TikTok แอปพลิเคชันยอดฮิตสัญชาติจีน จากบริษัท ByteDance เริ่มเป็นที่นิยมจากการเป็นแพลตฟอร์ม Social Media สำหรับลงคลิปวิดีโอสั้น ๆ จนกลายเป็นแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ของโลก และจะยิ่งใหญ่ขึ้นอีกจากฟีเจอร์ TikTok Shop
ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน TikTok มากถึง 732 ล้านคนทั่วโลก ขึ้นแท่นแพลตฟอร์ม Social Media ที่มีคนใช้มากเป็นอันดับ 7 ของโลก ทั้งที่เปิดตัวมาได้เพียงแค่ 7 ปีเท่านั้น
เมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา TikTok ได้ก้าวเข้าสู่ตลาด E-Commerce ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยฟีเจอร์ TikTok Shop สามารถทำกำไรได้มากถึง 1.5 แสนล้านบาท
และผลสำรวจจากบริษัท Cube Asia พบว่าผู้ที่ซื้อสินค้าบน TikTok Shop ใช้จ่ายน้อยลงบนแพลตฟอร์ม E-Commerce อื่น ๆ เช่น Shopee ลดลง 51% และบน Lazada ลดลง 45%
เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากที่ฟีเจอร์ E-Commerce เล็ก ๆ บนแพลตฟอร์ม Social Media สามารถดูดลูกค้าจากแพลตฟอร์ม E-Commerce ยักษ์ใหญ่อย่าง Shopee และ Lazada ได้
บทความนี้ของ Techsauce จะพามาหาคำตอบว่าทำไม TikTok ถึงต้องเพิ่มฟีเจอร์ Shop เข้ามาทั้งที่ก็ได้รับความนิยมจากการเป็นแพลตฟอร์ม Social Media อยู่แล้ว รวมถึงไขความลับ 5 เหตุผลหลักที่ทำให้ TikTok Shop เป็นที่นิยมและมีโอกาสไล่ตาม Shopee และ Lazada ทัน !
TikTok เปิดตัวครั้งแรกในปี 2016 และใช้เวลาเพียงแค่ 4 ปีขึ้นแท่นแพลตฟอร์มที่มียอดดาวน์โหลดสูงเป็นอันดับ 1 ในปี 2020
แต่ยิ่งได้รับความนิยมไปทั่วโลกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นเหมือนดาบสองคม ประเทศหลาย ๆ ประเทศเริ่มกังวลถึงภัยคุกคามจากแอปพลิเคชันตัวนี้ เช่น ข้อมูลที่เป็นความลับของประเทศอาจรั่วไหล หรือเนื้อหาภายในแอปอาจเป็นภัยคุกคามต่อประเทศชาติ
ทำให้มีกระแสการแบน TikTok เกิดขึ้นในหลายประเทศ แต่การประกาศแบนของอินเดียในปี 2020 ส่งผลกระทบต่อการเงินของ TikTok มากที่สุด เพราะอินเดียเป็นตลาดนอกจีนที่มีการเติบโตมากที่สุด
ในปี 2019 TikTok ทำเงินจากอินเดียเพียงประเทศเดียวได้ถึง 8,960 ล้านบาท การแบนของอินเดียจึงอาจทำให้ TikTok สูญเสียรายได้มหาศาล ซึ่งการหาตลาดใหม่คือหนทางที่จะทำให้ TikTok อยู่รอด
บริษัท ByteDance จึงสำรวจและพบว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ TikTok ได้รับความนิยมอย่างมากและกลายเป็นแอปที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดในภูมิภาคนี้ จากประเทศต่าง ๆ เช่น อินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งสามารถทำเงินมหาศาลให้บริษัทได้เช่นกัน ทำให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นตลาดแห่งใหม่ที่ ByteDance จะเดินหน้าลงทุนอย่างเต็มตัว
นอกจากนี้บริษัทยังพบว่า ในภูมิภาคนี้นอกเหนือจากผู้ใช้งานทั่วไปแล้ว ธุรกิจกว่า 94% ใช้ TikTok ในการทำการตลาดและขายสินค้า จึงเป็นสิ่งที่จุดประกายให้เกิดฟีเจอร์ TikTok Shop เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันให้เหมาะสมแก่การใช้งานในภูมิภาคนี้มากที่สุด
บริษัทมองว่านอกจากจะเป็นการช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กเพื่อหารายได้เพิ่มเติมแล้ว อาจเป็นหนทางที่สร้างรายได้เพิ่มเติมให้แก่ TikTok เช่นเดียวกัน
จากแพลตฟอร์มที่เอาไว้ลงวิดีโอสั้น ๆ ก้าวมาสู่ E-Marketplace หน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ TikTok มีจุดแข็งอะไรที่ทำให้รุ่นพี่อย่าง Shopee และ Lazada ต้องหนาว ไปดูกัน
ในช่วงแรกของการเปิดตัว TikTok Shop ทางบริษัทไม่ได้เรียกเก็บค่าคอมมิชชันจากร้านค้าเลย เพื่อที่จะดึงดูดให้ร้านค้ามาขายของบน TikTok Shop สินค้าบนแพลตฟอร์มนี้จึงมีราคาถูกกว่าแพลตฟอร์ม E-Commerce อื่น ๆ ผู้ขายโดนหักส่วนแบ่งน้อย ลูกค้าได้ของถูกลง ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ TikTok Shop ติดตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในเวลาอันรวดเร็ว
การซื้อของในไลฟ์สดเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมานานก่อนที่จะมี TikTok Shop เสียอีก เพราะผู้ขายและลูกค้าสามารถพูดคุยสอบถามกันได้แบบ Real Time ตามรายงานของ McKinsey ในปี 2021 เผยว่าลูกค้าจำนวนมากมักจะตัดสินใจซื้อสินค้าจากไลฟ์สด มากกว่าการซื้อของออนไลน์แบบเดิม ๆ
แต่ TikTok Live Shopping มี 2 จุดเด่นสำคัญที่ช่วยดึงดูดผู้คนให้เข้ามาจับจ่ายบนแพลตฟอร์มนี้มากกว่า
ข้อแรก คือ การซื้อขายครบจบในแอปเดียว เพราะใน Live สามารถเชื่อมต่อกับตระกร้าสินค้าจาก TikTok Shop ทำให้ลูกค้าที่ดู Live กดซื้อได้ง่ายผ่านตระกร้าสินค้าหน้า Live ได้เลย ซื้อง่ายขายง่ายและไม่ต้องย้ายไปแพลตฟอร์ม E-Commerce อื่น ๆ
จุดเด่นข้อที่ 2 คือ ส่วนลดพิเศษจากร้านค้าที่มีเฉพาะบน Live ซึ่งส่วนลดเหล่านี้มักจะเยอะกว่าส่วนลดหรือโปรโมชั่นทั่วไป ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าต้อง “ซื้อเดี๋ยวนี้ คิดทีหลัง” นั่นเอง
ที่ผ่านมา TikTok เคยสำรวจเกี่ยวกับ Live Shopping บนแพลตฟอร์มของตนเอง พบว่า 67% ของผู้ใช้งานแอป TikTok กล่าวว่าการดูไลฟ์ช่วยกระตุ้นให้พวกเขาอยากซื้อของ ทั้งที่ไม่ได้วางแผนว่าจะซื้อมาก่อนก็ตาม และหลายธุรกิจเผยว่ามันช่วยเพิ่มยอดขายถึง 74%
TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่มี Influencer อยู่เยอะมาก ซึ่งผู้ติดตามส่วนใหญ่ก็ติดตามจากคลิปที่มีความ Creative หรือการถ่ายทอดเรื่องราวที่สนุกของเหล่าอินฟลู แต่หลังจากเปิดตัว TikTok Shop แล้ว ‘TikTok Influencer Marketing’ ได้กลายมาเป็นจุดแข็งของแพลตฟอร์มด้วยเหตุผลหลักเพียงข้อเดียว คือ มีความจริงใจกว่าการทำโฆษณาแบบเดิม ๆ นั่นเอง
เนื่องจาก TikTok Influencer ส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดาทั่วไป ซึ่งโด่งดังมากจากการทำคลิปและไม่ใช่ดารา ทำให้สามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้แบบจริงใจ จึงไม่ดูเหมือนเป็นการโฆษณา
การเป็นแอปพลิเคชันสำหรับลงคลิปวิดีโอสั้น ๆ ที่มีภาพลักษณ์สนุกสนานและตลก ยิ่งทำให้ TikTok มีศักยภาพมากพอที่จะสร้างสรรค์คลิปวิดีโอ Creative เพื่อใช้โปรโมตสินค้า เช่น เอกเฟ็กต์ต่าง ๆ ในการทำคลิป หรือเพลงที่กำลังเป็นกระแส เพราะยิ่งสนุกและยิ่งตลกก็สามารถดึงดูดให้คนเข้ามาดูได้เยอะ ซึ่งต่างจาก Shopee และ Lazada ที่จะมีเพียงรูปภาพสินค้าหรือวิดีโอสั้น ๆ ถ่ายดีเทลของสินค้าเท่านั้น
คลิปวิดีโอโปรโมตสินค้าบน TikTok ส่วนมากก็มักจะเป็นการโชว์ถึงวิธีใช้งานแบบสร้างสรรค์ ทำคอนเทนต์เกาะกระแสเพลงฮิต หรือคอนเทนต์ตลก ๆ ทำให้คนดูสนุกและไม่รู้สึกถูกยัดเยียดเหมือนการดูโฆษณา รวมถึงอาจขายได้เนียน ๆ เพราะคนดูจนจบ ซึ่งธุรกิจถึง 94% เผยว่าการทำคอนเทนต์ลง TikTok ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับพวกเขามากกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ
ด้วยพื้นฐานที่เป็นแพลตฟอร์ม Social Media ทำให้คอนเทนต์บน TikTok เป็นกระแสได้ง่ายและเข้าถึงคนได้จำนวนมาก ถ้าหากคลิปที่คุณทำเกิดเป็นกระแสขึ้นมา Creator คนอื่น ๆ บน TikTok ก็สามารถทำคลิป Reply ต่อไปได้เรื่อย ๆ ถ้าในแง่ของการขายของก็เหมือนกับการได้พื้นที่โฆษณาฟรี
เป็นจุดที่ทำให้ TikTok ครองใจธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง เพราะธุรกิจเหล่านี้อาจจะไม่มีทุนมากพอที่จะจ้างคนมีชื่อเสียงมาทำการตลาดให้ แต่เพียงแค่ทำคลิปลง TikTok ก็มีโอกาสสูงที่ธุรกิจของพวกเขาจะกลายเป็นกระแสและเพิ่มยอดขายโดยไม่ต้องเพิ่มต้นทุน จากสำรวจพบว่าธุรกิจกว่า 96% มีลูกค้าเพิ่มขึ้นเพราะทำการตลาดผ่าน TikTok
ในปัจจุบันแม้ว่า Shopee และ Lazada ยังครองตลาดแพลตฟอร์ม E-Commerce ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อยู่ แต่ในงาน TikTok Southeast Asia Impact Forum 2023 ที่ผ่านมา TikTok ประกาศลงทุน 12.2 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือและผลักดันให้เศรษฐกิจ SEA เติบโต ด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชันและเพิ่มฟีเจอร์เพื่อช่วยเหลือธุรกิจที่ทำการตลาดบน TikTok เช่น
นอกจากนี้ TikTok ยังร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรกว่า 25 แห่งทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ มีโอกาสเข้าถึงผู้บริโภคยุคดิจิทัลรายใหม่ ๆ สิ่งเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการเดินหน้า TikTok ในฐานะแพลตฟอร์ม E-commerce น้องใหม่ พร้อมจุดแข็งของ TikTok Shop ที่เป็นการผสมผสานระหว่าง Social Media และ E-marketplace ซึ่งอาจจะมีศักยภาพมากพอที่จะไล่ตาม Shopee และ Lazada ภายในไม่กี่ปีข้างหน้านี้ก็ได้
อ้างอิง: businessinsider, marketeeronline, seaimpactforum, cnbc, shopify
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด