เมื่อลองย้อนกลับไปดู ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าปี 2017 ที่เพิ่งผ่านไปนั้นเป็นปีทองของ Blockchain และ เงินดิจิทัลอย่างแท้จริง โดย Bitcoin โตจาก 950 ดอลลาร์ในช่วงต้นปี จนแตะ 20,000 ดอลลาร์ในช่วงปลายปีเลยทีเดียว
มูลค่ารวมของเงินดิจิทัลในตลาดแตะ 6 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคม 2017
ICO ก็เติบโตควบคู่ไม่แพ้กัน โดยเมื่อเทียบกับปี 2016 ที่มีเพียง หนึ่งหรือสองโปรเจคต่ออาทิตย์ กลายเป็นกว่า 12 โปรเจคต่ออาทิตย์ในปี 2017
Cointelegraph ได้จัดอันดับบริษัท Blockchain เอาไว้ ว่ามีใครบ้างที่เติบโตและมาแรงในปีที่ผ่านมา
Ethereum เป็นแพลตฟอร์มกระจายศูนย์ที่ทำงานบน smart contracts ช่วยให้เกิดการดำเนินการโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้คนเลย
โดยมี Vitalik Buterin ผู้ชนะจากงาน World Technology Award 2014 และ Jeffrey Wilcke อดีตรองประธานกรรมการบริษัท Amazon ร่วมพัฒนา Ethereum ขึ้นมาเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2015
3 ใน 4 ของโปรเจคในปี 2017 ต่างดำเนินการบนแพลตฟอร์มของ Ethereum ทำให้ Ethereum กลายเป็น ICO ที่เป็นที่นิยมที่สุดในตลอดปีที่ผ่านมา กว่า 13 ล้านคนทั่วโลกใช้บริการของ Ethereum และ ETH token ถือว่าเป็นเงินดิจิทัลอันดับสามรองจาก Bitcoin และ Ripple
Bloomberg ได้จัด Vitalik Buterin ให้เป็นหนึ่งใน 50 บุคคลทรงอิทธิพลแห่งปีอีกด้วย
IOTA ไม่มี transaction fees และดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ แม้ว่าจะมีจำนวนการทำธุรกรรมเกิดขึ้นมาก ด้วยโมเดลเทคโนโลยีที่เรียกว่า 'Tangle' ที่ไม่มี blocks หรือ miners โปรเจค IOTA เริ่มเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2016 โดย David Sønstebø และ Dominik Schiener
เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2017 IOTA ได้ร่วมพาร์ทเนอร์กับ PwC Microsoft และ Deutsche Telekom เพื่อโปรแกรมสร้างรายได้จากข้อมูล นอกจากนี้ IOTA ยังได้รับเงินลงทุนขนาดใหญ่จาก Bosch Group อีกด้วย
ข้อมูลจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2017 IOTA มีผู้ใช้กว่า 65,000 คน
Coinbase ถือเป็นหนึ่งแพลตฟอร์มและ wallet เงินดิจิทัลอันดับต้นๆ สำหรับการแลกเปลี่ยน โดยเมื่อ Coinbase ประกาศ support Bitcoin Cash ได้ส่งผลกระทบต่อราคา BCH อย่างเห็นได้ชัด แพลตฟอร์มของ Coinbase เป็นหนึ่งในสามของโปรเจค blockchain ที่ได้รับ BitLicense ซึ่งเป็นใบอนุญาตจาก New York State Department of Financial Services ในปี 2016 และได้เปลี่ยนเป็น GDAX (The Global Digital Asset Exchange)
ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยน Bitcoin แห่งแรกที่ได้ license ในอเมริกา ทำให้เป็นแพลตฟอร์มที่มีความน่าเชื่อถือจากการได้รับการกำกับดูแลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์อย่างใกล้ชิด
Coinbase ก่อตั้งโดย Brian Armstrong กับ Fred Ehrsam อดีต Trader ที่ Goldman Sachs ในปี 2011
ปัจจุบัน GDAX มีผู้ใช้อยู่มากกว่า 13 ล้านคน
Ripple เป็นบริษัทที่เข้ามาแก้ปัญหาการโอนเงินต่างประเทศระหว่างธนาคาร โดยก่อตั้งเมื่อปี 2012 ปัจจุบัน Ripple ร่วมกับธนาคารกว่า 75 แห่งทั่วโลก โดยธนาคารเหล่านี้ต่างทดลองใช้ระบบและเทคโนโลยีของ Ripple กับระบบ payment ภายใน
เมื่อเดือนธันวาคม 2017 Ripple ประกาศว่าธนาคารในญี่ปุ่นและเกาหลีได้เริ่มทดลองระบบ Blockchain ในการจ่ายเงินระหว่างธนาคารต่างประเทศให้ถูกลง
Ripple ก่อตั้งในปี 2012 โดย Brad Garlinghouse อดีตรองประธานกรรมการ Yahoo! และ Stefan Thomas
Brave เป็น web browser ที่ป้องกันโฆษณา ซึ่งทำให้เว็บไซต์ทำงานเร็วขึ้น ช่วยลดเวลาและลดเงินได้ นอกจากนี้ยังไม่มี malware ที่มากับโฆษณาที่เราอาจเผลอคลิ๊กไปโดนได้
Brendan Eich ผู้สร้างภาษาบน JavaScript และ ผู้ร่วมก่อตั้ง Mozilla กับ Brian R. Bondy ผู้ชนะจาก Microsoft MVP Award for Visual C++ ปี 2010-2011 ร่วมกันพัฒนา Brave ขึ้นมาในเดือนพฤษภาคม ปี 2017
จากการคาดคะเนแบบคร่าวๆ Brave มีผู้ใช้ประมาณ 2-3 ล้านคน และถือเป็นหนึ่งใน ICO ที่เร็วที่สุด โดยระดมทุนได้ถึง 35 ล้านดอลลาร์ภายใน 27 วินาที
Qtum เป็น Blockchain แพลตฟอร์มสัญชาติจีน ซึ่งมี Account Abstraction Layer เชื่อมต่อให้ Bitcoin Core ทำงานบน Ethereum Virtual Machine ได้อย่างปกติ
Qtum ก่อตั้งโดย Patrick Dai, Neil Mahi และ Jordan Earls เมื่อเดือนมีนาคมปี 2017 มีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนการสร้าง application ต่างๆในด้านธุรกิจ มีเครื่องมืออำนวยความสะดวกสำหรับสร้าง Dapps (Decentralized Application) บนระบบ Blockchain
ล่าสุดวันที่ 28 ธันวาคม 2017 Qtum ประกาศเป็นพาร์ทเนอร์กับ Baofeng แพลตฟอร์ม vdo ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน เพื่อร่วมกันพัฒนาวงการเพลงและภาพยนตร์
เดือนมิถุนายน 2017 Jun Hasegawa และ Donnie Harinsut ร่วมกันพัฒนา OmiseGO มาพร้อมแนวคิดสามารถแลกเปลี่ยนเงินหรืออะไรก็ตามที่มีมูลค่า โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลางอย่างธนาคาร โดย OmiseGo จะใช้ token ที่ชื่อ OMG เป็น Cryptocurrency ของเครือข่ายนี้ และมี Vitalik Buterin Founder แห่ง Ethereum มานั่งเป็นที่ปรึกษาอีกด้วย
ในเดือนสิงหาคม 2017 OmiseGO กลายเป็น token บนที่พัฒนาบน Ethereum อันแรกที่มีมูลค่าสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์
Steem เป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่ตั้งบนระบบ Blockchain โดยผู้ใช้จะได้รางวัลจากจำนวนการ ‘like’ หรือการแสดงความคิดเห็นบนโพสต์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้พัฒนาศักยภาพของตัวเอง หาเงินจากการโพสต์ และสามารถสร้าง token ใหม่ในระบบขึ้น เพื่อระดมทุนได้ด้วย
Ned Scott และ Dan Larimer ปล่อย Steemit ในเดือนกรกฎาคม 2016 และ ปัจจุบันมีผู้ใช้ประมาณ 500,000 คน
Augur เป็น decentralized platform สำหรับคาดคะเนเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ให้ผู้คนสามารถลงทุนในการคาดคะเนได้ด้วยตัวเอง Augur เป็นระบบที่อยู่บน Ethereum ซึ่งมี smart contract ช่วยดำเนินการด้าน payment และเนื่องจากใช้ระบบ blockchain ก็จะไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงการคาดคะเนทีหลังได้
Augur ถูกปล่อยมาเมื่อเดือนสิงหาคม 2015 โดย Jack Peterson และ Joey Krug นักลงทุน และ Co-Chief Investment Officer แห่ง Pantera Capital
Golem เป็น ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยี blockchain ระบบคือการยืมคอมพิวเตอร์จากผู้ใช้ เปรียบเสมือนกับ Airbnb สำหรับคอมพิวเตอร์ ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรม ที่ต้องใช้การคำนวน big data, DNA analysis, Cryptography, Machine learning, biology และอื่นๆ ที่มากขึ้น
Golem สร้างโดย Julian Zawistowski และ Piotr Janiuk ในปี 2016 และปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้แตะ 4 ล้านคน
อ้างอิงภาพและเนื้อหา Cointelegraph
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด