เมื่อธุรกิจความสวยความงาม นำโมเดลแบบ Uber มาใช้ จนยักษ์ใหญ่ L’Oreal และ Unilever ต้องหันมาลงทุน | Techsauce

เมื่อธุรกิจความสวยความงาม นำโมเดลแบบ Uber มาใช้ จนยักษ์ใหญ่ L’Oreal และ Unilever ต้องหันมาลงทุน

โมเดลของ Uber ที่สร้างงานแบบใหม่ ให้คนสามารถหารายได้เพิ่ม ถูกนำมาใช้ในหลายภาคธุรกิจและแน่นอนธุรกิจสายความสวยความงามก็เห็นจะหนีไม่พ้นเช่นกัน มีกันตั้งแต่ช่างทำผม สปา นวด แต่งงาน ทำเล็บ bikini waxes ไปจนถึงสอน โยคะส่งตรงกันถึงบ้านกันเลยทีเดียว

แม้เราจะมีร้านประจำ แต่บางทีก็มีอารมณ์ที่ขี้เกียจออกจากบ้าน โดยเฉพาะพวกฝรั่งทั้งหลายที่เวลาหิมะตกทีนี่ หนาวแทบไม่อยากจะเดินกันเลยทีเดียว ธุรกิจแบบนี้จึงเกิดได้ที่นั่น ไม่ว่าจะเป็น Glamsquad, Priv, Vendetta และ Soothe ในสหรัฐฯ หรือ Blow Prettly, Uspaah และ Ruuby ในอังกฤษ

ข

Soothe และ Blow ตัวอย่างการนำแนวคิด Uber มาใช้

Soothe ให้บริการ Spa Massage ที่บ้านและออฟฟิสในสหรัฐฯ และกำลังขยายธุรกิจไปยังแคนนาดาและอังกฤษ Merlin Kauffman ผู้ก่อตั้ง และ CEO กล่าวว่า โดยปกติแล้ว หมอนวดจะได้เงินอยู่ที่ราวๆ 15-25 เหรียญสหรัฐฯ ต่อชั่วโมง ในขณะที่ร้านนวดจะคิดค่าใช้จ่ายจากผู้ใช้มากกว่านั้นและสูงกว่าบริการของ Soothe สำหรับ Soothe แล้ว หมอนวดสามารถเลือกได้ว่าจะทำงานเมื่อไหร่ก็ได้ ตามที่พวกเขาต้องการ และยังได้รับรายได้ต่อช้่วโมงที่สูงกว่าถึง 70 เหรียญฯ ด้วยกัน

ขข

Kauffman เป็น talent คนหนึ่ง เค้าได้รับการว่าจ้างจาก AOL ตั้งแต่อายุ 11 ปี ซึ่งเป็นพนักงานที่อายุน้อยที่สุด และก่อนหน้านี้ทำธุรกิจด้าน domain-name ได้สำเร็จ แรงบันดาลใจในการสร้าง Soothe  คือช่วงที่เขาอายุราวๆ 20 ได้พยายามจอง last-minute massage และก็เห็นว่ามันไม่ง่ายเลย ในปี 2013 เขาลงทุนด้วยเงินของเขาแสนเหรียญฯ ในช่วง 15 เดือนเพื่อให้ธุรกิจเริ่มต้นได้ และสร้างรายได้ 75,000 เหรียญในแต่ละเดือน และเพิ่มการลงทุนอีก 1.7 ล้านเหรียญฯ และสร้างรายได้แสนเหรียญ/เดือนในช่วง 6 เดือน หลังจากนั้น Kauffman ระดมทุนอีก 48.7 ล้านเหรียญฯ และขยายไป 51 เมืองทั่วอเมริกา แคนนาดา และอังกฤษ โดยมีแผนออกสู่ตลาดในอนาคต

ในขณะที่ Fiona McIntosh ผู้ร่วมก่อตั้ง Blow ธุรกิจทำผม และเคยเป็นอดีต Editor in Chief ของ Grazia และ Elle Magazine กล่าวว่า พวกช่างทำผมสามารถใช้วันหยุดที่มีในการทดลองรับงานก่อนดูว่าคุ้มไหม อย่างของธุรกิจของช่างทำผมส่วนใหญ่วันหยุดคือ วันจันทร์ ถ้าเห็นว่าคุ้ม ก็สามารถเปลี่ยนจากการทำงานที่ร้านซาลอน มาทำงานแบบ Freelance แบบนี้ได้

ขขข

Blow เริ่มต้นจากการเปิดร้าน “fast beauty”ซาลอนใน Covent Garden ในปี 2013 ตามมาด้วย on-demand service ใน London และปี 2015 ขยายธุรกิจไปใน Birmingham และ Manchester ให้บริการทุกอย่างตั้งแต่ผม แต่งหน้า ไปจนถึง bikini waxing และ Pilate

ด้วยบริการเหล่านี้เป็นโอกาสอันดีสำหรับธุรกิจที่เดิมต้องคอยมาแนะนำสินค้าแบบ Knock door ที่บ้านให้กับแม่บ้าน และก็ไม่มีใครสนใจ แต่กับกรณีนี้เมื่อมีอโปรที่คุณต้องการใช้บริการมาถึงบ้านแล้ว เป็นโอกาสอันดีที่จะได้นำเสนอสินค้าเข้าไป L’Ore’al, Coty  ยังต้องมาพาร์ทเนอร์ ในขณะที่ Unilever Ventures ก็ร่วมลงทุนใน Blow เสียเลย

ปัจจุบันตลาดสินค้าด้านผลิตภัณฑ์เสริมความงามในอังกฤษมีมูลค่า 6 พันล้านปอนด์ นำโดย Estee Lauder และ L’Ore’al ในขณะเดียวกันหลายคนก็ต้องตกใจเมื่อธุรกิจบริการความสวยความงามก็มีมูลค่าถึง 6 พันล้านปอนด์เช่นกัน แต่มีผู้เล่นรายเล็กหลายรายเต็มไปหมด

Dharmash Mistry หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Blow กล่าวว่า ธุรกิจแบบนี้ถือว่ามี Barriers ในการเข้ามาต่ำ แต่ Barriers ในการขยายธุรกิจนั้นสูง ตัว Mistry เองมองว่าพวกเขาหยุดพัฒนาไม่ได้รวมถึงในด้านเทคโนโลยี อาทิ ระบบ Chat boxes เพื่อเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า โดยตอนนี้โฟกัสไปถึง AI เพื่อพัฒนาระบบ Operation ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างเช่น ต้องมีการส่งต่อระหว่างผู้รับงานและระบบ Call Center อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้ากรณีที่ผู้รับงานมาหาลูกค้าล่าช้า ให้ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะเปลี่ยนคนหรือจะรอนั่นเอง

แต่ของคุณภาพเน้นเจาะคนที่มีสไตร์ยังอยู่ได้เสมอ

ขขขข

แน่นอนว่าสำหรับธุรกิจที่ยังต้องการความพิเศษ และเป็นประสบการณ์ที่หาที่อื่นไม่ได้ ย่อมไม่กลัว อย่างร้านซาลอนรายใหญ่ที่ต้องจอง Stylist หรือ beauty therapist เฉพาะยังคงได้รับความนิยม อย่างกรณีของ DryBy ธุรกิจด้านความงามที่ Oxford Circus  ที่ใครๆ ก็รู้ถึงบริการที่มีคุณภาพ การต้อนรับอย่างอบอุ่น และการตกแต่งอย่างมีสไตร์เราคิดค่าใช้จ่าย 175 ปอนด์สำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการ ซึ่งลูกค้าก็ไว้วางใจในบริการของเรา และต้องการ Stylist มือหนึ่ง นอกเหนือจากนี้ทีมงานของเราถือเป็นพนักงาน เราอยากมั่นใจว่าพวกเขาปลอดภัยจึงไม่มีการส่งพวกเขาไปยังสถานที่ที่ไม่รู้จัก"

อีกแห่ง Ruuby บริการด้านความงามอีกรายในลอนดอน แต่เน้นเจาะกลุ่ม Niche ไปเลย บริการนี้จะทำงานร่วมกับ Stylist ที่มาจากร้านซาลอนอย่างหรู เช่น Neville, Urban Retreat ที่ Harrods หรือ Richard Ward นอกจากนี้ยังมีแผนขยายไปยัง ปารีสในปีหน้า คำว่า Niche ในที่นี้คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามจะมีประสบการณ์เคยให้บริการกับบรรดาเหล่าคนดังเซเลปทั้งหลายมาแล้ว ไม่ก็เคยได้รับคำแนะนำจากแมกกาซีนดังๆ ต่างๆ 

    ขขขขข

และ Ruuby จะเน้นเรื่องคุณภาพมากกว่า ทั้งขนาดเตียงในการนวดที่ใหญ่เพียงพอ และใช้สินค้าแบรนด์ที่อัพเดตเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เช่น Tom Ford, Giorgio Armani, Illamasqua และถ้าทำเล็บก็ต้องใช้ OPI, Essie หรือ Chanel เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนและยังคงเป็นธุรกิจที่ยืนหยัดอยู่ได้

อ้างอิงจาก FT

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

แนะเทรนด์ลงทุนในสตาร์ทอัพปี 2024 พร้อมช่องทางใหม่ในการระดมทุนจากงาน KATALYST TALK MEETUP #3

บทความที่เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพควรอ่านเพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการเผชิญความท้าทายในปีนี้ จากการรับฟังภายในงาน KATALYST TALK MEETUP #3 ‘Navigating the Startup Challenges in 2024 and Beyond’...

Responsive image

เตรียมพบกับงาน SEA Blockchain Week 2024 (SEABW) ยกขบวนกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน และ Web 3 ระดับโลกกว่า 100 คน มาร่วมพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์ที่เมืองไทย

Southeast Asia Blockchain Week หรือ SEABW งานด้านบล็อกเชนสุดยิ่งใหญ่ระดับภูมิภาค ที่เตรียมจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในวันที่ 24-25 เมษายน 2567 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ True ICON HALL ช...

Responsive image

กระทรวง AI : เมื่อ AI อันตรายเกินกว่าจะปล่อยไว้ โลกเร่งออกกฎควบคุม

AI กลายเป็นสิ่งที่ต้องถูกควบคุมด้วยกฎหมาย และต้องถูกจับตาดูโดยหน่วยงานของรัฐบาลอย่าง ‘กระทรวง AI’ ที่มีอำนาจ และความสำคัญไม่แพ้หน่วยงานอื่น ๆ แต่ทำไม AI ต้องถูกควบคุมโดยรัฐบาล ? กร...