Cultivated meat อาหารแห่งอนาคต ปลูกเนื้อสัตว์ได้เหมือนปลูกต้นไม้ | Techsauce

Cultivated meat อาหารแห่งอนาคต ปลูกเนื้อสัตว์ได้เหมือนปลูกต้นไม้

ในอนาคตคนทั้งโลกอาจต้องกินเนื้อสัตว์จากห้องทดลอง เพราะจะไม่มีเนื้อสัตว์จริงๆ ที่ส่งตรงจากฟาร์มให้กินอีกแล้ว ! ตอนนี้โลกของเรามีสิ่งที่เรียกว่า Cultivated meat หรือเนื้อสัตว์ที่ผลิตออกมาจากห้องแล็บ ที่ไม่ใช่ Plant-based หรือเนื้อสังเคราะห์ แต่เป็นเนื้อสัตว์จริง ๆ ที่เหมือนกันยันระดับเซลล์ !

Cultivated meat คืออะไร

Cultivated Meat คือ เนื้อสัตว์ที่ได้มาจากกระบวนการเลียนแบบการสร้างเซลล์และเนื้อเยื่อ โดยนักวิจัยจะใช้สิ่งที่เรียกว่า “สเต็มเซลล์” ซึ่งมีอยู่ในทุก ๆ เนื้อเยื่อหรือกล้ามเนื้อของสัตว์มาเพาะเลี้ยง

เนื้อสัตว์จาก Biotech สุดล้ำเพาะเลี้ยงยังไง ?

เริ่มจากการเอาสเต็มเซลล์จากกล้ามเนื้อหรือเนื้อเยื่อของสัตว์มาและนำไปเพาะเลี้ยงต่อใน Bioreactor (อุปกรณ์คล้ายโหลวิทยาศาสตร์) ใช้สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การตื่นตัวทางชีวภาพ ทำงานโดยอาศัยการให้อาหารและควบคุมสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของสเต็มเซลล์

โดยสเต็มเซลล์สามารถเติบโตและแบ่งเซลล์ได้มากกว่า 1 ล้านล้านเซลล์ ซึ่งเซลล์เหล่านี้จะเพิ่มปริมาณขึ้นเพื่อพัฒนาต่อเป็นกล้ามเนื้อและไขมัน จนออกมาเป็นเนื้อสัตว์ที่มีสัดส่วนของเนื้อและไขมันเหมือนกับที่ได้มาจากสัตว์จริง ๆ กระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณ 2-8 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับชนิดของเนื้อสัตว์

อาจเรียกได้ว่า มนุษย์สามารถเพาะปลูกเนื้อสัตว์ได้เหมือนกับการปลูกต้นไม้แล้ว เพราะการใช้สเต็มเซลล์ก็คล้ายการใช้เมล็ดพันธุ์ ฝังลงโหล Bioreactor แทนการฝังลงดิน และคอยดูแลปรับสภาพแวดล้อมภายในโหลและให้อาหารเพื่อให้สเต็มเซลล์เติบโตจนกลายเป็นเนื้อสัตว์ชิ้น ๆ ที่เรากินกัน ซึ่งไม่ต่างจากการเฝ้ารดน้ำพรวนดินเพื่อรอผลผลิตจากต้นไม้เลยสักนิด

รู้จักกับ Cultivated meat ชิ้นแรกของโลก

การทำเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงไม่ได้เพิ่งมีในไม่กี่ปีนี้ แต่มีมาเป็น 10 ปีแล้ว เพราะในปี 2013 Mark Post นักวิจัยชาวเนเธอแลนด์จากมหาวิทยาลัยมาสทริชท์ และยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Mosa Meat (โมซามีท) ซึ่งเป็นบริษัทแรก ๆ ที่ผลิตเนื้อสัตว์จากการเพาะเลี้ยง 

เขาได้เปิดตัวเนื้อเบอร์เกอร์ที่ได้มาจากการเพาะเลี้ยงชิ้นแรกของโลก แม้ว่าจะมีกระบวนการที่ยุ่งยากกว่าการเลี้ยงสัตว์ แล้วนำไปโรงเชือด แต่ Post ก็เลือกที่จะวิจัยการเพาะเลี้ยงเนื้อสัตว์นี้ จนหลายคนตั้งคำถามว่า อะไรคือแรงบันดาลใจแรกที่ทำให้เกิด Cultivated meat ชิ้นแรกของโลก ?

กำเนิด Cultivated meat 

จากคำถามที่ว่า เนื้อสัตว์ที่เราเห็นวางขายตามตลาดหรือ Supermarket เราเคยตั้งคำถามไหมว่า มันมาจากไหน ต้องอาศัยการขยายพันธุ์สัตว์มากมายแค่ไหนเพื่อเลี้ยงคนทั้งโลก 

Post รู้ว่าเนื้อสัตว์ที่วางขายในปัจจุบันล้วนมาจากการทำปศุสัตว์ทั้งนั้น และพบว่าการเลี้ยงสัตว์จำนวนมากขนาดนี้ ไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เพราะการปล่อยของเสียจากสัตว์จะปล่อยก๊าซพิษที่เรียกว่า มีเทน ออกสู่อากาศไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกอันดับที่ 2 รองจากคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำให้โลกร้อนได้มากที่สุด

จากสำรวจพบว่าอุตสาหกรรมปศุสัตว์ทั่วโลกปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 57% แล้วเราจะแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ยังไง ถ้าคนยังต้องกิน แต่ทำปศุสัตว์แบบเดิมต่อไปก็ไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

นอกจากปัจจัยหลักด้านบนแล้ว นักวิชาการบางส่วนก็คาดการณ์ว่าในปี 2050 ซึ่งเป็นปีที่ทั้งโลกตั้งเป้าจะ Net Zero จะมีประชากรโลกเพิ่มมากขึ้นถึง 9.6 พันล้านคน และเมื่อประชากรเพิ่มขึ้นอาหารก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วย แต่ถ้าต้องทำปศุสัตว์มากขึ้นในปีนั้น คงเป็นเรื่องยากมาก ๆ เพราะ climate change รุนแรงขึ้นทุกปี พื้นที่ใช้สอยน้อยลงจากการขยายตัวของเมือง รวมถึงน้ำสะอาดก็จะมีให้ใช้น้อยลงไปด้วย

Mark Post จึงมองว่าการปลูกถ่ายเนื้อสัตว์ได้อาจเป็นทางออกให้กับโลก ซึ่งเขาเริ่มทำวิจัยตั้งแต่ 2011 และพบว่าการเพาะเลี้ยงเนื้อสัตว์ใช้พื้นที่และน้ำน้อยกว่าการทำปศุสัตว์มาก แต่สามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 96% 

รสชาติอร่อยหรือเปล่า ?

หลายคนคงสงสัยเนื้อสัตว์ที่ผลิตจากแล็บจะรสชาติเป็นยังไง ซึ่งได้มีการทดสอบแบบ Blind Tasting มีผู้เข้าร่วมการทดสอบเป็น Michal Ansky นักชิมอาหารชื่อดังและเป็นผู้ตัดสินในรายการมาสเตอร์เชฟ โดยเชฟจะทำอาหารจากอกไก่ 2 ชนิด คือ อกไก่จากแล็บและจากฟาร์ม

อาหารทั้งสองจานถูกติดป้าย A และ B โดยที่ Michal Ansky จะไม่รู้ว่าจานไหนคืออกไก่ชนิดใด หลังจากชิมแล้ว นักชิมมืออาชีพคนนี้ก็ปักธงว่าจาน A คือไก่จริง ๆ ซึ่งมันทำให้เธอแปลกใจมากเมื่อเฉลยว่าจาน A คือเนื้อไก่ที่มาจากห้องแล็บ

Michal Ansky เผยว่า ทั้ง 2 จานมีรสชาติที่ไม่แตกต่างกันมากและยังมีรสสัมผัสที่ค่อนข้างแห้ง แต่จาน A จะมีกลิ่นและรสชาติไก่ที่เข้มข้นกว่า จากการทดสอบในครั้งนี้ทำให้รู้ได้คร่าว ๆ ว่าเนื้อสัตว์ทั้ง 2 ชนิดแทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลยด้วยซ้ำ

Cultivated meat อันตรายไหม ?

การเพาะเลี้ยงเซลล์ให้กลายเป็นเนื้อสัตว์อาจจะดูน่ากลัว แต่องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ประกาศว่าเนื้อสัตว์ที่เพาะเลี้ยงในห้องแล็บ ปลอดภัยสำหรับคน เนื่องจากไม่มีความแตกต่างจากเนื้อสัตว์ทั่วไปในระดับเซลล์

ซึ่งมีหลายประเทศอนุญาตให้สามารถซื้อขายเนื้อสัตว์ประเภทนี้ได้ โดยมีสิงคโปร์เป็นประเทศแรกที่อนุญาตให้ขายเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง  และประเทศอื่น ๆ อีก 10 กว่าประเทศที่สนับสนุนตั้งแต่การให้ทุน เช่น อิสราเอล, อเมริกา, สหภาพยุโรป, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ญี่ปุ่น และจีน

แม้หลายประเทศในอเมริกา ยุโรป และเอเชียจะสนับเนื้อสัตว์ประเภทนี้ แต่ในยุโรปก็มีประเทศอิตาลีมือหนึ่งด้านอาหารจากฝั่งยุโรปคัดค้านและแบนการซื้อขายเนื้อสัตว์ประเภทนี้ 

การแบน Cultivated meat ของอิตาลี เนื่องมาจากต้องการปกป้องอาหารอิตาลีซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่พวกเขาภูมิใจ การใช้เนื้อสัตว์ที่ไม่ได้เติบโตตามธรรมชาติจึงไม่ตรงตามมาตารฐานคุณภาพอาหารอิตาลี นอกจากนี้ Giorgia Meloni นายกรัฐมนตรีของอิตาลียังเชื่อว่าเนื้อสัตว์ที่ได้จากแล็บจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน (แต่มี อย.นะ ?)

