระบบอัลกอริทึมการรู้จำใบหน้า (Face recognition algorithm) โดยไม่ได้รับอนุญาต

เป็นที่ทราบกันดีว่า ระบบจดจำใบหน้าทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพมากพอเมื่อต้องทำการสแกนหน้าคนผิวคล้ำ บางครั้งมันก็ไม่สามารถระบุเพศได้ตรงตามความเป็นจริง รายละเอียดเล็ก ๆ เช่น ความยาวของผมก็มีส่วนทำให้การทำนายผลผิดพลาด วิธีพัฒนาระบบให้มีความแม่นยำมากขึ้นคือการป้อนข้อมูลที่หลากหลาย อย่าง รูปผู้หญิงผิวสี หรือผู้ชายผมยาว อย่างไรก็ตาม การนำรูปของผู้อื่นมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็อาจเป็นเรื่องไม่ถูกต้องนัก

โดยล่าสุด สำนักข่าว CNBC รายงานว่า บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง IBM เผยชุดข้อมูลภาพถ่ายนับล้านที่ถูกดึงมาจากเว็บไซต์บริการแชร์ภาพอย่าง Flickr พร้อมรายละเอียดเกี่ยวกับรูปภาพอย่างเช่นสีผิว โดยทางบริษัทอ้างว่า ความพยายามดังกล่าวก็เพื่อต้องการลดอคติ (biased) ต่างๆ ที่ระบบจดจำใบหน้าล้มเหลวในการอ่านอย่างใบหน้าของคนที่มีสีผิวคล้ำ

อย่างไรก็ดี การนำรูปมาใช้ทำวิจัยนั้นไม่ได้ผ่านการยินยอมจากเจ้าของภาพมาก่อน อีกทั้งตอนนี้มันก็เป็นไปได้ยากที่จะทำการลบรูปออก โดยเจ้าของภาพที่ต้องการให้ทาง IBM ลบรูปออกจากฐานข้อมูลจะต้องทำการส่งลิงค์รูปภาพที่ต้องการให้กับทางบริษัท แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะทาง IBM ไม่ได้เผยแพร่รายชื่อต่อสาธารณะว่าได้นำรูปของผู้ใช้ Flickr ใดหรือมีรูปภาพไหนบ้างที่ทางบริษัทนำมาใช้ในฐานข้อมูล อีกทั้งยังไม่ได้ออกมาให้รายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการ

ภาพแสดงการคำนวณของระบบวิเคราะห์ใบหน้า (Face Recognition) /IBM

กระนั้น IBM ก็ไม่ใช่บริษัทเดียวทำเช่นนี้ หลายบริษัทต่างก็ได้มีการแย่งชิงข้อมูลเพื่อป้อนระบบอัลกอริทึมของตัวเองในการปรับปรุงเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า จริงอยู่ที่ว่าการถ่ายภาพแล้วอัปโหลดลงอินเทอร์เน็ตเป็นวิธีที่รวดเร็ว อีกทั้งการนำมาใช้ก็ง่ายมาก อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ถูกหลักจริยธรรมอยู่ดี

อย่างกรณีการนำระบบจดจำใบหน้ามาใช้ในการปลดล็อคมือถือ มันอาจสะดวกก็จริง แต่ในอีกแง่มันก็อาจเป็นเครื่องมือเฝ้าระวังที่น่ากลัวอยู่ไม่น้อย การที่มีการนำข้อมูลผู้ใช้งานไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งไม่ได้มีการควบคุมที่รัดกุมดีพอนั้น การที่หลายฝ่ายออกมาประกาศว่าจะต้องมีการควบคุมการนำข้อมูลมาใช้ให้รัดกุมมากขึ้นนั้น ก็น่าคิดว่านะว่ามันจะไม่เป็นการสายเกินไปใช่หรือเปล่า?

 

อ้างอิงเนื้อหาข่าว:

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Noland Arbaugh มนุษย์คนแรกที่ควบคุมคอมพิวเตอร์ด้วยความคิดผ่าน Neuralink

Noland Arbaugh วัย 30 ปี เป็นผู้ป่วยรายแรกของ Neuralink ได้ออกมาเล่าถึงประสบการณ์หลังการฝังชิปลงสมองในพอดแคสต์ของ Joe Rogan พอดแคสเตอร์ผู้โด่งดังในสหรัฐฯ...

Responsive image

ปฐมา จันทรักษ์ ฝาก 5 ข้อถึงผู้หญิง สู่ตำแหน่ง 'ผู้นำ' ในงาน EmpowerHer Asia LEADERSHIP FORUM 2025

สรุปจากที่คุณปฐมา จันทรักษ์ Country Managing Director, Accenture Thailand กล่าวในงาน 'EmpowerHER ASIA LEADERSHIP FORUM 2025, BRIDGING THE LEADERSHIP GAP IN TECH' เวทีสนับสนุนและส่ง...

Responsive image

คมความคิดของผู้หญิงสายเทค และความท้าทายที่ต้องเผชิญ จากงาน SCBX Tech Horizon EP15

สรุปแนวคิดผู้นำที่เป็นผู้บริหารหญิงจากงาน SCBX Tech Horizon EP15 ช่วง Panel Session : Breaking Barriers & Leading the Future เวทีที่เจาะลึกความท้าทายของผู้หญิงในบทบาทการบริหารกลยุท...