ถอดบทเรียน ‘ธนิศร์ เจียรวนนท์’ พลิก Makro สู่ธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่

บนเวที Forbes Under 30 Summit Asia 2025 มีหนึ่งในเซสชั่นที่ได้พูดคุยถึงเรื่องราวของ คุณธนิศร์ เจียรวนนท์, Group Chief Wholesale Business Officer ของ CP AXTRA ซึ่งได้ออกมาฉายภาพความท้าทายของผู้นำรุ่นใหม่ที่ต้องเข้ามาขับเคลื่อนองค์กรระดับตำนานที่มีอายุมากกว่า 100 ปีอย่างเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group)

จากเด็กหนุ่มที่เคยตั้งใจว่าจะไม่เดินตามรอยธุรกิจครอบครัว สู่การเป็นแม่ทัพคนสำคัญที่ต้องนำมา Makro ธุรกิจค้าส่งอายุ 36 ปีให้รอดพ้นจากคลื่น Digital Disruption เขาทำได้อย่างไร ?

ทิ้งโลกการเงิน พลิกธุรกิจค้าส่ง

เอาจริงๆ ตอนเรียนมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัย ผมไม่เคยอยากทำงานให้ธุรกิจครอบครัวเลย


คุณธนิศร์ เริ่มเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่เขาเลือกเดินบนเส้นทางของตัวเองในสาย Investment Banking ที่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำจนถึงตีสองตีสาม จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นจากบทสนทนากับคุณปู่ ที่ถามขึ้นมาง่ายๆ ว่า “ทำไมไม่เอาพลังงานที่ใช้ทำงานหนักขนาดนั้น มาใช้กับธุรกิจของกลุ่มเราล่ะ ?”

คำพูดนั้นทำให้เขาฉุกคิด และเพียง 2-3 สัปดาห์หลังจากนั้น เขาก็ตัดสินใจลาออก และกลับมาเริ่มต้นเส้นทางใหม่ที่ CP Group

ตอนแรกผมคิดว่าจะอยู่ที่ Makro แค่ 2-3 ปีแล้วก็ย้ายไปส่วนอื่น แต่สุดท้ายก็อยู่ที่นี่มาเกือบ 10 ปี หลายคนอาจมองว่าทุกอย่างถูกวางแผนไว้แล้ว แต่ความจริงคือมันเหมือนกับการต้องเจองานหินมากกว่า

Do or Die 

เมื่อคุณธนิศร์ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ เขาเห็นความจริงที่น่ากังวลว่า Makro ซึ่งเป็นธุรกิจค้าส่งแบบดั้งเดิม กำลังเผชิญความเสี่ยงครั้งใหญ่ ในเวลานั้นสัดส่วนยอดขายจากช่องทาง E-commerce มีไม่ถึง 3% 

คุณธนิศร์บอกว่า มันเป็นสถานการณ์ที่เรียกว่า Do or Die ต้องทำหรือไม่ก็ต้องหายไป เขาเล่าต่อว่าเราได้เห็นตัวอย่างมามากพอแล้วในตลาดนี้ที่ถ้าคุณไม่ปรับตัว ธุรกิจของคุณก็จะหายไปเหมือนที่เคยมีร้าน VCD ชื่อดังอย่าง ‘แมงป่อง’ ที่เคยเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ แต่ทุกวันนี้แทบไม่มีใครจำได้แล้ว

นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณธนิศร์ เริ่มภารกิจพลิกโฉม Makro สู่การเป็นแพลตฟอร์ม E-commerce สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคอันดับหนึ่ง ภายในเวลาเพียง 2 ปีครึ่ง ทีมงานสามารถสร้างสัดส่วนยอดขาย E-commerce ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดจาก 3% สู่ระดับ 30% พร้อมขยายกองทัพรถขนส่งจาก 400 คันเป็น 4,000 คัน

ภารกิจพลิกโฉม Makro ที่ว่านี้ คือการปรับปรุงสาขาของ Makro ครั้งใหญ่ คุณธนิศร์บอกว่าแต่ก่อน Makro อาจเรียกได้ว่าดูโบราณ ก็เปลี่ยนให้มีบรรยากาศที่ดีขึ้นและทันสมัย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าที่มาเดินเลือกซื้อของที่สาขา

รวมถึงการนำข้อมูลมาใช้คัดเลือกสินค้า โดยคุณธนิศร์จะตรวจสอบสินค้าใหม่ ๆ เกือบ 100 รายการทุกสัปดาห์ด้วยตัวเองโดยใช้ข้อมูลจากภายนอก เช่น ข้อมูลจาก Nielsen, Euromonitor หรือแม้กระทั่งข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าที่นำมาขายนั้นเป็นที่ต้องการของตลาดจริง

เทคโนโลยีเปลี่ยนผ่านง่ายกว่าคน

การทรานส์ฟอร์มองค์กรนั้น คุณธนิศร์ เผยว่าอุปสรรคที่ยากที่สุดไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยี แต่คือการบริหารจัดการคน และการเปลี่ยน Mindset 

เขาเล่าว่า เวลาที่เราต้องการเปลี่ยนแปลงองค์กรอย่างฉับพลัน ไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นด้วย โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริหารดั้งเดิม การสื่อสารวิสัยทัศน์ให้ทุกคนเข้าใจและเชื่อมั่นว่านี่คือหนทางรอด  คือสิ่งที่ยากที่สุด

เพื่อทลายกำแพงและสร้างความเร็วในการทำงาน คุณธนิศร์ได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่องค์กรส่วนใหญ่ไม่ค่อยทำนั่นคือ การรวมทีม Core Tech ที่ดูแลระบบ ERP ดั้งเดิม เข้ากับทีม Digital Tech ที่ดูแล E-commerce ให้กลายเป็นทีมเดียวกัน

คุณธนิศร์อธิบายเบื้องหลังการรวมทีมครั้งนี้โดยยกตัวอย่างสถานการณ์ว่า ถ้าลูกค้าสั่งของ 10 ชิ้น แต่ระบบหลังบ้านตัดสต็อกไม่ realtime จะทำให้ปัญหาตามมามหาศาล แต่เมื่อรวมทีมเข้าด้วยกัน ก็เริ่มมีการทำงานแบบ Agile แบ่งคนเป็น Squads ที่ดูแลโปรเจ็กต์แบบครบวงจร ทำให้การพัฒนาเร็วขึ้นอย่างมหาศาล

AI ต้องเริ่มจากพื้นฐาน Data Literacy ที่แข็งแกร่ง

 ก่อนที่เราจะพูดถึง AI เราต้องพูดถึงองค์กรของเราก่อน ถ้าพนักงานยังไม่เข้าถึงหรือใช้ข้อมูลในชีวิตประจำวันอย่าง Power BI ต่อให้เรานำ AI เข้ามา มันก็ไม่มีประโยชน์

คุณธนิศร์พูดถึงมุมมองการนำ AI มาใช้ในองค์กรว่า เป้าหมายแรกของเขาไม่ใช่การรีบนำ AI มาใช้ทันทีทันใด แต่คือการสร้าง Data Literacy หรือความเข้าใจในการใช้ข้อมูลให้กับพนักงานทุกคน เมื่อพื้นฐานด้านข้อมูลแข็งแกร่งแล้ว การต่อยอดไปสู่ AI จึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุด 

ที่น่าสนใจคือ ทางฝั่ง Makro เองก็มีการพัฒนา AI เป็นของตัวเองด้วย โดยได้เริ่มพัฒนาและจดสิทธิบัตร AI แล้ว 2 ฉบับคือ

  1. AI สำหรับค้นหาภาษาไทย นื่องจากภาษาไทยมีความซับซ้อน การมี AI จะช่วยให้การค้นหาสินค้าบนแพลตฟอร์มแม่นยำยิ่งขึ้น
  2. AI เรียนรู้พฤติกรรมลูกค้า โดยระบบจะจดจำพฤติกรรมการซื้อขายของลูกค้าแต่ละราย เพื่อนำเสนอผลการค้นหาที่ตรงใจที่สุดในครั้งต่อไป

ร้านค้าออฟไลน์จะไม่หายไป

คุณธนิศร์มองว่า อนาคตของธุรกิจค้าปลีกไม่ใช่การเลือกข้างระหว่างออนไลน์หรืออฟไลน์ แต่คือการสร้างประสบการณ์แบบ Omni-Channel ที่ไร้รอยต่อ

ลูกค้าทุกวันนี้มีพฤติกรรมแบบ Omni-Channel พวกเขาสั่งของออนไลน์เพื่อความสะดวก แต่ก็ยังอยากมาเดินที่สาขาเพื่อดูสินค้าใหม่ ๆ


ครั้งหนึ่งคุณธนิศร์และทีมงาน เดินทางไปยังจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขาได้สวมบทบาทพนักงานส่งของและขับรถบรรทุกด้วยตัวเอง การลงพื้นที่ครั้งนี้เขาต้องการทดสอบประสิทธิภาพของระบบจัดการขนส่ง เพื่อให้เห็นปัญหาและโอกาสในการพัฒนาจากมุมมองของผู้ใช้จริง และเพื่อพูดคุยกับลูกค้าโดยตรง เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการอย่างแท้จริง

สิ่งที่เขาค้นพบจากการลงพื้นที่ในวันนั้น คือข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญยิ่งกว่าตัวเลขในรายงาน นั่นคือการยืนยันว่าลูกค้าในยุคปัจจุบันมีพฤติกรรมแบบ Omni-Channel ลูกค้าเล่าให้เขาฟังว่า พวกเขาชอบสั่งซื้อสินค้าที่ใช้เป็นประจำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อความสะดวกสบาย แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังชื่นชอบที่จะเดินทางมาที่สาขาของ Makro เพื่อเดินดูและค้นหาสินค้าใหม่ๆ ที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจหรือสำหรับตัวเอง 

สิ่งนี้ทำให้ Makro ทุ่มเทกับการปรับปรุงประสบการณ์ทั้งสองด้าน ทั้งการพัฒนา UI/UX ของแพลตฟอร์มออนไลน์ให้เทียบเท่าระดับโลก และการปรับปรุงบรรยากาศของสาขาออฟไลน์ให้ทันสมัยและน่าเดินยิ่งขึ้น

เมื่อถูกถามถึงการสร้างสมดุลระหว่างการเคารพมรดกขององค์กร 100 ปี กับการขับเคลื่อนอนาคต คุณธนิศร์ตอบอย่างน่าสนใจว่า การปรับตัวให้ทันโลกคือส่วนหนึ่งของการให้เกียรติมรดก

คุณปู่เคยสอนว่า สมัยก่อนเราอาจพูดว่า ปลาใหญ่กินปลาเล็ก แต่ในยุคนี้ มันคือ ปลาเล็กที่เร็วกินปลาทุกตัว นั่นหมายความว่าเราต้องปรับตัว ถ้ากลุ่มสามารถปรับตัวและอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงเร็วขนาดนี้ นั่นก็คือการให้เกียรติมรดกของบริษัทอย่างแท้จริง


อ้างอิง : สรุปจากเซสชั่น In Conversation with Tanit Chearavanont ในงาน Forbes Under 30 Summit Asia 2025

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ส่องเทรนด์ AI ปี 2026 เมื่อเทคโนโลยีเป็น 'คู่คิด' แต่ความเร็วอาจเป็น 'กับดัก'

ปี 2025 AI ได้กลายเป็นเครื่องมือของคนทำงานไปแล้ว และในปี 2026 กำลังจะเป็นอีกก้าวสำคัญ เพราะ AI จะไม่ได้แค่ช่วยให้ทำงานเร็วขึ้น แต่จะเริ่มเข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจมากขึ้นเรื่อย ๆ...

Responsive image

Nvidia ทุ่ม 2 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าซื้อเทคและทีม Groq สตาร์ทอัพชิป LPU หวังตัดคู่แข่งและเดินเกมคุมโครงสร้างพื้นฐานโลก AI

Nvidia เดินหมากใหญ่ด้วยดีลมูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์ กับ Groq สตาร์ทอัพชิป LPU โดยไม่ซื้อกิจการ แต่เลือกถือสิทธิเทคโนโลยีและดึงทีมแกนหลักเข้าร่วมทัพ เพื่อเร่งครองเกม AI Inference แล...

Responsive image

เทรนด์หุ่นยนต์ Humanoid ปี 2025 เมื่อหุ่นยนต์เริ่มทำงานบ้านได้จริง และโลกกำลังเปลี่ยน

ปี 2025 คือจุดเปลี่ยนของหุ่นยนต์ Humanoid จากแล็บสู่ชีวิตจริง ตั้งแต่พ่อบ้าน AI จนถึงแรงงานในโรงงาน และความเสี่ยงฟองสบู่ที่ต้องจับตา...