ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเป็นสิ่งหนึ่งที่เข้ามาขับเคลื่อนให้ธุรกิจรูปแบบใหม่ต่าง ๆ เกิดขึ้น และนำมาซึ่งพร้อม ความต้องของแรงงามที่ต้องเปี่ยมไปด้วยทักษะที่เข้ากับยุคสมัย คนรุ่นใหม่จึงต้องมีความพร้อมด้านพื้นฐานอย่างครบถ้วนในการต่อยอดศักยภาพและพัฒนาประเทศนี้ให้ไปต่อได้ โดย WEDO หน่วยงาน Digital Office ของ SCG เห็นถึงความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก จึงมีวิสัยทัศน์ในการสร้าง Talent แห่งยุคผ่านการจัดโครงการ “WEDO Young Talent Program”
และจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 แล้ว โดยบทความนี้จะพาไปเจาะลึกมุมมองให้มากขึ้นกับกิจกรรม Hell Day 2023 และเปิดแนวคิดกับ คุณอภิรัตน์ หวานชะเอม Chief Digital Officer แห่ง SCG WEDO ที่จะช่วยจุดประกายน้องๆ เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการในการผลักดันไอเดียให้เกิดนวัตกรรมสร้างสรรค์ และพัฒนาศักยภาพของตัวเองให้ก้าวสู่การเป็น ‘นวัตกร’ ของประเทศไทย
สำหรับกิจกรรม WEDO Young Talent Hell Day 2023 ในปีนี้ มาในธีมที่มีชื่อว่า Everest (N)everest ที่ให้น้อง ๆ เยาวชนร่วมพิชิตยอดเขา Everest ไปกับโครงการ ในช่วง Hell Day (N)everest หรือ Death Zone สุดอันตราย ที่ทุกคนต้องอดทนต่อความเย็นยะเยือกของสภาพแวดล้อม ความแข็งแกร่งของจิตใจและร่างกาย เพื่อเอาชีวิตรอดสู่การเป็น 'ตัวจริง' ของ YTP2023 โดยแนวคิด Hell Day นี้เปรียบเสมือนการออดิชั่น เพื่อมองหา Passion และความท้าทายของน้อง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ โดยผนวกเข้ากับธีมของความท้าทายอย่างยิ่งยวดจึงเป็นเรื่องราวของธีมเอเวอเรสต์ที่ไปได้ยากและต้องใช้ความอดทน ความแข็งแรง กำลังใจอย่างสูงสุด และมาปรับมุมมองให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น เมื่อยอดเขาไม่อยู่ที่เขาแต่อยู่ที่เรา เพื่อให้รู้สึกว่าชีวิตของน้องๆ หลายๆ คน ที่ถึงแม้จะมีเป้าหมายในใจที่ไปไม่ถึง กิจกรรมนี้จึงอยากชวนคิดว่าทุกคนไปถึงได้ ไม่ว่าเป้าหมายจะเป็นอะไร ไม่ได้อยู่ที่คนอื่นจะมาบอก แต่อยู่ที่ตัวน้อง ๆ มากกว่า ปีนี้เลยเลือกใช้ธีมนี้ มาเล่นกับคำว่า Never rest ที่ไม่ได้พักผ่อนตลอด 24 ชั่วโมงของกิจกรรมนี้ด้วยนั่นเอง
สำหรับกิจกรรม Hell Day นี้ อยากให้น้องๆ ในโครงการได้รู้ตัวเองก่อนว่าการทำนวัตกรรมนั้นเหมาะสมสำหรับตัวเองรึเปล่า ซึ่งตลอด 24 ชั่วโมงที่เกิดขึ้นจะเป็นการจำลองสิ่งที่น้อง ๆ ต้องเจอในการทำนวัตกรรม เพื่อให้น้องได้รู้ตัวเองและเกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นวัตกรรมได้ โดยทีม WEDO ได้สร้างสถานการณ์ที่ไม่เคยเจอในชีวิต เพื่อดึงศักยภาพทางร่างกาย จิตใจ และความคิดให้กับน้อง ๆ ผู้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งสิ่งที่โครงการมองหาในตัวของผู้เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้คือ 3 Dee สูตรพิเศษสำหรับ WEDO ที่เชื่อได้ว่ามีความสำคัญสำหรับการเป็นนวัตกร ได้แก่ Mindset Dee Skill Set Dee และ Contribution Dee
ในกิจกรรม Hell Day พี่อาร์ทกล่าวว่าโครงการยังไม่ได้วัดเรื่อง skillset เท่าไหร่ แต่เราออกแบบเพื่อวัด mindset ของการเป็นนวัตกร เช่น Collaborative mindset , Inclusive mindset มองแล้วเห็นภาพในทุกมุมจริงไหม อีกอย่างหนึ่งคือ Outward mindset มีศักยภาพในการรับฟังคนอื่นไหม Optimism เป็นคนที่สามารถมองเห็นโอกาสในอุปสรรคต่างๆได้ไหม และอันสุดท้ายคือเรื่อง Creativity ว่าสามารถตีความเรื่องความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างไร ซึ่ง WEDO นำมาสร้างเป็นกิจกรรมตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อค้นหาเยาวชนที่มี mindset เหล่านี้
โครงการนี้จะแบ่งเป็นสามช่วงคือ บูทแคมป์ แล้วคัดเลือกมาสู่ Hell Day และเข้ามาสู่ Hell Weeks 13 อาทิตย์ ในการทำนวัตกรรมจริง ๆ โดยน้อง ๆ จะได้รับความรู้ ไปต่อยอดในการทำสตาร์ทอัพเองหรือจะเข้าไปอยู่ในองค์กรต่าง ๆ เพื่อสร้างนวัตกรรมก็ได้ แน่นอนเลยสำหรับน้องๆ ที่เข้าสู่ Hell Weeks จะได้รับโอกาสในการทำงาน แม้จะเป็นโครงการสร้างนวัตกรรม แต่ทาง WEDO ก็ได้รับไอเดียใหม่ๆ ในการต่อยอด ซึ่งตอนนี้ก็มี 2-3 โครงการที่ต่อยอดเป็นธุรกิจจริง ๆ โดยมีพี่ ๆ จากทาง WEDO มาช่วยโค้ช
จากปีแรกจะมีโครงการหนึ่งคือ Brain Computer Interface ที่นำมาใช้กับผู้ป่วยติดเตียง ในการใช้คลื่นสมองสั่งการโดยไม่ต้องพึ่งคนมาช่วย โดยสามารถสื่อสารเองได้ ซึ่งตอนนี้กำลังทำ POC ทดลองใช้กับกลุ่มโรงพยาบาลที่เป็นพาร์ทเนอร์ อีกหนึ่งโครงการคือ MePlug นวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นในด้านโครงสร้างพื้นฐานของรถไฟฟ้า ที่ผู้ใช้รถ EV สามารถใช้ Portable charger ชาร์จได้อย่างปลอดภัยในคอนโดมิเนียม โดยไม่กระทบกับกลุ่มที่ไม่ได้ใช้รถไฟฟ้า และโครงการล่าสุด Neverfall มีแนวคิดในการใช้ศาสตร์การป้องกัน ในการพัฒนานวัตกรรม Computer Vision วัดความเสี่ยงในการพลัดตกและหกล้มของผู้สูงอายุภายใต้คอนเซ็ปต์ Never Fall Experience
โครงการ Young Talent นี้ มุ่งเน้นไปที่การสร้างนวัตกร ส่วนนวัตกรรมเป็นผลพลอยได้ ในทางกลับกันโครงการนี้อยากให้น้องๆ เยาวชนได้ศึกษาตัวเองว่ามีศักยภาพและความเหมาะสมแค่ไหน เพราะในกิจกรรม Hell Day เป็นเรื่องของน้องๆ โดยตรง ไม่ใช่เรื่องของนวัตกรรมด้วยซ้ำ แต่เพื่อวัด Collaboration Creativity ทาง WEDO ก็ให้โจทย์เชิงนวัตกรรม ซึ่งสิ่งที่จะทำให้นวัตกรรมเกิดความสำเร็จได้ คือต้องมี Desirability คือนวัตกรรมต้องเป็นที่ต้องการเสียก่อน Practicality คือสามารถทำได้จริง Feasibility คือสร้างกำไรได้จริงอย่างยั่งยืน โดยเราอยากรู้ว่าน้อง ๆ เข้าใจโจทย์มากน้อยแค่ไหน
ซึ่งจะมุ่งเน้นใน Desirability เสียก่อนว่าน้อง ๆ จะสามารถนำเทคโนโลยีหรือความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ มาตอบโจทย์ Persona ที่ตั้งไว้ได้มากน้อยแค่ไหน จึงเป็นคะแนน 5 ด้านในการใช้ค้นหานวัตกร นั่นคือ Empathize เข้าใจผู้ใช้มากน้อยแค่ไหน Value proposition canvas ว่านำไอเดียที่สร้างได้มูลค่าได้มากน้อยแค่ไหน Ideation การนำเสนอไอเดีย Digitization การเอาไอเดียมาประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีตอบโจทย์ได้มากขึ้น และคะแนนสุดท้ายคือ Storytelling เพราะนวัตกรต้องขายไอเดียให้คนอยากใช้ อยากลงทุนได้ การแสดงวิสัยทัศน์จึงเป็นคุณสมบัติที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง
คุณอภิรัตน์กล่าวว่า
“สำหรับเยาวชนรุ่นใหม่ที่อยากประสบความสำเร็จเร็ว ต้องมองให้ออกว่า ความสำเร็จ และ ความเร็วคืออะไร แต่ถ้ามาที่ WEDO จะรู้ว่าความสำเร็จที่น้องๆ มองหาคืออะไร ได้เงินเดือนสูง ตำแหน่งงานมั่นคง หรือว่าได้ทำนวัตกรรมที่ทำให้ชีวิตคนดีขึ้น นั่นคือความสำเร็จหรือเปล่า ซึ่งเราไม่มีคำตอบให้ แต่ WEDO เรามีวิธีการและให้น้อง ๆ หาคำตอบได้ เรามีเทคโนโลยี มีพี่ ๆ คอยโค้ช มีรูปแบบธุรกิจที่จะเปลี่ยนคำถามเหล่านั้นให้เป็นรูปธรรมของความสำเร็จได้ ส่วนจะเร็วหรือช้า น้อง ๆ จะตอบได้ด้วยตัวเอง โดยเรามี Framework ที่เมื่อน้อง ๆ เข้ามาแล้วจะสามารถรู้ได้เองว่าจะต้องใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ในการทำให้ความสำเร็จนั้นเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมให้ได้”
สำหรับ WEDO นั้นการสร้าง Talent ยุคใหม่ไม่ได้มองเพียงเรื่องขององค์กรเท่านั้น แต่มองถึงการต่อยอดพัฒนาไปในระดับประเทศ จึงมุ่งเน้นไปที่เยาวชน ที่อยากก้าวเข้าสู่การเป็นนวัตกรด้วย และนี่เป็นเพียงบทสรุปภาพรวมของงาน ‘Hell Day 2023’ เท่านั้น ยังมีอีกหลากหลายประเด็นน่าสนใจให้ทุกท่านได้ติดตามกันต่อกับ ‘Hell Weeks’ ทั้ง 13 สัปดาห์กับ WEDO โดยสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ WEDO Fanpage
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด