ปีนี้เทคโนโลยี AI ฮอตเกินเทคโนโลยีอื่นจะต้านไหว โดยเฉพาะในขา Generative AI ที่สามารถให้คำตอบได้อย่างฉลาดล้ำ จนผู้คนเริ่มหวาดหวั่น ผู้ประกอบการเริ่มหวั่นใจ แต่ถึงอย่างนั้น หลายธุรกิจก็เร่งนำ AI มาใช้ประโยชน์ บ้างก็จัดอบรมแชร์ความรู้ บ้างก็จัดแข่งขัน Hackathon โดยหนึ่งในองค์กรที่ชูเรื่อง AI-First และจัดกิจกรรมเกี่ยวกับ AI หลากหลายมิติ คือ ธนาคารกสิกรไทย และไม่นานมานี้ ได้จัดงานสัมมนาประจำปีอย่างยิ่งใหญ่ THE WISDOM Investment Forum ในประเด็น AI Ultimatum : The Secret Key to Unlock Your Wealth ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากนักลงทุนและลูกค้าของธนาคารกสิกรไทย ทั้ง 3 ช่วง ดังนี้
ช่วงที่หนึ่ง : Al Trend in 2024 & Beyond
โดย คุณเรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส - เทคโนโลยี กรุ๊ป
ช่วงที่ 2 : How Technologies (Al) contributes to your investment decisions
โดย คุณวสุพล ธารกกาญจน์ ผู้อำนวยการกลุ่มผลิตภัณฑ์ Microsoft Azure บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด, คุณสรุจ ทิพเสนา กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท เอส เทลลิเจนซ์ จำกัด และคุณทัชพล ไกรสิงขร Group Chief Technology Officer, Amity Solutions
ช่วงที่ 3 : Future Investment & Asset Allocation
โดย คุณมทินา วัชรวราทร หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย
AI คือ การผนวกรวมวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์เข้าด้วยกัน จนทำให้ซอฟต์แวร์ หุ่นยนต์ หรือคอมพิวเตอร์ฉลาดขึ้น จากการป้อน Data เข้าไป แล้วให้ระบบเรียนรู้ จนเกิดเป็น Big Data มหาศาล ซึ่งสามารถตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ได้อย่างชาญฉลาด
AI ทำสิ่งต่างๆ แทนมนุษย์ได้สารพัด เช่น ทำพรีเซนเทชัน เขียนแผนธุรกิจ ออกแบบบ้านหรือคอนโด สอนนักเรียน ตรวจสอบบัญชี ด้วยการป้อนชุดคำสั่ง (Prompt) ขณะเดียวกัน เทคโนโลยี AI ก็ปรากฏในรูปแบบที่จับต้องได้มากขึ้น เช่น โดรน ยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ และจะเข้ามาทำงานแทนแรงงานคนที่ขาดแคลนในประเทศที่เข้าสู่สังคมสูงวัย
ความมหัศจรรย์ของสมองมนุษย์ คือ การตอบสนองต่อสิ่งเร้า จากข้อมูลที่มีและการเลือกตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ และ AI ก็กำลังได้รับการพัฒนาให้เป็นสมองประดิษฐ์ (Artificial Brain) ที่ทำงานได้ใกล้เคียงกับสมองมนุษย์ เข้าใจสิ่งที่มนุษย์พูด
Mega Trends ที่ผู้ลงทุนควรสนใจ : การคำนวณอัตราเร่งของคอมพิวเตอร์ (Accelerated Computing) ไม่ว่าจะเป็น AI Model, Big Data, Quantum Computing, ความก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดของวิทยาศาสตร์ เช่น ในด้านวัสดุศาสตร์ ด้านสถิติ ด้านชีววิทยา
ธุรกิจสตาร์ทอัพที่เติบโตเป็นยูนิคอร์น (บริษัทที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3 หมื่นล้านบาท) ที่มีการจ้างพนักงานนับ 1,000 คน เมื่อใช้ AI ช่วยทำงานอัตโนมัติ อัตราจ้างพนักงานในอนาคตอาจเหลือแค่ 10 คน สะท้อนว่าการสร้างธุรกิจจะเร็วขึ้นและกลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่อย่างรวดเร็วที่สร้างความมั่งคั่งได้ด้วยคนจำนวนไม่มาก
AI ในยุคต่อไปคือ ซอฟต์แวร์ที่สร้างซอฟต์แวร์ด้วยตัวเองได้ และวิวัฒนาการของ AI จะไม่ช้าลง
การปฏิวัติครั้งยิ่งใหญ่ของเทคโนโลยี AI จะทำให้ AI เข้าไปอยู่ในทุกอุตสาหกรรม และจะกลายเป็น Altimatum หรือ คำชี้ขาด ที่ต่อไปผู้คนจะไม่สามารถขาด AI ได้ เหมือนที่ขาดอากาศหายใจไม่ได้
มูลค่าที่ควรดูเมื่อจะลงทุนในสินทรัพย์กลุ่มเทคโนโลยี คือ มูลค่าสินทรัพย์ในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมาของบริษัทเทคโนโลยี กับบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์และซัพพลายเออร์ ที่อยู่ในระดับล้านล้านดอลลาร์
นอกเหนือจากบริษัทขนาดใหญ่ที่พัฒนา AI อย่าง Microsoft, Google, Tesla เทคโนโลยี AI จะเป็นที่ต้องการอย่างมากในอุตสาหกรรมที่มีความเฉพาะเจาะจงและขาดแคลนแรงงาน เช่น อุตสาหกรรมท่าเรือ ที่จะใช้ Forklift หรือรถยกไฟฟ้าซึ่งใช้ AI ควบคุมและเคลื่อนย้ายสินค้าอัตโนมัติ
ต้นทุนของการพัฒนา AI มีจำนวนมหาศาลมาก แต่หลายบริษัทไม่สามารถลงทุนด้านนี้ได้เพราะไม่มีพื้นที่ทำ Data Center ดังนั้น อุตสาหกรรมที่น่าลงทุนจากวิวัฒนาการและการใช้ประโยชน์เทคโนโลยี AI จึงมีหลากหลาย อาทิ อุตสาหกรรมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ที่ทำให้องค์กรมีและใช้เทคโนโลยี AI ได้ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมการผลิต อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมด้านการแพทย์และสุขภาพ และ ธุรกิจด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security)
โลกกำลังเปลี่ยนจาก Mobile First เป็น AI First ประเด็นนี้ธนาคารกสิกรไทยและกสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ให้ความสำคัญมาก และเปิดตัว KXVC (Venture Capital) เงินลงทุนจำนวน 3,500 ล้านบาท เพื่อลงทุนด้าน AI, Web3 และ Deep Tech ในด้านการเงินเพื่อนำมาใช้ในประเทศไทยโดยเฉพาะ
สำหรับช่วง How Technologies (Al) contributes to your investment decisions และ Future Investment & Asset Allocation เป็นช่วงที่กล่าวถึงประโยชน์ของ AI กับความน่าสนใจของการลงทุนในหุ้น AI ว่า AI จะเป็นเมกะเทรนด์โลกที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงหลายสิ่ง อาทิ การใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้ การใช้ AI ช่วยในงานสร้างสรรค์ สร้างมูลค่าเพิ่ม และโดยเฉพาะ การใช้ AI เพิ่มผลิตภาพ (Productivity) ซึ่งเข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมของแรงงาน โดยช่วยให้ผู้คนทำงานน้อยลงแต่ได้ผลลัพธ์มากขึ้น เร็วขึ้น หรือแม้แต่นักลงทุนเองก็สามารถใช้ AI สร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้แก่ผู้ลงทุนได้ เช่น ช่วยอ่านเอกสารการลงทุนจำนวนมากให้จบได้ภายในหนึ่งชั่วโมง จากที่เคยใช้เวลาอ่านเป็นวันๆ ดังนั้น ทุกคน ทุกวัยจึงควรเรียนรู้และใช้ประโยชน์จาก AI ให้เป็น แต่อย่างไรก็ดี ต้องเข้าใจข้อจำกัดและความเสี่ยงของ AI ด้วย ดังนั้น ในขณะที่บริษัทเทคโนโลยีพัฒนา AI แวดวงเทคโนโลยีจึงกำลังเร่งพัฒนาการสร้างเฟรมเวิร์ก 'Responsible AI' ขึ้น เพื่อควบคุมดูแลความถูกต้อง ความโปร่งใส ความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยี AI เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cybersecurity) และเพื่อสร้างความปลอดภัยในการรักษาฐานข้อมูลควบคู่กันไปด้วย
ปิดท้ายด้วยเทรนด์การลงทุน เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลกที่เป็น Big Players ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา ยกตัวอย่าง Microsoft (MSFT), Alphabet (GOOGL), Nvidia (NVDA), Apple (AAPL), Tesla (TSLA) และมีกองที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีอยู่ในพอร์ตโฟลิโอ เช่น กอง K-GTECH ซึ่งกระจายการลงทุนไปยังหุ้นระดับโลกอย่าง Apple, Alphabet, Microsoft และ Synopsys รับเทรนด์การเติบโตของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลก
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด