Techsauce Global Summit 2025 ปีนี้มีหัวข้อใหญ่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ AI + Data + Government เพราะในโลกที่ทุกองค์กรต่างหันมาใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเป็นแกนกลาง ไม่ใช่แค่ภาคเอกชนเท่านั้นที่ต้องปรับตัว ด้านรัฐบาลเองก็ไม่มีข้อยกเว้น

ท่ามกลางเวทีที่เต็มไปด้วยผู้นำเทคโนโลยีและธุรกิจจากทั่วโลก หนึ่งในองค์กรที่น่าจับตา คือ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA ที่ปีนี้ไม่เพียงมาร่วมจัดบูธ แต่ยังส่งผู้บริหารระดับสูงขึ้นเวทีใหญ่ถึง 2 เวที เพื่อเล่าถึงเบื้องหลังการขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัลที่คนไทยจะได้ใช้จริงในชีวิตประจำวัน
ดร.อาศิส อัญญะโพธิ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ขึ้นพูดใน session GovTech - Transforming Innovative Growth for All โดยเริ่มต้นด้วยการยอมรับว่า แม้ประเทศไทยอาจยังไม่ใช่ผู้นำด้าน Digital Government บนเวทีโลกในหลายๆ ดัชนี เช่น UN E-Government Index ที่ไทยอยู่ลำดับที่ 52 ของโลก (ในขณะที่ประเทศอย่างเดนมาร์ก เอสโตเนีย หรือสิงคโปร์ อยู่แถวหน้า)

แต่สิ่งที่ DGA เลือกทำ ไม่ใช่การบ่นถึงข้อจำกัด แต่เป็นการลงมือสร้างสิ่งที่ยังไม่มีผ่านเครื่องมือสำคัญที่เรียกว่า ‘ทางรัฐ’ ซูเปอร์แอปสำหรับบริการภาครัฐ
“เราอยากให้ประชาชนเข้าถึงบริการรัฐได้ง่ายเหมือนใช้แอปสั่งอาหาร” คือแนวคิดเบื้องหลังการสร้างแอปทางรัฐ ที่ตั้งใจเป็นแพลตฟอร์มเดียวสำหรับเข้าถึงบริการมากกว่า 200 รายการจากหน่วยงานรัฐเกือบ 100 แห่ง ซึ่งปัจจุบันผู้ใช้งานสามารถ
ซึ่ง ดร.อาศิส เผยว่า เร็วๆ นี้ แอปทางรัฐจะกลายเป็นแพลตฟอร์มหลักของโครงการ “ค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย” ซึ่งรัฐร่วมมือกับผู้ให้บริการรถไฟฟ้า (MRT / BTS / รถไฟฟ้าสายสีต่างๆ) เพื่อให้ประชาชนใช้บัตรโดยสารที่มีอยู่แล้ว เชื่อมการเดินทางหลายสาย และจ่ายเพียง 20 บาท โดยไม่ต้องเปลี่ยนระบบตั๋วหรือเครื่องอ่านแต่อย่างใด
เบื้องหลังโครงการนี้คือ การเชื่อมต่อข้อมูลข้ามระบบอย่างชาญฉลาด ที่ DGA เป็นตัวกลางในการรวมข้อมูลจากผู้ให้บริการเดินรถหลายราย มาตรวจสอบความเป็นเจ้าของบัตร และคำนวณค่าโดยสารแบบบูรณาการ
“เราไม่ได้สร้างตั๋วใหม่ แต่สร้างความร่วมมือหลังบ้านให้ระบบเดิมทำงานร่วมกันได้” ดร.อาศิส กล่าวบนเวที
“The Action Plan: Leveraging Data Solution for All” คือหนึ่งในวงบทสนทนาว่าด้วย Data Infrastructure, AI, และการสร้างระบบข้อมูลที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม โดยในงาน Techsauce Global Summit 2025 ได้รวมผู้นำข้อมูลจากทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อพูดคุยถึงประสบการณ์ตรง ความท้าทาย และแนวทางปฏิบัติในการสร้าง “ระบบข้อมูลเพื่อทุกคน”
ซึ่งมีตัวแทนจาก 3 ฝ่ายมาร่วมพูดคุย ได้แก่

DGA เห็นว่าอุปสรรคใหญ่ของภาครัฐไทยในวันนี้ไม่ใช่แค่ขาดเทคโนโลยี แต่คือไซโลของข้อมูลที่แต่ละหน่วยงานเก็บไว้แยกกัน เชื่อมต่อกันไม่ได้ และใช้งานจริงได้ยาก
“ข้อมูลจำนวนมากในภาครัฐยังคงถูกใช้เพื่อบันทึก มากกว่าการวิเคราะห์หรือพัฒนาบริการ... สิ่งที่เราต้องทำ คือเปลี่ยนข้อมูลให้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ” คุณณัฐวัชร์กล่าวบนเวที
คุณณัฐวัชร์อธิบายถึง 3 กลไกหลักที่ DGA กำลังผลักดันเพื่อเปลี่ยนภาครัฐให้เข้าสู่ยุคของ Data + AI อย่างแท้จริง อาทิ
1. Super App
DGA พัฒนาแอปทางรัฐฯ ให้เป็นศูนย์กลางบริการภาครัฐแบบ One Stop Service แต่ที่มากไปกว่านั้นคือ แอปนี้ยังเป็นเครื่องมือเพื่อใช้ต่อยอดเชิงนโยบายและบริการได้อย่างปลอดภัย
2. G-Cloud (Government Cloud)
เพื่อให้หน่วยงานรัฐทั่วประเทศสามารถเก็บข้อมูลในมาตรฐานเดียวกัน และพร้อมต่อการนำ AI หรือระบบอัจฉริยะมาใช้งาน
3. Data.go.th หรือตลาดข้อมูลเปิดของภาครัฐ
DGA เปิดให้หน่วยงานต่างๆ แชร์ข้อมูลที่ไม่อ่อนไหวต่อสาธารณะ พร้อมจัดระบบ meta data กลาง เพื่อให้ค้นหาและใช้งานข้ามหน่วยงานได้สะดวก
“ประเทศไทยไม่ได้มีแค่กรุงเทพฯ แต่มีอีกกว่า 8,000 หน่วยงานท้องถิ่นที่ต้องเข้าถึงเครื่องมือเดียวกัน — เรากำลังสร้างระบบข้อมูลที่ทุกคนมีส่วนร่วมได้” คุณณัฐวัชร์กล่าว
หนึ่งในโครงการที่คุณณัฐวัชร์ภูมิใจนำเสนอคือ Your Data ซึ่งเป็นบริการใหม่ที่เพิ่งเปิดให้บริการบนแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" โดยประชาชนสามารถขอเอกสารประวัติการใช้และชำระค่าน้ำ-ค่าไฟของตนเองบนแอปพลิเคชันทางรัฐได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และไม่มีค่าใช้จ่าย และสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ไปยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารได้โดยตรง
ข้อมูลที่ออกจากระบบจะอยู่ในรูปแบบ PDF ที่ฝังข้อมูลจริง พร้อมลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรับรองความถูกต้อง ป้องกันการปลอมแปลง ทำให้ภาคเอกชนสามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องสอบทานซ้ำ
นอกจากโครงการในปัจจุบัน คุณณัฐวัชร์ยังเปิดเผยว่า DGA กำลังเร่งสร้างมาตรฐานกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างภาครัฐและเอกชน พร้อมขยายการใช้งาน Super App ไปยังท้องถิ่นทั่วประเทศ และสร้าง Sandbox ให้หน่วยงานราชการได้ทดลองใช้ AI กับข้อมูลจริงในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย
บนเวทีเดียวกัน ยังมีเสียงจากฝั่งเอกชนที่เห็นตรงกันกับแนวคิดของ DGA อย่างชัดเจนว่าข้อมูล คือหัวใจของการพัฒนาในยุคใหม่ และต้องถูกนำมาใช้จริง ไม่ใช่แค่เก็บไว้เฉยๆ
คุณญาณ์บดี จิตติกุลดิลก, Chief Data Officer, SCB DataX เล่าว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลุ่ม SCBX ได้รวบรวมข้อมูลจากทุกบริษัทในเครือมาไว้บนแพลตฟอร์มกลางที่ชื่อว่า Group Data Platform เพื่อให้แต่ละบริษัทนำข้อมูลไปใช้ต่อยอดนวัตกรรมของตัวเองได้ง่ายขึ้น
และตอนนี้ SCBX ก็กำลังสนใจและจับตากับโครงการ Your Data ของ DGA เพราะหากข้อมูลจากภาครัฐ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ หรือประกันสังคม ถูกเปิดให้ประชาชนใช้เป็นหลักฐานยื่นขอสินเชื่อได้จริง ก็จะช่วยให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อได้แม่นยำขึ้น และเข้าถึงคนที่เดิมไม่เคยเข้าถึงบริการทางการเงินมาก่อน
ขณะเดียวกัน Thomas Roedding CEO จาก Narravero ประเทศเยอรมนี ก็แชร์ไอเดียที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือแนวคิด Digital Product Passport หรือพาสปอร์ตดิจิทัลของสินค้าที่กำลังเป็นมาตรฐานใหม่ในยุโรป
แนวคิดนี้คือการให้ “สินค้าทุกชิ้นมีข้อมูลของตัวเอง” เช่น ผลิตที่ไหน ใช้วัสดุอะไร รีไซเคิลได้ไหม วิธีดูแลรักษาคืออะไร ฯลฯ และข้อมูลทั้งหมดจะฝังอยู่ใน QR code หรือ RFID บนตัวสินค้าเลย นั่นหมายความว่า เสื้อผ้า 1 ตัว หรือรองเท้าคู่หนึ่ง อาจพูดคุยกับผู้บริโภคได้ในอนาคต บอกได้ว่าเป็นของแท้หรือไม่ มาจากแหล่งยั่งยืนหรือเปล่า และควรดูแลยังไงให้ใช้งานได้นานขึ้น
จากการพูดคุยทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า DGA ไม่ได้เพียงเข้ามาโชว์โครงการหรือพูดถึงนโยบายบนเวทีนี้เท่านั้น แต่กำลังเปลี่ยนวิธีคิดของภาครัฐ และชวนทุกภาคส่วนมาร่วมกันสร้างระบบข้อมูลที่ทุกคนเข้าถึงได้
ไม่ว่าจะเป็นแอปพลอเคชันทางรัฐ ซึ่งมีการยกตัวอย่างบริการภายในแอปฯ เช่น Your Data ที่เปิดให้ประชาชนขอข้อมูลของตนเองได้อย่างสะดวกปลอดภัย, การเปิดข้อมูลภาครัฐบน Data.go.th, การปูพื้นฐานเทคโนโลยีด้วย G-Cloud, การพัฒนา Super App ให้เป็นประตูเชื่อมบริการรัฐทั้งหมด หรือการร่วมออกแบบมาตรฐานข้อมูลกลางกับเอกชน
และการมาอยู่บนเวที Techsauce ในปีนี้ ก็เหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่าภาครัฐพร้อมเปิดประตูให้ภาคเอกชนเข้ามาทำงานร่วมกันอย่างแท้จริง เพราะเมื่อทุกภาคส่วนเริ่มพูดภาษาเดียวกันเรื่องข้อมูล นั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของประเทศที่ไม่ได้แค่ทันโลกดิจิทัล แต่ใช้ข้อมูลเพื่อสร้างอนาคตที่เท่าเทียมได้จริง

ข้อมูลจากงาน Techsauce Global Summit 2025
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด