Power Buy ในวันที่การขายต้องผสานออนไลน์ ออฟไลน์ | Techsauce

Power Buy ในวันที่การขายต้องผสานออนไลน์ ออฟไลน์

นับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 ในวงกว้างทั่วโลก เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดภาครัฐจึงมีมาตรการ Lockdown และไม่ให้ประชาชนออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น ภาคธุรกิจต่างๆ รวมทั้งผู้คนก็ต่างปรับตัว หันมาพึ่งพาเทคโนโลยีในการทำสิ่งต่างๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการประชุม ทำงาน หรือการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ‘แอปพลิเคชั่น’ เป็นอีกช่องทางออนไลน์ ที่หลายธุรกิจพัฒนาเข้ามาเพิ่มความสะดวกในการซื้อสินค้าให้กับผู้บริโภคมากขึ้น

โดยล่าสุด ผู้จัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ในไทยอย่าง Power Buy ก็ได้เปิดตัวแอปพลิเคชั่นเพื่อเป็นหนึ่งในช่องทางการให้บริการ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์ด้าน Omni-Channel เพื่อมอบประสบการณ์การให้บริการที่ดีที่สุดทั้งรูปแบบ Online และ Offline ด้วยการเข้าไปนั่งในใจของผู้บริโภค

Techsauce ร่วมพูดคุยกับคุณวรวุฒิ พงศ์ชินภัค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล กับประเด็นความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค และการมาของแอปพลิเคชัน Power Buy ภายใต้สโลแกน ‘ช้อปง่าย สบายเว่อร์ กับ Power Buy App’ ที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์อิเลคทรอนิกส์ต่างๆ ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า แกดเจ็ต ไอที ได้อย่างสะดวกง่ายดาย

                เราพยายามที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง

คุณวรวุฒิกล่าวในภาพรวมของธุรกิจตอนนี้ว่าตลอดระยะเวลา 26 ปี Power Buy มีทั้งหมด 140 สาขาทั่วประเทศ และมีแผนที่จะพัฒนาและเปิดสาขาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมี channel ใหม่ ๆ และหลากหลายที่เกิดขึ้นในช่วงโควิดเพื่อตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป อาทิ Call and Shop ลูกค้าสามารถช้อปผ่าน call center 1324 กด 8 เพื่อสอบถามข้อมูลและซื้อสินค้ากับพนักงานได้และยังมี Chat & Shop ผ่านช่องทางไลน์ของเพาเวอร์บาย หรือ Line Account ของแต่ละสาขา รวมถึง Facebook Live เพื่อให้เข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้น และช่องทางล่าสุดที่พึ่งเปิดตัวไปคือ‘Power Buy Application’ ที่จะช่วยสร้าง engagement กับลูกค้าได้มากขึ้น

Online ก็สำคัญ Offline ก็ยังสำคัญเช่นกัน

คุณวรวุฒิ ได้เผยถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ลูกค้าต้องอยู่บ้านและเริ่มหันมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น  ซึ่งพบว่าหลังจากสถานการณ์โควิดดีขึ้น ผู้บริโภคกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติ ออกไปช้อปปิ้งนอกบ้านกันแล้ว แต่ยังมีลูกค้าที่ยังคงซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์อยู่เหมือนเดิม ในส่วนของหน้าร้านเองก็ยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางการขายที่สำคัญ เนื่องจากสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละรุ่น จะมีรายละเอียด และฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป  ลูกค้าสามารถมาทดลองสินค้า มาเปรียบเทียบข้อมูล ราคา จากพนักงานได้

เราเห็นพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนในช่วงระยะเวลาอันสั้น ซึ่งก็ทำให้เราเป็นกังวลในช่วงแรกว่าคนอาจไม่กลับมาหน้าร้าน แต่เมื่อสถานการณ์กลับมาปกติ เราเห็นข้อมูลที่เกิดขึ้นแล้ว นั่นคือ ลูกค้าก็ยังมาที่ร้านเช่นเดิม นั่นทำให้เราเห็นโอกาส และเข้าไป ทำ Research หลากหลายกลุ่มเพื่อแก้ อีก 3 ปัญหาสำคัญให้กับลูกค้า

3 pain points สู่แอปฯ เพื่อผู้บริโภค

นับตั้งแต่เปิดตัวแอปพลิเคชั่น เราได้มีการ positioning แอปพลิเคชั่นของเราคือ ‘ช้อปง่าย สบายเว่อร์’ ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงช้อปง่าย แต่ต้องสบายเว่อร์ด้วย ซึ่งแอปพลิเคชั่นตัวนี้ได้ถูกปล่อยออกมาเพื่อแก้ปัญหา 3 pain points หลักให้กับลูกค้า 

ช้อปง่าย หาง่าย 

Warranty Card ที่จะจัดเก็บใบรับประกันในรูปแบบ Virtual ภายในระบบ เพียงแค่ผู้บริโภค Login เข้าสู่ระบบ และสามารถใช้ในเรื่องของการรับประกันสินค้าได้ เพราะเราเข้าใจถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคดีว่ามักจะทำใบรับประกันหาย ซึ่งเมื่อซื้อสินค้ากับทาง Power Buy Warranty Card ก็จะถูกเก็บในแอปพลิเคชั่นทันทีทำให้ลูกค้าทราบว่าเมื่อซื้อสินค้าแล้วการการันตีจะเริ่มเมื่อไหร่ และจบลงเมื่อไหร่

ช้อปง่าย เทียบง่าย

Product Comparison การเปรียบเทียบสินค้าเมื่อลูกค้ามีแพลนจะเลือกซื้อสินค้า แต่ยังไม่รู้ว่าสินค้าที่ต้องการมีความแตกต่างจากตัวอื่นอย่างไร ก็สามารถใช้ฟีเจอร์ตัวนี้ในการเปรียบเทียบสินค้าที่ทำให้มากสุดถึง 4 รายการ

ช้อปง่าย เช็กง่าย 

Tracking Delivery Realtime เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าไปแล้ว ก็สามารถติดตามสินค้าได้แบบ real time ซึ่งเป็นฟีเจอร์ของแอปพลิเคชั่นที่จะแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าของการจัดส่งได้ตลอดเวลา

ซึ่งเป็นสามฟีเจอร์ไฮไลท์ของแอปพลิเคชั่นนี้ที่จะมาตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคดิจิทัลได้ นอกจากนี้ยังได้นำเสนอความน่าสนใจของอแปพลิเคชันผ่านภาพยนตร์โฆษณา “ช้อปง่าย สบายเว่อร์ กับ Power Buy App” ทางช่องทางออนไลน์


และสามารถดาวน์โหลด เพาเวอร์บาย แอปพลิเคชัน ได้ทั้ง Play Store และ App Store โดยตั้งเป้ายอดผู้ใช้งานแอป 4 ล้านคนต่อเดือน ภายในปี 2566   

Hyper Personalization เป็นวิธีที่เรานำเสนอสินค้าได้ตรงใจลูกค้ามากขึ้น

เราอยู่ในยุคที่ Big Data มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจ การมีข้อมูลประเภท Customer Insight มากเท่าไหร่จะช่วยให้เราสามารถนำข้อมูลมาศึกษา และวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าได้ละเอียดมากขึ้น โดยเพาเวอร์บายได้นำ Data มาใช้ในการวางกลยุทธ์ทางการตลาดแบบ Hyper Personalization เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าแบบเจาะลึกเฉพาะบุคคล ทำให้เรารู้ว่าลูกค้าแต่ละคนชอบอะไร ไม่ชอบอะไร สนใจสินค้าประเภทไหน และนำมาต่อยอดในการนำเสนอสินค้าที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในช่วงเวลานั้น ๆ ทั้งหมดนี้เพื่อให้แบรนด์เราสามารถเข้าไปนั่งในใจลูกค้าได้อย่างแท้จริง อีกทั้งข้อได้เปรียบของทางเพาเวอร์บาย แอปพลิเคชัน คือ เราได้เชื่อมโยงกับ The1 ที่ลูกค้าสามารถรับสิทธิผลประโยชน์และการสะสมคะแนนต่างๆได้จากแอปพลิเคชั่น The1 เช่นกัน

ในฐานะที่เป็น retailer ต้องทำยังไงก็ได้ให้ลูกค้า ตามทันเทคโนโลยี และได้ประโยชน์มากที่สุด

เนื่องจากสินค้ากลุ่มเทคโนโลยีเป็นสินค้าที่มีการอัพเดทอยู่ตลอดเวลา ลูกค้าจึงมักมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสินค้าค่อนข้างเยอะ เราจึงได้มีโปรแกรมที่เรียกว่า ‘Power Buy Guru’ ขึ้น โดยเพาเวอร์บาย กูรู จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับรายละเอียด ฟังก์ชันการใช้งานของสินค้า ตลอดจนเปรียบเทียบสินค้าประเภทเดียวกันได้อย่างตรงไปตรงมาและเป็นกลางมากที่สุด เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

Power Buy กับทิศทางต่อจากนี้

ทิศทางและก้าวต่อไปของ Power Buy ในมุมมองของ คุณวรวุฒิ คือ กลุ่มลูกค้ายังชื่นชอบการช้อปปิ้งแบบที่มีการ engage พูดคุยกับพนักงานขายอยู่ ดังนั้นหน้าร้านยังคงมีความสำคัญและตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ที่ต้องการมาทดลองสินค้า และสอบถามข้อมูล เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่มีรายละเอียดมาก ดังนั้นช่องทาง Offline ยังคงสำคัญมากๆ

ส่วน Online ก็ยังเป็นช่องทางที่ตอบโจทย์ของลูกค้าในช่วงหาข้อมูล เปรียบเทียบสินค้าประกอบการตัดสินใจซื้อ เพราะเราเข้าใจ Customer Journey เป็นอย่างดี นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราต้องทำกลยุทธ์ Omni-Channel ให้แข็งแรง เพื่อให้มีช่องทางที่หลากหลายทั้ง Online และ Offline ตอบทุกความต้องการของผู้บริโภค พร้อมเสริมทัพด้วยแอปฯ Power Buy เพื่อให้ผู้บริโภคได้สินค้าและบริการที่ตรงใจ ตามสโลแกนที่ว่า “ช้อปง่าย สบายเว่อร์ กับ Power Buy App” 


บทความนี้เป็น Advertorial

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

17 เรื่อง AI ต้องรู้ จากรายงาน AI Index 2024

Techsauce ได้สรุป 17 ประเด็นสำคัญจากรายงาน AI Index Report 2024 ซึ่งจัดทำโดย Stanford Institute for Human-Centered Artificial Intelligence (HAI) ที่รวบรวมประเด็นต่างๆ ของปัญญาประดิ...

Responsive image

แนะเทรนด์ลงทุนในสตาร์ทอัพปี 2024 พร้อมช่องทางใหม่ในการระดมทุนจากงาน KATALYST TALK MEETUP #3

บทความที่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพควรอ่านเพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการเผชิญความท้าทายในปีนี้ จากการรับฟังภายในงาน KATALYST TALK MEETUP #3 ‘Navigating the Startup Challenges in 2024 and Beyond’...

Responsive image

เตรียมพบกับงาน SEA Blockchain Week 2024 (SEABW) ยกขบวนกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน และ Web 3 ระดับโลกกว่า 100 คน มาร่วมพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์ที่เมืองไทย

Southeast Asia Blockchain Week หรือ SEABW งานด้านบล็อกเชนสุดยิ่งใหญ่ระดับภูมิภาค ที่เตรียมจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในวันที่ 24-25 เมษายน 2567 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ True ICON HALL ช...