สถานการณ์สหรัฐฯ กับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่สิ้นสุด และความหวังจากวัคซีน | Techsauce

สถานการณ์สหรัฐฯ กับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่สิ้นสุด และความหวังจากวัคซีน

วันนี้ Techsauce Live COVID-19 เราจะมาพูดคุยกันถึงสถานการณ์โควิด-19 กับการระบาดระลอกใหม่ซึ่งสหรัฐอเมริกานับได้ว่าเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักไม่เเพ้กันตั้งเเต่เริ่มมีการระบาดในช่วงเเรกจนถึงปัจจุบัน วันนี้ทาง Techsauce ได้เเขกรับเชิญสุดพิเศษคุณสิทธิพล พรรณวิไล หรือ หนูเนย Software Engineer ผู้มีประสบการณ์การทำงานใน Silicon Valley มาร่วมถ่ายทอดสถานการณ์จริงที่เกิดจากฝั่งสหรัฐอเมริกา ให้เราได้อัพเดทสถานการณ์กันพร้อมวิเคราะห์ทิศทางของเทคโนโลยีและความหวังใหม่จากวัคซีนโควิด-19

คุณหนูเนยได้เล่าว่าช่วงนี้คนที่ทำงานใน Silicon Valley เริ่มทำงาน Work From Home กันมาสักระยะเเล้วเเละยังไม่ได้กลับไปทำงานในออฟฟิศเลยตั้งเเต่เริ่มมีการระบาดในสหรัฐอเมริกา หากนับเป็นเวลาคงประมาณ 9 เดือนเเล้ว ตั้งเเต่ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาปัจจุบันคนเริ่มชินกับการใช้ชีวิตเเบบ Work From Home แต่ในช่วงเเรกๆ คนในสหรัฐอเมริกาเริ่มมีความกลัวไวรัสชนิดนี้มาเรียกว่า เเพนิค จนตุนของใช้กันเต็มไปหมด คนสหรัฐอเมริกา ช่วงที่กลัวมากๆ มองว่าใครติดไวรัสนี้ต้องตายเเน่นอน ซึ่งในเเต่ละวันอัตราการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นวันละเกือบ 300,000 คนไม่มีอัตราที่ลดลงเลย 

หากมองในมุมของสาเหตุว่าทำไมเชื้อที่สหรัฐอเมริกาเเพร่กระจายได้เร็วและสุขภาพของคนในเเถบสหรัฐอเมริกา ถึงสุขภาพค่อนข้างเเย่ขึ้น ด้วยสภาพอากาศที่ค่อนข้างหนาวมากทำให้เชื้ออยู่ในอากาศได้ดี รวมถึงอากาศหนาวมีผลต่อสุขภาพอยู่เเล้วทำให้ป่วยได้ง่ายถึงเเม้ไม่ติดไวรัส ก็อาจป่วยเพราะอากาศอยู่ดี ถึงแม้ปัจจุบันมาตรการล๊อคดาวน์ในสหรัฐอเมริกาจะไม่ได้คุมเข้มมากเหมือนช่วงเเรกๆ แต่ยังคงมีมาตรการที่ควบคุมไวรัสอยู่เพราะทางสหรัฐเองก็คาดการณ์ไว้ว่า ในช่วงกันยายนที่จะถึงในปีหน้านี้เป็นช่วงที่อากาศจะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งอาจมีการเพิ่มอัตราการระบาดเพิ่มขึ้น

  • ในมุมของเศรษฐกิจ ภาคประชาชนเนื่องจากมีการล๊อคดาวน์ Mastercard ออกมาเผยข้อมูลการใช้เงินของคนสหรัฐอเมริกา  ส่วนมากเงินการซื้อขายเข้าสู่ออนไลน์มากขึ้น ธุรกิจออฟไลน์สถานการณ์ไม่ค่อยดีนักหลายธุรกิจเริ่มทยอยปิดตัวลงไป
  • ผู้ประกอบการและสถานบริการ อันไหนที่ไม่ใช้สถานที่สำคัญอย่างร้านขายของใช้ที่จำเป็น จะไม่ได้รับอนุญาตให้เปิด เเต่รัฐก็มีมาตรการช่วยเหลือบ้างเล็กน้อยเเต่ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้ผู้ประกอบการประคองธุรกิจให้อยู่รอดได้ ที่เห็นได้ชัดคือห้างสรรพสินค้า  ร้านอาหาร เริ่มยื่อหนังสือขอล้มละลายหลายเเห่ง

  • อีกอย่างที่น่าสนใจเราเห็นอัตราการย้านถิ่นฐานหรือที่อยู่อาศัยมากขึ้น ซึ่งการ Work From Home คนสหรัฐอเมริกา เลือกย้ายที่อยู่ไปในแถมที่ไกลจากที่ทำงานในเมืองมากขึ้นเพื่อลดค่าใช้จ่าย เพราะไม่ต้องเข้าออฟฟิศก็ทำงานได้ อสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตราที่เพิ่มขึ้นเเละลดลงในบางพื้นที่ในสหรัฐ
  • สถานการณ์ของ Startup ในสหรัฐอเมริกาพอไปได้ยังไม่มีผลถึงขั้นปิดตัวเพราะด้วยรูปแบบเงินทุนที่มีการวางเงินลงทุนเป็นเเบบรายปี จึงยังมีเงินหมุนไปได้อยู่เป็นระยะซึ่งสามารถปรับตัวได้ง่ายกว่าธุรกิจอื่นๆ ซึ่งเงินทุนยังมีเข้ามาเรื่อยๆเพราะนักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะค่อยๆ ดีขึ้นในปีหน้า 

เศรษฐกิจ สหรัฐอเมริกาในปีหน้า

  • ในด้าน GDP ที่เป็นตัวเลขมาตรฐาน ซึ้งปกติสหรัฐอเมริกาในเเต่ละปี ตัวเลขจะอยู่ที่ 3-5 มาเรื่อยๆ เเต่ในปี 2020 ตัวเลขใน Q1 ติดลบไป 5% , Q2 ติดลบไป -34% ด้วยสถานการณ์การเเพร่ระบาดของไวรัสทำให้คนเริ่มกลัวจึงส่งผลตรงให้ตัวเลขลดลง ซึ่ง Q3 เริ่มกลับมาบวกอีกครั้งซึ่งคนเริ่มมีความหวังและชินกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาจึงเริ่มดีขึ้นแต่คงต้องรอดู Q4 ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป?

  • โดยรวมเรื่องรายได้ปัจจุบันของบุคคลลดลงในเเต่ละรัฐ โดย California ลดลงไปเพียง 1.6% ซึ่งน้อยกว่ารัฐอื่น ด้วยพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งของ Silicon Valley เป็นเเหล่งรวมธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ไม่มีผลกระทบมากนัก

  • ราคากลุ่มพลังงานเชื้อเพลิงโดยรวมมีราคาที่ถูกลง แต่ของใช้ที่จำเป็นในชีวิตมีอัตราที่สูงขึ้นประมาณ 1% ซึ่งตรงข้ามกับรายได้ที่ลดลง ทำให้อัตราการใช้จ่ายเงินของประชาชนลดลง 

  • ภาพรวมอัตราการจ่ายเงินของประชากร ในช่วงเเรกๆ เป็นช่วงคนกลัวโควิด -19 มากคนจึงใช้จ่ายสูงมากในร้านขายของใช้ในชีวิตประจำวันที่จำเป็น ซึ่งคนเเห่ซื้อของตุนเก็บไว้ แต่พอเริ่มผ่านมาช่วงกลางปี อัตราการซื้อเริ่มเข้าสู่ปกติมากขึ้น ซึ่งคนเริ่มชินกับสถานการณ์เเละสามารถเริ่มปรับตัวได้ เเต่เงินไม่ได้เข้าสู่ธุรกิจออฟไลน์แต่หันไปอยู่ในธุรกิจออนไลน์มากขึ้น
  • ในช่วงวันหยุดเทศการคนยังมีการใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อของเหมือนเดิมอัตราการซื้อไม่ได้ลดลง มีเเค่ช่วง Q2 เท่านั้นที่ลดลง

  • ในด้านการจ้างงานภาพรวมในช่วงเเรกมีอัตราการปลดพนักงานเพิ่มขึ้น ซึ่งเหตุผลนั้นหากมองในมุมของการช่วยเหลือของรัฐบาลซึ่งมีผลที่ทำให้กลุ่มนายจ้างและลูกจ้างเลือกที่จะออกจากงานเพื่อมารับเงินช่วยเหลือ ในมุมของนายจ้างที่ต้องพยุงธุรกิจให้รอดจึงเลือกให้ภาครัฐช่วยพนักงานด้วยการให้พนักงานออกเพื่อรับเงินชดเชยในช่วงเเรกๆ ที่เริ่มล็อคดาวน์พอช่วงหลังที่สถานการณ์เริ่มดีขึ้นอัตราการจ้างงานเริ่มกลับมาดีขึ้น  ซึ่งการช่วยเหลือจากภาครัฐจะมีการเเบ่งระดับการช่วยเหลือตามความมาตรการวัดจากฐานเงินเดือนและความจำเป็นของเเต่ละคน 

  • หุ้นในสหรัฐอเมริกา ตอนนี้เหมือนเป็นภาพหลอกซึ้งเป็นการเข้าเเทรกเเทรงจากทางภาครัฐเพื่อให้เห็นว่า เศรษฐกิจดีขึ้นเพื่อให้ประชาชนเชื้อใจและกล้าลงทุนแต่อาจต้องระวังกันมากๆ เนื่องจากตัวเลขที่เห็นไม่ได้เป็นไปตามธรรมชาตินัก

ธุรกิจที่เป็นออฟไลน์หันมาร่วมมือกับเเพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อปรับตัวให้อยู่รอดในสถานการณ์โควิด-19 และธุรกิจออนไลน์เติบโตขึ้นอย่างมาก ซึ่งหนึ่งในตัวช่วยที่ทำให้ออนไลน์เติบโตเกิดจากมาตรการของภาครัฐด้วยส่วนหนึ่ง แต่ปัญหาหนึ่งที่สหรัฐอเมริกา เจอเหมือนกันคือ เมื่อร้านออฟไลน์เข้าสู่ออนไลน์ต้องเสียค่า GP สูงเเต่ไม่ได้มีปัญหามากนักเนื่องจากค่าเเรงของสหรัฐอเมริกาค่อนข้างสูงคนจึงมีกำลังซื้อและยอมจ่ายซึ่งต่างจากไทยที่รับผลกระทบมากกว่าเนื่องจากค่าเเรกของไทยอาจยังไม่สูงมากตรงข้ามค่าครองชีพ

เทคโนโลยีป้องกันโควิด-19 

ที่อเมริกามีการพัฒนาเทคโนโลยีกันอยู่เรื่อยๆ เเต่ด้วยคนอเมริการค่อนข้างกลัวและหวงข้อมูลส่วนตัวกันมากจึงไม่ค่อยยินยอมใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัวในช่วงเเรกของการระบาด ซึ่งล่าสุดเมื่อ Apple และ Google ปล่อยเทคโนโลยีที่ API คล้ายหมอชนะ ซึ่งจะฝังอยู่ในระบบปฎิบัติการเลย คนอเมริกาจึงพึ่งเริ่มมาใช้กันเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา

โควิด-19 ส่งผลกระทบกับเทคโนโลยีหรือไม่

ส่วนมากไม่มีผลกระทบในด้านไม่ดีเพราะเทคโนโลยีกลายเป็น Solution ทางเลือกในชีวิตซึ่งคนหันมาใช้เทคโนโลยีในชีวิตกันมากขึ้นถึงเเม้จะไม่ได้มีเทคโนโลยีเกิดใหม่มากนัก แต่เทคโนโลยีที่มีอยู่เดิมนั้นเข้าถึงผู้คนมากขึ้น  

เทคโนโลยีที่โดดเด่นคงต้องยกให้เทคโนโลยีด้านการเเพทย์ที่มีการพัฒนาขึ้นได้เร็วกว่าเดิมซึ่งหากมองเทรนด์เทคโนโลยีในหมวดของ เทคโนโลยี ด้านสุขภาพ การเเพทย์ และ AI ยังคงน่าจับตามองในปีหน้า

วัคซีนโควิด-19 กับความหวังใหม่ของคนสหรัฐอเมริกา 

คงต้องมองเเบ่งเป็นสองส่วนคือคนที่มองว่าการมาของวัคซีนคือข่าวดีที่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นคนจะรอดตาย แต่ในอีกส่วนหนึ่งยังมีการต่อต้านการฉีดวัคซีนอยู่ คงต้องรอดูสถานการณ์กันต่อไปเพราะวัคซีนที่มีอาจจะตค่อยๆ กระจายฉีดให้คนเเต่ละกลุ่มโดยให้บุคคลากรทางการเเพทย์ กลุ่มคนที่อาการหนักก่อน ซึ่งหากถามว่าประเทศไทยจะเริ่มได้รับวัคซีนเมื่อไหร่หากให้คาดเดาคราวๆ น่าจะปลายปีหน้า หรืออาจจะเร็วกว่านี้ซึ่งโดยส่วนตัวไม่ทราบคำตอบเเน่นอนเหมือนกัน เเต่อยากให้ลองติดตามข่าวกันเรื่อยๆ เพราะวัคซีนไม่ได้มีเเค่เจ้าเดียวที่ทำอย่างที่เรารู้เพื่อเป็นอีกทางเลือกในการป้องกันให้เร็วขึ้น

การฟื้นตัวของเเต่ละประเทศในตอนนี้ประเทศจีนถือว่าเป็นประเทศที่ฟื้นตัวเร็วสุดซึ่งสหรัฐอเมริกาก็พยายามฟื้นตัวให้เร็วเช่นกันเพราะหากประเทศใดฟื้นตัวเร็วสุดก็จะได้เปรียบอย่างมากในเศรษฐกิจโลก สำหรับสหรัฐอเมริกา ตอนนี้อยู่ในช่วงอิ่มตัวที่เคยผ่านความเลวร้ายของการเเพร่ระบาดมาเเล้วจนตอนนี้ถึงเเม้จะมีการระบาดระลอกใหม่มาก็คงไม่สามารถทำให้เเย่ไปกว่านี้ได้ และคิดว่าทางสหรัฐอเมริกาก็เตรียมรับมือไว้เเล้ว

สำหรับใครที่พลาด LIVE ในครั้งนี้ ท่านสามารถรับชมวิดีโอย้อนหลังได้ ที่นี่

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

โซลูชัน Technology Business Management เปลี่ยนต้นทุน IT ให้กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจด้วยการปลดล็อกศักยภาพด้านการบริหารจัดการต้นทุน IT ด้วยข้อมูลเชิงลึก

การบริหารต้นทุนด้านเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ Technology Business Management เป็นกรอบการจัดการช่วยให้ผู้บริหารสามารถควบคุมและบริหารต้นทุน IT ได้อย่างแม่...

Responsive image

เจาะเบื้องหลังดีล Zipevent และ Link Station Group สู่การขยายธุรกิจอีเวนต์ในภูมิภาค SEA

การเข้าซื้อกิจการระหว่าง Zipevent แพลตฟอร์มจัดการอีเวนต์และจำหน่ายบัตรออนไลน์ในประเทศไทย กับ Link Station Group บริษัทญี่ปุ่นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบจำหน่ายบัตร (Ticketing System) ถือเ...

Responsive image

KBank x Orbix Technology x StraitsX สาธิตการชำระเงินข้ามพรมแดนด้วยบล็อกเชนที่ SG FinTech Festival 2024

ธนาคารกสิกรไทยร่วมกับ Orbix Technology และ StraitsX เปิดตัวนวัตกรรมชำระเงินข้ามพรมแดนด้วย e-Money on Blockchain ในงาน Singapore FinTech Festival 2024 ชูศักยภาพฟินเทคไทยบนเวทีโลก...