ร่วมเฉลิมฉลองในเดือนมีนาคมไปกับ International Women’s Month ในงาน SCBX Tech Horizon EP15 ตอน LeadHERS in Tech: Women Driving Innovation & Impact เวทีที่ SCBX พาทุกคนไปพบผู้บริหารหญิงแถวหน้าของวงการเทคโนโลยีและธุรกิจ ซึ่งไม่ได้แค่เป็นผู้นำ ผู้สร้างความเปลี่ยนแปลง แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจ และส่งต่อแนวคิดที่ใช้ได้จริงให้ผู้หญิงรุ่นต่อๆ ไปได้อีกมาก
พลังผู้หญิง กับก้าวข้ามอุปสรรคในการเป็นผู้นำในยุคดิจิทัล
สำหรับผู้นำหญิงแนวหน้าที่มาร่วมวงเสวนา SCBX Tech Horizon EP15 ใน Panel Session : Breaking Barriers & Leading the Future ซึ่งชวนเจาะลึกความท้าทายของผู้หญิงในบทบาทการบริหารกลยุทธ์ในการก้าวข้ามอุปสรรค และคำแนะนำในการก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำในยุคดิจิทัล ซึ่งเป็นเวทีที่ยากจะได้เห็นเพราะเป็นการรวมตัวของผู้บริหารที่มาจากบริษัทต่างๆ ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ ได้แก่
- คุณดาลัด ตันติประสงค์ชัย
Chief Operating and International Business Officer, SCBX - คุณกนกเนตร เจริญเศรษฐศิลป์
Chief Technology Delivery Officer, CardX - คุณถิรนันท์ อรุณวัฒนกูล
Chief Operating Officer, MONIX - คุณญาณ์บดี จิตติกุลดิลก
Chief Data Officer, DataX
(จากซ้าย) คุณญาณ์บดี จิตติกุลดิลก Chief Data Officer, DataX คุณถิรนันท์ อรุณวัฒนกูล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ MONIX คุณดาลัด ตันติประสงค์ชัย Chief Operating and International Business Officer, SCBX และคุณกนกเนตร เจริญเศรษฐศิลป์ Chief Technology Delivery Officer, CardX และคุณรวมพร ศิระธนาพันธ์ Blockchain & Digital Asset Lead, SCBX เป็นผู้ดำเนินรายการ
คุณดาลัด ตันติประสงค์ชัย
Chief Operating and International Business Officer, SCBX
ก่อนเข้ามาทำงานใน SCBX คุณดาลัดเล่าว่า มีประสบการณ์การทำงานในบริษัทต่างชาติมาตลอด เช่น Mckinsey บริษัทชั้นนำด้านการให้คำปรักษาระดับโลก และมีผู้นำหญิงที่เป็นบุคคลต้นแบบคือ เชอริล แซนด์เบิร์ก (Sheryl Sandberg) อดีตผู้บริหารเฟซบุ๊ก
- เมื่อเข้าทำงานกับ SCBX ความท้าทายแรกคือ เป็นช่วงตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน หลังจากคลอดลูกได้สองเดือนก็เข้าทำงานตามปกติ และต้องบาลานซ์ทั้งบทบาทคุณแม่และผู้บริหาร ความท้าทายต่อมาคือ เมื่อทำงานในองค์กรไทยก็ต้องฝึกใช้ภาษาไทย เพราะที่ผ่านมาใช้ภาษาอังกฤษมาตลอด
- ด้วยตำแหน่งงานที่เป็น COO ดีลงานขาต่างประเทศ พาร์ตเนอร์ที่พูดคุยงานส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย และด้วยรูปร่างหน้าตาที่เป็นชาวเอเชีย ซึ่งจะดูเด็กกว่าวัย ทำให้ผู้พบเห็นไม่คิดว่าทำงานในระดับบริหาร จึงถูกมองว่าเป็นเลขาบ้าง เป็นผู้ช่วยบ้าง ดังนั้น เวลาไปพรีเซนต์งานหรือคุยธุรกิจใดๆ เทคนิคที่ใช้คือ ทำการบ้านไปมากๆ มีความรู้ในเรื่องที่จะไปเจรจาอย่างลึกซึ้ง และนำเสนอด้วยความรู้จริง สนใจแต่เพียงว่า จะสร้างผลลัพธ์ให้งานนั้นอย่างไร โดยมองข้ามลุคหรือเพศของตัวเองไปก่อน
- มุมมองด้าน AI : ผู้นำองค์กรก็ต้องเลือกใช้ในสิ่งที่เหมาะสม ต้องดูว่าจะเทรนโมเดลอะไร อย่างไร และจะนำไปใช้ใน Use Case ไหน โดยต้องคิดให้รอบคอบก่อนการออกแบบระบบ เพื่อให้เกิดการใช้งานที่เป็นมิตรต่อทีมงานหรือลูกค้า
- คำแนะนำสำหรับคนที่รู้สึกว่ามีอาการ Imposter Syndrome : คุณดาลัดตีความ Imposter Syndrome ว่า 'เราพยายามที่จะไปเป็นคนอื่น' จากความเชื่อที่ว่าตัวเราไม่ดีพอ ดังนั้น จึงพยายามเป็นเหมือนคนอื่น เช่น เป็นเหมือนเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน หรือคนเก่งๆ ในองค์กร แนะนำให้มองกลับมาว่า นี่อาจเป็นความท้าทายสำหรับผู้หญิงที่กำลังจะเติบโตจากระดับหนึ่งไปอีกระดับหนึ่ง ซึ่งต้องมีบทบาทมากขึ้นหรือเปล่า ถ้าใช่ก็ต้องเริ่มให้กำลังใจตัวเอง แล้วดูว่าตัวเองมีความรู้แน่นไหม เก่งพอไหม อยากจะไปอยู่จุดไหน เป้าหมายสำคัญคืออะไร แล้วจะบาลานซ์ให้ดีได้อย่างไร ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับช่วงวัยด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ให้รู้ไว้ว่า เราเรียนรู้ได้ และสามารถขอปรึกษาจากคนรอบข้างที่เป็นเหมือน Mentor ได้
- คำว่า Leader ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีตำแหน่งสูงเพียงอย่างเดียว หากนำทีมได้ ตั้งใจทำงาน ไว้วางใจได้ ส่งมอบงานได้ก็ไม่ต้องตามงาน และสนับสนุนให้เขาสร้างแบรนด์ของตัวเอง เพราะการพัฒนาแบรนด์ของตัวเองจะนำไปสู่เป้าหมายที่อยากไปถึงได้ เรียนรู้ได้ คนรอบข้างเก่ง และเลือกเมนทอร์ที่จะให้คำแนะนำได้
- อยากให้ผู้หญิงทุกคน โอบกอด (Embrace) ความแตกต่างและความยากลำบาก ทั้งชีวิตส่วนตัวและการทำงาน เพราะผู้หญิงมีบทบาทมากกว่าผู้ชายในหลายด้าน และด้วยบทบาทของคุณดาลัดที่มีลูกเล็ก คุณดาลัดบอกว่า ต้องสอนให้เด็กเรียนรู้ที่จะใช้เวลากับสิ่งต่างๆ ว่าในโลกที่เปลี่ยนไป และถ้าเราไม่เจอเองก็จะไม่มีวันเรียนรู้ ว่าไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องความรัก และหากเรารู้สึกไม่ดีต่อตัวเองต้องรู้จัก Break the cycle มาพิจารณาว่า ทำไมมันถึงเป็นปัญหา เพื่อทำให้เป็นคนที่แข็งแรงขึ้น ซึ่งการที่คนคนนึงเดินผ่านเรื่องยากๆ ไปได้ จะทำให้เขามีแง่มุมที่ต่างออกไป และไม่ว่าจะล้มเหลวมากี่ครั้ง คนไหนที่ล้มแรงสุดๆ แล้วลุกได้ ได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง นี่แหละคนที่ SCBX คิดจะจ้าง

คุณกนกเนตร เจริญเศรษฐศิลป์
Chief Technology Delivery Officer, CardX
CardX เป็นธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่คุณกนกเนตรเปิดเผยว่า เป็นงานที่มีความท้าทายมาก เพราะผลิตภัณฑ์ทางการเงินมีความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ พฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยนไป แม้ว่าต้องเผชิญงานหนักก็ไม่กลัว เพราะทำงานกันเป็นทีม เห็นอกเห็นใจกันก็ไปต่อได้
- สิ่งสำคัญเบื้องหลังเทคโนโลยีคือเรื่อง 'คน' คนหรือทีมงานต้องเข้าใจและนำเทคโนโลยีไปใช้ให้ถูกต้อง และสร้างคนที่ใช้เทคโนโลยีได้อย่างต่อเนื่อง มีหลายเจเนอเรชัน อย่ามัวแต่สร้างใหม่ ไม่อย่างนั้นลูกค้าอาจได้รับผลกระทบ
- การเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม คือ ต้องเลือกใช้เทคโนโลยีที่ตรงใจลูกค้า เนื่องจาก CardX มีลูกค้าหลักเป็นกลุ่มผู้ใช้เครดิตการ์ด ถ้าสร้างบริการที่มีเทคโนโลยีซึ่งไม่ตรงใจลูกค้า นั่นก็ไม่ใช่เทคโนโลยีที่ดี
- มุมมองด้าน AI : CardX ใช้ AI เป็น Call Center ตอบคำถามลูกค้า ชื่อ 'น้องกานดา' แรกๆ มีน้องยังมีความรู้แบบเด็กอนุบาล ยังไม่ฉลาดตอบเท่าที่ควร ต่อมาทาง CardX พยายามสร้างเฟรมเวิร์กให้น้องกานดาเข้าใจภาษามนุษย์และตอบลูกค้าได้ดีขึ้น จนปัจจุบันน้องกานดามีความสามารถเหมือนเรียนจบมหาวิทยาลัย ซึ่งนอกจากนำมาเสริมธุรกิจได้แล้ว ยังช่วยให้ลูกค้าได้รับบริการรวดเร็ว ไม่ต้องรอสายคอลเซ็นเตอร์นานๆ
- คำแนะนำสำหรับคนที่รู้สึกว่ามีอาการ Imposter Syndrome : คุณกนกเนตรเปิดเผยว่า เคยมั่นใจว่าทำงานได้ในตอนแรก แต่ต่อมาก็เกิดคำถามกับตัวเองว่า เราดีพอไหมในสิ่งที่เราทำ มีความรู้ความสามารถพอไหม วิธีแก้คือ ไปหาคนที่เราปรึกษาได้ แล้วได้รับคำแนะนำว่า “มีใครบอกเราหรือยังว่า เราไม่ดีพอ มีใครว่าเราหรือยัง” ฟังแล้วก็นำมาคิดและตั้งหลักใหม่ กำหนดเป้าหมายใหม่ ดูว่าจะทำอะไรก่อนหลัง แล้วไปคุยกับหัวหน้า แต่ในกรณีที่ลูกน้องมาขอคำปรึกษาเรื่อง Imposter Syndrome คุณกนกเนตรจะให้ความมั่นใจว่า อะไรก็ตามที่ทำหรือมีอะไรต้องเปลี่ยนแปลงสามารถทำใหม่ได้ อย่ากลัวความล้มเหลว แต่ให้ดูว่าจะแก้ไขอย่างไร กล่าวคือ ให้มาปรับแผนร่วมกันเพื่อให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
- ฝากให้มี Self-health ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งถ้าผู้นำมีตรงนี้ก็จะมีจิตใจที่คิดเผื่อแผ่คนอื่น มีความเมตตาไปสู่ทีมงาน ทำให้การทำงานในออฟฟิศมีความสุข นอกจากนี้ ชีวิตไม่ได้มีแค่การทำงาน 8 ชั่วโมง ให้หาเวลาไปทานข้าว รีเฟรชสมอง อย่าโฟกัสที่การทำงานเพียงอย่างเดียว เพื่อทำให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรง เราก็จะสามารถทำได้ทุกสิ่ง ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม
งาน SCBX Tech Horizon EP15 ตอน LeadHERS in Tech: Women Driving Innovation & Impact Lady of The Future จัดขึ้นในวันพุธที่ 19 มีนาคม 2568 ณ SCBX Next Tech ชั้น 4 สยามพารากอน
คุณถิรนันท์ อรุณวัฒนกูล
Chief Operating Officer, MONIX
MONIX หรือ บริษัท มันนิกซ์ จำกัด เป็นบริษัทลูกของ SCBX โดยเป็นธุรกิจที่เกิดจากการร่วมทุน (Joint Ventures) ระหว่างกลุ่ม SCBX และ Abakus Group จากจีน ก่อตั้งมาแล้ว 5 ปี
- คุณถิรนันท์กล่าวว่า หลังจากทำงานให้คำปรึกษาภายใต้ Accenture, Microsoft ความท้าทายแรกที่เจอเมื่อมาทำ MONIX คือ 1) ต้องเริ่มบริหารจัดการธุรกิจด้วยความอิสระเพราะเป็นบริษัทเปิดใหม่ ต้องลุยตั้งแต่เริ่มต้น 2) ต้องทำงานร่วมกับทีมไทยและจีน และ 3) ปีแรกของการเปิดบริษัทก็อยู่ภายใต้สถานการณ์โควิด ทีมจึงต้องทำงานกันแบบ Remote Work และเนื่องจาก MONIX เป็นธุรกิจให้สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ (Digital Nano Lending) ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของกรุ๊ป SCBX และไม่ได้ทำงานร่วมกับบริษัทอื่นใดในเครือ คุณถิรนันท์จึงต้อง 4) มองหาโอกาสใหม่ๆ อยู่เสมอ และต้องมองภาพใหญ่ที่ใหญ่ขึ้น โฟกัสที่ทีมและธุรกิจมากขึ้น
- ผู้นำในแบบของคุณถิรนันท์
- หนึ่ง ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน มีแพสชัน และต้องกำหนดทิศทางไปสู่เป้าหมายได้ วัดผลได้
- สอง เลือกทีมที่เห็นความสำคัญในเรื่องเดียวกัน เข้าใจกัน จะช่วยให้ขับเคลื่อนธุรกิจได้ดี
- สาม เลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม ไม่จำเป็นว่าจะต้องเลือกเทคโนโลยีที่ใหม่ที่สุดมาใช้ ยกตัวอย่างสิ่งที่ลูกค้ามักจะถามคือ ใช้บล็อกเชนมั้ย แต่ต้องเข้าใจตำแหน่งของเราก่อน ว่าจะทำธุรกิจให้สำเร็จได้มีอะไรเป็นองค์ประกอบบ้าง ดูว่าจำเป็นไหม เหมาะสมหรือเปล่า
- มุมมองด้าน AI : AI เรียนรู้จาก Data คนเราเรียนรู้จากประสบการณ์ ซึ่งเป็นผลผลิตจากสิ่งที่เจอมา และขึ้นอยู่กับว่า เทรนแบบใด ผ่านประสบการณ์แบบไหนมาบ้าง และมนุษย์เป็นคนที่จะกำหนดขอบเขตของ AI และใช้ AI เป็นตัวพิจารณาอคติ คนที่ทำเรื่อง AI จึงต้องดูแลและรับผิดชอบการนำไปใช้ ไม่ว่าจะนำไปพัฒนาในมุมไหนก็ตาม มันจะได้ไม่ไปทำร้ายคนอื่น
- คำแนะนำสำหรับคนที่รู้สึกว่ามีอาการ Imposter Syndrome : ให้ถามตัวเองว่า เราดีพอหรือยัง ทุกอย่างต้องเริ่มที่ตัวเอง ถ้าเราไม่ได้ให้ค่ากับคนอื่น จะไม่มีใครมาทำร้ายเราได้ หรือถ้าน้องๆ ในทีมไม่ว่าเพศใดก็ตาม ไม่แน่ใจว่าตัวเองดีพอหรือยัง ให้กลับไปดูเรื่องของตัวเอง หรือไม่ก็ให้ผู้นำช่วยสนับสนุนหรือให้คำแนะนำ หรือในกรณีที่ไม่แน่ใจว่าเป็น Imposter Syndrome หรือเปล่า ให้พิจารณาว่ามี 4 ข้ออยู่เสมอหรือไม่
- หนึ่ง เราต้องรู้จักตัวเอง พิจารณาตัวเอง ไม่ต้องไปรู้จักคนอื่นมาก
- สอง เรารู้จักตัวเองแล้ว ต้องยอมรับความจริงให้ได้ว่า เรามีข้อเสียอะไร หรือถ้าเราทำอะไรไปแล้วจะเกิดอิมแพ็กอย่างไร
- สาม เคารพตัวเอง เป็นสิ่งที่ยากและต้องฝึกฝน แต่ไม่ใช่ว่าไม่เคารพคนอื่น ต้องทำอะไรที่ไม่ไปกระทบจิตใจคนอื่นด้วย
- สี่ ที่คิดว่าไม่ดีพอ เป็นเพราะเราเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น หากจะเปรียบเทียบให้เปรียบเทียบกับตัวเองว่า เราเก่งขึ้นหรือยัง แกร่งขึ้นหรือยัง ไม่ต้องไปเทียบกับคนอื่น หากทำตรงนี้ได้จะมีความสุขมาก
- ฝากเรื่องความมั่นใจในทางที่ถูกสำหรับทุกคน ด้วยความรวดเร็วของโลกที่เปลี่ยนไป จนบางครั้งก็ไม่รู้ว่าเรื่องไหนถูกหรือผิด ทุกคนทุกเจเนเรชันจึงต้องคิดว่า สิ่งที่เรากำลังจะทำนั้น มันถูกต้องไหม ต้องไตร่ตรองให้ดีก่อนว่าถูกศีลธรรมไหม จะกระทบหรือทำร้ายผู้อื่นไหม สำหรับผู้นำ การเป็นผู้นำต้องเป็นผู้นำจากข้างใน ยิ่งถ้าความคิดของผู้นำมีอิทธิพลทางความคิดต่อใคร ยิ่งต้องระวังในการแสดงออกและต้องเลือกใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง แต่หากไม่รู้ว่าข้อมูลนั้นถูกหรือไม่ ให้ใช้ 'จริยธรรมและศีลธรรม' เป็นตัวตัดสิน

คุณญาณ์บดี จิตติกุลดิลก
Chief Data Officer, DataX
คุณญาณ์บดีบอกว่า DataX เป็นบริษัทน้องใหม่ในเครือ SCBX ที่ดูแลด้าน Data Analytics และ AI หน่วยงานนี้จึงเป็นเหมือน CoE (Center of Excellence) ของกรุ๊ป SCBX
- คุณญาณ์บดีเล่าว่า เจอความท้าทายใหม่ๆ ในการทำงานอยู่เสมอ เพราะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะ AI ที่อัปเดตอยู่เสมอ Learning Curve จึงชันมาก และยิ่งต้องนำ AI มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจด้วยแล้ว จึงผลักดันตัวเองให้เรียนรู้ตลอดเวลา ซึ่งโดยส่วนตัวชอบเรียนรู้ ชอบเรื่อง Data ตั้งแต่ก่อนเข้ามาทำงานอยู่แล้ว เพราะต้องการผลักดันให้ทำงานนี้ได้สำเร็จ
- การมีหัวหน้าที่ดี มีทีมงานที่ดี และครอบครัวที่ซัพพอร์ต มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้บาลานซ์เวลาในชีวิตและการงานได้ดีและมีความสุข
- คุณญาณ์บดีเล่าย้อนไปถึงตอนเรียนวิศวกรรมศาสตร์ที่มีผู้เรียนที่เป็นชายมากกว่าหญิง แต่สมัยนี้ผู้หญิงขึ้นมามีบทบาทมากขึ้นในสายงาน Data แต่ก็ยังจัดว่ามีน้อยทั้งในประเทศไทยและในระดับโลก อย่างไรก็ตาม ในยุคดิจิทัลมีข้อดีคือ เด็กยุคนี้สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น มีทักษะด้านการเขียนโค้ดมากขึ้น และถ้ามีความชอบด้านนี้ ไม่ว่าเพศไหนก็เรียนรู้และพัฒนาความสามารถได้
- คนเราเรียนรู้จากประสบการณ์ สำหรับคนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ แนะนำให้รับฟัง Keynote Session แนวคิดจากผู้บริหารหญิงระดับแนวหน้า ภาวะผู้นำ การเติบโตในสายอาชีพการเงินและเทคโนโลยี และการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน
- เพื่อเพิ่มผู้หญิงในสายงาน Data คุณญาณ์บดีแสดงความคิดเห็นว่า ควรส่งเสริมให้มีผู้นำหรือผู้บริหารเป็น ต้นแบบ (Role Model) เพื่อเป็นแบบอย่างว่าผู้หญิงทำได้ อย่าง SCBX ก็มีผู้บริหารที่เป็นผู้หญิงจำนวนมาก และบริษัทก็ส่งเสริมเรื่องนี้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ถ้ามีอาจารย์สอนวิชา STEM เป็นผู้หญิงเพิ่มขึ้น ก็จะยิ่งดึงดูดให้ผู้หญิงมาเรียนรู้เรื่อง STEM มากขึ้นได้
- มุมมองด้าน AI : การสอน AI เหมือนการสอนเด็กคนหนึ่ง สอนอะไรไปเขาก็จะเรียนรู้จากสิ่งนั้น ถ้ามนุษย์สอนด้านใดด้านเดียว AI ก็จะได้รับข้อมูลเพียงด้านเดียว การใช้ AI จึงต้องให้ข้อมูลที่หลากหลาย เป็นข้อเท็จจริง และมีคุณภาพ เพื่อทำให้ AI ให้คำตอบที่ดียิ่งขึ้น กับอีกเรื่องคือ 'AI Governance & Responsible AI' การใช้ AI อย่างรับผิดชอบก็สำคัญและขาดไม่ได้ เพราะช่วยให้การใช้งานเป็นไปอย่างถูกต้องและไม่ไปทำร้ายใคร
- คำแนะนำสำหรับคนที่รู้สึกว่ามีอาการ Imposter Syndrome อยากให้ทุกคนเคารพตัวเอง เข้าใจตัวเอง บางครั้งอยากทำอะไรหลายอย่าง บางทีเรามีความคาดหวังเยอะ เช่น อยากเป็นแม่ที่ดี เพื่อนร่วมงานที่ดี แต่ทุกคนต้องยอมรับศักยภาพของตัวเองว่า จะเลือกทำด้านไหนก่อน ทำให้ดีที่สุด ดังที่ ธีโอดอร์ รูสเวลต์ กล่าวไว้ว่า "Do what you can, with what you have, where you are." ทำสิ่งที่สามารถทำได้ ด้วยสิ่งที่มี และที่ที่คุณอยู่
และในตอนท้ายของงานก็มี Career Growth & Networking Opportunity ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้พูดคุย สำรวจเส้นทางอาชีพ และรับคำแนะนำจากผู้บริหารวงในจากไทยพาณิชย์ที่มาร่วมเสวนาอีกด้วย