
เทคโนโลยีดิจิทัลได้ทลายกำแพงและสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับการแข่งขันทางธุรกิจ การเป็นเพียงผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร (Connectivity) ไม่เพียงพอที่จะสร้างความได้เปรียบที่ยั่งยืนอีกต่อไป ท่ามกลางบริบทนี้ True Business หน่วยงานที่ดูแลกลุ่มลูกค้าองค์กรของ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้จัดเวทีเสวนาพิเศษเพื่อเปิดวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญภายใต้แนวคิด “Go Beyond Connectivity” โดยมี ดร. ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกลุ่มธุรกิจองค์กร และ คุณตฤณ สิทธิอนันต์วงศ์ หัวหน้าสายงานการพาณิชย์ด้านกลุ่มธุรกิจองค์กร เป็นผู้ถ่ายทอดภาพอนาคตที่ True Business จะไม่ได้เป็นแค่ผู้ให้บริการ แต่จะก้าวขึ้นเป็น 'เพื่อนคู่คิดที่ได้รับความไว้วางใจ' (Trusted Partner) ที่พร้อมจะนำพาธุรกิจไทยทุกขนาด ตั้งแต่ผู้ประกอบการรายย่อย, ธุรกิจขนาดกลาง ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ให้สามารถปลดล็อกศักยภาพและเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Solutions) และปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ดร.ธีรเดช ได้เปิดฉากด้วยการวิเคราะห์ภาพรวมตลาดโทรคมนาคมสำหรับองค์กรในประเทศไทย ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลกว่า 1 แสนล้านบาท และยังคงมีศักยภาพเติบโตเฉลี่ย 4.3% ต่อปี แต่หัวใจของการเติบโตในระลอกใหม่นี้ จะไม่ได้มาจากการขยายโครงข่ายเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการสร้างมูลค่าเพิ่มบนโครงข่ายนั้น
“วิสัยทัศน์ของเราคือการปฏิวัติตัวเอง จากการเป็นผู้เล่นในเกมโครงสร้างพื้นฐาน หรือ ‘Infrastructure Plays’ ไปสู่การเป็นผู้เล่นในเกมแห่งความฉลาด หรือ ‘Intelligence Plays’” ดร.ธีรเดชเน้นย้ำ “เราไม่ได้มีเป้าหมายแค่การปฏิวัติองค์กรทรู แต่เรามีความทะเยอทะยานที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปฏิวัติภาคธุรกิจของประเทศไทย และขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า นี่คือภารกิจที่ใหญ่กว่าตัวเรา”
แนวคิดนี้คือการเปลี่ยนจากการมองว่า ‘การเชื่อมต่อ’ เป็นจุดสิ้นสุดของการบริการ มาเป็นการมองว่ามันคือ ‘จุดเริ่มต้น’ ของความเป็นไปได้ที่ไม่สิ้นสุด ที่จะนำข้อมูลมหาศาลที่วิ่งอยู่บนเครือข่ายมาสร้างเป็นองค์ความรู้และโซลูชันอัจฉริยะ

กลยุทธ์ใหม่นี้ถูกสร้างขึ้นบนเสาหลัก 4 ประการ ที่จะทำงานประสานกันเพื่อสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและชาญฉลาด
ความท้าทายอันดับต้นๆ ขององค์กรในปัจจุบันคือ ข้อมูลที่กระจัดกระจายอยู่ในไซโล (Silo) ทำให้ไม่สามารถมองเห็นภาพรวมของลูกค้าได้อย่างแท้จริง True Business จึงนำเสนอแนวคิด 'Data Singularity' ซึ่งเปรียบเสมือนการสร้างภาพ 360 องศาของลูกค้า ด้วยการหลอมรวมข้อมูลจาก 2 มิติสำคัญ
“ลองนึกภาพตามนะครับ สมมติว่าคุณเป็นผู้ผลิตน้ำปลา ข้อมูลที่คุณมีคือใครซื้อน้ำปลาของคุณบ้าง (Inside-Out) แต่เราสามารถเติมเต็มภาพให้สมบูรณ์ขึ้นได้ด้วยการบอกว่า คนที่ซื้อน้ำปลาของคุณ เขายังสนใจอะไรอีกบ้าง เขาทานข้าวนอกบ้านที่ร้านไหน หรือใช้แอปพลิเคชันอะไรเป็นประจำ (Outside-In) เมื่อนำข้อมูลสองส่วนนี้มาประกอบกัน คุณจะเห็นภาพลูกค้าที่ชัดเจนและสมบูรณ์แบบ (Single View of Customer) ซึ่งนำไปสู่การสร้างแคมเปญการตลาดที่ตรงจุด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ หรือแม้แต่การหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่คุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อน” ดร. ธีรเดช ยกตัวอย่าง
ในยุคที่ข้อมูลมีมูลค่ามหาศาล ความปลอดภัยของข้อมูล (Cybersecurity) ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือความจำเป็น True Business ตระหนักดีถึงความสำคัญนี้และได้ลงทุนสร้างระบบรักษาความปลอดภัยระดับโลก (World-Class Security) ที่สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) อย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจว่าข้อมูลจะถูกจัดเก็บและใช้งานอย่างปลอดภัย โดยอยู่บนพื้นฐานของความยินยอม (Consent) จากผู้บริโภคเสมอ
AI คือเครื่องมือสำคัญที่จะเปลี่ยนข้อมูลดิบให้กลายเป็นความได้เปรียบในการแข่งขัน True Business ได้นำ AI และระบบอัตโนมัติมาประยุกต์ใช้ในหลากหลายมิติ เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับอุตสาหกรรมต่างๆ
True Business ไม่ได้มองว่าตัวเองจะสร้างทุกอย่างได้เพียงลำพัง แต่เชื่อในพลังของความร่วมมือ (Collaboration) โดยพร้อมจับมือกับพันธมิตรระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่อย่าง Microsoft, Google, AWS หรือพันธมิตรในประเทศที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น True Money เพื่อสร้างโซลูชันที่ครบวงจรและดีที่สุดสำหรับลูกค้า
คุณตฤณ ได้เจาะลึกถึงการเปลี่ยนแปลงในวิธีการทำงานและการเข้าถึงลูกค้า โดยจะเปลี่ยนจากการขายผลิตภัณฑ์ (Product) เป็นชิ้นๆ มาเป็นการนำเสนอโซลูชัน (Solution) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาทางธุรกิจโดยเฉพาะ (Consultative Approach)
“สมัยก่อนเราอาจจะเข้าไปหาลูกค้าแล้วถามว่า ‘พี่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วเท่าไหร่’ หรือ ‘มีบริการโทรศัพท์หรือไม่’ แต่วันนี้บทสนทนาจะเปลี่ยนไป เราจะเริ่มต้นด้วยคำถามที่ว่า ‘Pain Point ของธุรกิจพี่คืออะไร’ หรือ ‘เป้าหมายการเติบโตของพี่คืออะไร’ จากนั้นเราจะทำหน้าที่เหมือนที่ปรึกษา นำเสนอโซลูชันที่ผสมผสานทั้ง Connectivity, Cloud, AI และ Cybersecurity เข้าด้วยกัน เพื่อแก้ปัญหาและสร้างการเติบโตให้ธุรกิจของเขาอย่างแท้จริง”
นอกจากนี้ True Business ยังได้เปลี่ยนมุมมองต่อลูกค้า SME ใหม่ โดยเรียกว่า Emerging Segment หรือกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถเติบโตเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ได้ในอนาคต

วิสัยทัศน์ของ True Business ไปไกลกว่าการเติบโตขององค์กร แต่คือการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ดร.ธีรเดชอ้างอิงข้อมูลที่ว่า AI สามารถสร้างการเติบโตให้ GDP ได้ถึง 14% และตั้งเป้าที่จะเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยไม่ตกขบวนรถไฟแห่งเทคโนโลยีนี้
"เราอยากเป็น ‘ทีมประเทศไทย’ (Thailand Team) เราอยากเห็นธุรกิจไทยแข็งแกร่ง เราอยากสร้าง Digital Literacy ให้คนไทยไม่ใช่แค่รับรู้ (Aware) แต่สามารถใช้งานเป็นและต่อยอดได้ (Usage & Continuity) เพราะท้ายที่สุดแล้ว คน (People) คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนทุกสิ่ง" ดร.ธีรเดชกล่าวปิดท้าย
Go Beyond Connectivity ของ True Business ไม่ใช่เป็นเพียงการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ แต่คือการประกาศจุดยืนครั้งสำคัญในการเปลี่ยนบทบาทจากผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน สู่การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ใช้ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์เป็นเข็มทิศในการนำทาง ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย นี่คือการเดิมพันครั้งใหญ่ที่ไม่ได้วัดผลแค่ตัวเลขทางธุรกิจ แต่ยังรวมถึงการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจไทยทั้งหมด ให้พร้อมทะยานสู่เวทีโลกได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด