ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยยุทธศาสตร์ 3 ปี ปรับตัวสู่วิถี ‘Next Normal’ สู้ความท้าทายในอนาคต | Techsauce

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยยุทธศาสตร์ 3 ปี ปรับตัวสู่วิถี ‘Next Normal’ สู้ความท้าทายในอนาคต


 ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ว่าหลังเกิดสถานการณ์ COVID-19 หลายองค์กรทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ต้องปรับตัวเพื่อรับมือกันถ้วนหน้า ซึ่งตลาดทุนไทย หรือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถือว่าเป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางและฟันเฟืองสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้เหล่าบริษัทจดทะเบียนรวมไปถึงนักลงทุนทั้งหลาย ที่ทุกวันนี้ไม่เพียงหาคำตอบแค่ว่าจะสร้างการเติบโตด้วยผลกำไรอย่างไรเท่านั้น แต่จะทำอย่างไรที่จะทำให้ตลาดทุนไทยสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืนและสร้างประสิทธิภาพสูงสุดให้กับผู้มีส่วนร่วมในตลาดทุนได้ ท่ามกลางปัจจัยกดดันที่ยังคงมีเข้ามาอยู่อย่างต่อเนื่อง 

ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปรับตัวสู่วิถีธุรกิจใหม่ (Next Normal) พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้ลงทุน และเป็นแหล่งระดมทุนที่สำคัญของประเทศ ตอบสนองความท้าทายในโลกปัจจุบันที่อยู่บนวิถี VUCA (ความผันผวน (Volatility) ความไม่แน่นอน (Uncertainty) ความซับซ้อน (Complexity) และความคลุมเครือ (Ambiguity)) ดังนั้น กรอบการพัฒนาในอีก 3 ปี(64-65)ข้างหน้านี้ จึงมีเป้าหมายเพื่อสร้างโอกาสการเติบโตของประเทศอย่างมีสมดุลทั้งธุรกิจและสังคม (Balanced Growth) รองรับสภาพแวดล้อมของตลาดทุน เทคโนโลยีดิจิทัล รวมทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ตลาดทุนเป็นประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน ตามวิสัยทัศน์ตลาดหลักทรัพย์ฯ “To make the capital market “Work” for everyone”  


กรอบการพัฒนาสู่ความยั่งยืน 4 ด้านด้วย 8 กลยุทธ์หลัก


1.สร้างการเติบโตในตลาดทุน (Market Growth)

1.1)การเพิ่มหลักทรัพย์ใหม่ (Boost supply-side opportunities)  ส่งเสริมการระดมทุนของธุรกิจใหม่ อาทิ เศรษฐกิจกระแสใหม่ (New economy) หลักทรัพย์ต่างประเทศ บริษัทย่อยของบริษัทจดทะเบียน  รวมถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) รวมถึงสตาร์ทอัพ (Startup) ในรูปแบบที่เหมาะสมตามความเสี่ยงและประเภทของผู้ร่วมลงทุน ขณะเดียวกัน สนับสนุนการนำข้อมูลไปใช้เพื่อประโยชน์ในการสร้างนวัตกรรมทางธุรกิจ 

1.2)การขยายฐานผู้ลงทุน (Rapid investor expansion)  มุ่งเน้นการขยายช่องทางการลงทุนใหม่ๆ ที่สามารถเข้าถึงผู้ลงทุนได้กว้างขึ้นและทำให้การลงทุนเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ ควบคู่กับการตลาดดิจิทัลเพื่อวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลความรู้ บริการ และผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ตอบโจทย์ ให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ขณะที่จะขยายความน่าสนใจของตลาดทุนไทยไปยังกลุ่มผู้ลงทุนต่างประเทศผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น รวมถึงการนำเสนอธีมผลิตภัณฑ์และบริการ (Thematic products and services) เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนสถาบัน


2.ขยายโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Expansion)

2.1)การสร้างการมีส่วนร่วม (Building engagement) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับบริษัทจดทะเบียน และผู้ประกอบการในตลาดทุน ส่งเสริมรายงานด้าน ESG รวมทั้งปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรค เพื่อเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม

2.2)การต่อยอดธุรกิจใหม่ (Venturing new frontiers)  พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสำหรับตลาดทุนไทย  เพิ่มผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงตลาดทุนโลก และให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและสร้างรายได้ใหม่ให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันเป็นทางเลือกใหม่ในการลงทุนของผู้ลงทุน


3.ขับเคลื่อนสังคมและสิ่งแวดล้อม (Environmental Solutions & Social Development)

3.1)การปลูกฝังการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG cultivation)  ส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนนำหลักการ ESG มาบูรณาการในกระบวนการดำเนินงานตามลักษณะการประกอบธุรกิจ  เพื่อคงความเป็นผู้นำในภูมิภาคในด้าน ESG พร้อมส่งเสริมให้เกิดการลงทุนอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกัน ยังสร้างความตระหนักในเรื่องสิ่งแวดล้อมเพื่อต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ ผ่านโครงการ Care the Bear  Care the Whale และ Care the  Wild โดยทำงานร่วมกับองค์กรในตลาดทุนและพันธมิตร 

3.2)การเสริมสร้างพลังทางสังคม (Social empowerment)   มีเป้าหมายเป็นศูนย์กลางด้านความรู้ทางการเงินของประเทศ โดยพัฒนาทักษะพื้นฐานการบริหารจัดการทางการเงินในชีวิตประจำวันให้กับประชาชน นอกจากนี้ มีแผนพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับงานวิจัยด้านตลาดทุน พัฒนาศักยภาพและขยายโอกาสสำหรับธุรกิจเพื่อสังคมผ่าน Social digital platform 


4.เพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจและศักยภาพบุคลากร (Continuous Improvement & Talent Empowerment)

4.1)ความสามารถในการขยายตัวด้านธุรกิจ (Business scalability)   ยกระดับระบบซื้อขายหลักทรัพย์  และความปลอดภัยทางไซเบอร์โดยยึดหลักมาตรฐานสากล และสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมทำงานร่วมกับพันธมิตรในการสร้างสรรค์บริการอย่างครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจและผู้ลงทุน 

4.2)ความเป็นเลิศด้านการดำเนินงาน (Operational excellence) ใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดขั้นตอนกระบวนการทำงาน โดยศึกษาการนำ Robotic Process Automation (RPA) มาใช้ ให้ความสำคัญด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงและการสื่อสารในช่วงวิกฤต รวมทั้งพัฒนาศักยภาพของพนักงาน และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานในวิถีชีวิตปกติใหม่ 


ความท้าทายของตลาดทุนไทยในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง


สำหรับความท้าทายของตลาดทุนไทยในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้คงจะหนีไม่พ้นภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งมีความสามารถในการทำกำไรลดลง รวมถึงปัจจุบันภาวะการแข่งขันของตลาดทุนค่อนข้างรุนแรง ซึ่งการสร้างตลาดBlue Ocean ถือว่าเป็นอะไรที่ท้าทายค่อนข้างมาก นอกจากนี้ยังมีเรื่อง การวิเคราะห์ข้อมูลและการกำกับดูแล(data analtics&governance) ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะช่วยให้ตลาดทุนไทยมีความสามารถเทียบเท่ากับตลาดทุนอื่นๆในภูมิภาคได้ 


" ไม่ว่าเราจะทำธุรกิจอะไรแต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มองว่าเป็น Next Nomal การปรับตัวแม้จะไม่เหมือนเดิมแต่อย่างน้อยจะต้องดีขึ้น และผลงานที่ออกมาก็จะดีตามไปด้วย ซึ่งในอนาคตผมจะไม่หยุดพัฒนาเราต้องทำงานร่วมกันแบบ ecosystem เพื่อทำให้ตลาดทุนไทยแข็งแกร่งและสามารถแข่งขันกับตลาดทุนโลกได้ "



ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

‘Yindee’ แชตบอตในแอป ttb Touch ใช้ Gen AI จับความรู้สึก ตอบเร็วและฉลาดกว่าที่เคย

Yindee แชตบอตที่อยู่บน Mobile Banking ของ ttb ทำงานผ่านแอป ttb Touch สามารถจับ Mood & Tone ของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ ว่าขณะแชตนั้น ลูกค้าอยู่ในอารมณ์ไหน ด้วย Generative AI โดย Azur...

Responsive image

คนอยากใช้พลังงานเยอะ แต่โลกอยากได้ปล่อยคาร์บอนน้อย บริษัทพลังงานแก้ไขความย้อนแย้งนี้อย่างไรดีในยุค AI

The Energy/Prosperity Paradox หรือภาวะย้อนแย้งแห่งพลังงาน และความเจริญ ถือเป็นความท้าทายระดับโลกที่บริษัทด้านพลังงานกำลังพบเจอ เพราะในตอนนี้โลกกำลังต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างไม่เ...

Responsive image

เศรษฐกิจไทย ‘ฟื้นตัว’ แล้วหรือยัง ? ฟังความเห็นจาก 3 ผู้นำธุรกิจยักษ์ใหญ่ไทย

ค้นพบศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทย จีน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และกัมพูชา พร้อมโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจในภาคอุตสาหกรรม การเงิน และเทคโนโลยี...