ทำไม SLACK จึงประสบความสำเร็จ? | Techsauce

ทำไม SLACK จึงประสบความสำเร็จ?

Slack แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับสื่อสารทางธุรกิจสัญชาติอเมริกัน ที่หลายท่านคุ้นเคยกันดี และล่าสุดได้ขายกิจการให้กับทาง Salesforce บริษัทจัดการลูกค้าสัมพันธ์อันดับหนึ่งของโลกไปด้วยมูลค่ากว่า 2.77 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือคิดเป็นเงินไทย 8.37 แสนล้านบาท) ทั้งยังส่งผลให้หุ้นของ Slack เพิ่มสูงขึ้นไปแล้ว วันนี้เรามาดูว่าอะไรที่ทำให้ Slack ประสบความสำเร็จกันในมุมมองที่หลายๆคนอาจมองข้าม

Slack มีความโดดเด่นในเรื่องของฟีเจอร์แชทแบบ IRC ที่สามารถแชทได้ทั้งแบบส่วนตัวและแบบกลุ่ม สามารถแยก Channel ของแต่ละงานออกได้เป็นระบบ ซึ่งผู้พัฒนาตั้งใจที่จะให้เป็นสื่อกลางในการทำงาน เหมาะกับการทำงานเป็นทีม ให้ความสะดวกรวดเร็วกว่าการใช้ email และ chat อื่นๆได้เป็นอย่างดี รวมถึงสามารถแชร์ข้อมูล รับส่งไฟล์ หรือค้นหาไฟล์และข้อความที่ผ่านไปแล้วได้ง่ายดาย

ในส่วนช่องทางการใช้งานก็เลือกได้ตามสะดวกทั้งบนเว็บไซต์ โปรแกรมบน Windows OS/Mac OS บนแอปฯมือถือ iOs และ Android ทั้งยังตัดความยุ่งยากในการเปลี่ยนอุปกรณ์ใช้งาน เพราะไม่ต้องใช้เบอร์โทรศัพท์ Log in ซึ่งจะใช้งานกี่เครื่องก็ได้อีกด้วย พร้อมทั้งรองรับการเชื่อมต่อกับบริการการทำงานยอดนิยมอื่นๆ เช่น Google Drive หรือ Dropbox ได้

สรุปข้อดีของ Slack

  • การออกแบบฟีเจอร์ที่เหมาะกับการแชททำงาน เช่น Thread เป็นฟีเจอร์ที่ทำให้เราสามารถ คุยในเรื่องนั้นๆ ข้อความไม่ไหลรบกวนคนอื่นที่ไม่เกี่ยวกับบทสนทนานั้นๆ และสามารถดู Thread ของ ทุกช่องทางสนทนาได้ที่มีเมนู Tread
  • สามารถ Integrate กับแพลตฟอร์มอื่นๆได้ เช่น Trello / Google Calendar / Email ต่างๆ
  • Slack มีทั้งบนเว็บไซต์ , PC /Mac อุปกรณ์เคลื่อนที่ทั้ง iOS / Android
  • Slack ไม่ต้องใช้เบอร์โทรศัพท์ในการใช้งาน ทำให้ง่ายต่อการเปลี่ยนอุปกรณ์การใช้ ข้อความไม่หาย

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่น่าสนใจ มีมุมมองสนุกๆที่เราอยากนำเสนอสิ่งที่นำพาให้ Slack สู่ความสำเร็จและกลายเป็นแพลตฟอร์มที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำงาน จากกรณีที่ผู้ใช้งานไม่ได้คอยติดตามความเคลื่อนไหวบน Slack ตลอดเวลา ก็อาจจะทำให้พลาดบทสนาสำคัญหรือไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของทีมในระยะยาวได้ ซึ่งนั่นอาจทำให้เกิดเหตุการณ์ต่อไปนี้  

  • มีความกดดันหรือรู้สึกแปลกแยกทางสังคมหากพลาดการใช้งาน Slack - เพราะหากไม่ติดตาม Slack ตลอดเวลา ก็จะพลาดความเคลื่อนไหว การอ้างอิงข้อมูล ประกาศหรือบทสนทนาสำคัญต่างๆได้ ซึ่งมีความสำคัญมากภายในบริษัท ที่เราจะต้องคอยรายงานหรืออธิบายความเคลื่อนไหวของตนเอง ซึ่งนี่อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกกดดันทางสังคมและต้องคอยตามความเคลื่อนไหวใน Slack และต้องคอยโพสลงใน Slack ตลอดเวลา ซึ่งจะยิ่งกระตุ้นความจำเป็นในการใช้งานนั่นเอง

  • เสพติดการใช้งาน Slack - เมื่อเริ่มติดการใช้งาน Slack ตลอดเวลาแล้ว อาจทำให้รู้สึกเครียดโดยไม่รู้ตัว เพราะทำให้รู้สึกพลาดอะไรบางอย่างหากไม่ได้ติดตามตลอดเวลา ซึ่งยิ่งผลักดันให้มีการใช้งาน Slack เทียบเท่าระดับเดียวกับการใช้งาน Email, Facebook หรือ Whatsapp ไปโดยปริยาย 

  • Slack กลายเป็นศูนย์กลางรวบรวมข้อมูล - เมื่อเหตุผลใน 2 ข้อข้างต้นนั้นทำให้ทุกคนต้องปรับตัวมาใช้หรือติดตามความเคลื่อนไหวบน Slack กันอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งทำให้ข้อมูลมากมายมารวมอยู่ที่ Slack เป็นที่เรียบร้อย และเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไม Slack มีการใช้งานที่ขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทไปเป็นที่เรียบร้อย

จะนำความสำเร็จของ Slack มาปรับใช้ได้อย่างไร?

เหล่า Startup ที่มองเห็นความสำเร็จของ Slack เป็นแบบอย่างนั้น อย่างแรกเลยควรต้องดีไซน์ผลิตภัณฑ์ของตนให้ดีก่อน มีทีมที่มีประสบการณ์ มีจังหวะเวลาและการดำเนินการที่เหมาะสม ตามที่ Steward Butterfield ผู้ก่อตั้ง Slack ได้เคยกล่าวแนะนำไว้ดีแล้ว อย่างไรก็ตาม ก็มีเหล่า Startup มากมายที่สำมารถปฏิบัติตามคำแนะนำได้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับที่ดีเหมือนกับทาง Slack

ดังนั้น หากวิเคราะห์ดูสิ่งที่ขาดไปและต้องคำนึงถึง ในการสร้างการตลาดและการขายเครื่องมือแพลตฟอร์มออนไลน์ทางสังคมการทำงานอย่าง Slack นั่นคือ “จิตวิทยา” ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจทำให้ประสบความสำเร็จได้เมื่อสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกถูกชักจูงทางอารมณ์ด้วยความกดดันทางสังคมตามที่กล่าวไปในข้างต้น และแรงกดดันนี้เองที่ทำให้ผู้คนต้องลงทุนอย่างมากในผลิตภัณฑ์ของคุณ (ซึ่งจริงๆแล้ว Slack ต้องการให้มีการลงทุนเพียง 2,000 ข้อความเท่านั้นสำหรับการกระตุ้นให้เกิดเอฟเฟกต์นี้ขึ้น) และอาจเป็นเหตุผลที่สำคัญที่ทำให้แพลตฟอร์มโซเชียลอย่าง Slack หรือ Facebook นั้นกลายเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จและมีมูลค่ามหาศาล

อ้างอิง medium.com/@satyavh

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

รู้จัก Physical AI เอไอยุคใหม่ที่ Jensen Huang กล่าวถึงคืออะไร ? มีประโยชน์อย่างไร ?

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงาน CES 2025 คือการที่ Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA ได้มีการพูดถึงยุคต่อไปของ AI นั่นก็คือ ‘Physical AI’ ซึ่งนับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญยิ่งที่ AI กำลังจะเข...

Responsive image

สรุปเทคโนโลยีในปี 2025 เทรนด์ไหนกำลังจะมา ? ฟังความเห็นจาก 3 มุมมองสำคัญ : นักพัฒนา ผู้ประกอบการ และนักอนาคตศาสตร์

ปี 2025 กำลังจะมาถึงพร้อมกับคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี บทความนี้สรุปและอธิบายเทรนด์สำคัญจากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่านผ่านบทสัมภาษณ์พิเศษของ Techsauce เพื่อให้เห็นภาพรวมแ...

Responsive image

4 เทรนด์เทคโนโลยีสุดล้ำที่อาจเปลี่ยนโลกจาก CES 2025

สำรวจเทรนด์เทคโนโลยีล่าสุดจาก CES 2025 ตั้งแต่ AI อัจฉริยะ ยานยนต์ล้ำสมัย ไปจนถึงการพัฒนาชิปกราฟิกและเทคโนโลยีหน้าจอแห่งอนาคตที่เปลี่ยนโฉมการใช้ชีวิตประจำวัน!...