เนื้อสัตว์จากแล็บจะพร้อมสำหรับคนทั้งโลกเมื่อไหร่ ?

Post ให้คำตอบไว้เมื่อปี 2013 ว่ามันยังคงต้องพัฒนาต่อไปอาจใช้เวลาประมาณ 10-20 ปีกว่าที่จะออกขายสู่ตลาด โดยปัจจัยหลักคือ ต้นทุนสูง เนื้อที่เขาเพาะเลี้ยงชิ้นแรกของโลกมีขนาดแค่ 141 กรัม แต่ใช้เงินมาถึง 11,422,775 ล้านบาท ($325,000) 

นี่ก็ผ่านมาแล้ว 10 ปี และหลังจากที่ FDA ประกาศว่าเนื้อสัตว์ที่เพาะเลี้ยงในห้องแล็บกินได้และปล่อยภัย สามารถซื้อขายได้ ทำให้มีนักลงทุนมากมายเริ่มให้ความสนใจในธุรกิจนี้ แต่สิ่งที่นักลงทุนรายใหญ่ยังกังวลก็ยังคงเป็นเรื่องต้นทุนที่มีราคาสูง

Leticia Goncalves ประธาน ADM อุตสาหกรรมอาหารหลักของโลกและเป็นนักลงทุนในบริษัทที่ผลิตเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงอย่าง Good Meat และ Believer Meats เผยว่า บริษัทจำเป็นต้องลดต้นทุน หากต้องการที่จะแข่งขันกับเนื้อสัตว์ทั่วไปที่ได้จากการทำปศุสัตว์ เพราะในปัจจุบันถึงจะมีหลายบริษัทที่สามารถผลิตได้แต่ราคาของเนื้อสัตว์จากแล็บก็ยังแพงกว่าอยู่ดี 

แม้ว่าตั้งแต่ปี 2013 ราคาของเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงลดลงทุกปี และจากการสำรวจราคาเนื้อสัตว์ในปี 2021 โดยสำรวจราคาอกไก่ พบว่าอกไก่ที่ได้จากแล็บจะอยู่ที่ 59.87 บาท/100 กรัม แต่ราคาอกไก่ที่ได้จากปศุสัตว์จะอยู่ที่ 33.81 บาท/100 กรัม 

ถึงราคาจะขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น แต่การที่ราคายังแพงกว่าก็ทำให้คนไม่ซื้อไก่จากแล็บกิน เพื่อให้สามารถแข่งขันด้านราคาได้ Leticia Goncalves จึงแนะนำว่า เนื้อสัตว์จากแล็บจะต้องมีต้นทุนในการผลิตต่ำกว่า 22.54 บาท/100 กรัม

ธุรกิจ Cultivated meat เติบโตแค่ไหนแล้ว

ตั้งแต่ปี 2022 เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงก็แพร่หลายมากขึ้น และมีต้นทุนที่ถูกลงจนมีบริษัทที่ผลิตเนื้อเหล่านี้เกิดขึ้นใหม่มากมาย จากรายงานของ Good Food Institute ในปี 2022 มีบริษัทเหล่าที่ผลิตเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงประมาณ 156 แห่งทั่วโลก

มีการลงทุนมูลค่า 2.8 พันล้านดอลลาร์ในบริษัทที่ผลิต Cultivated meat อยู่ตลอดเวลา แค่การลงทุนในปี 2022 เพียงปีเดียวก็มีมูลค่าสูงถึง 896 ล้านดอลลาร์ ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่ช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้เติบโตจะเป็นคนในช่วง Gen Z และ Millennials

สำรวจพบว่า Gen Z กว่า 88% และคนรุ่น Millennials เปิดใจและเต็มใจที่จะบริโภค Cultivated meat และผู้คนกว่า 87.2% บอกว่าพวกเขายอมจ่ายเงินเพื่อซื้อเนื้อสัตว์จากแล็บแทนเนื้อสัตว์จากฟาร์มได้ เมื่อได้รู้ถึงข้อดีและประโยชน์ที่มีต่อโลก

อ้างอิง: labiotech, theverge, greenqueen, sentientmedia, gfi.org

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

KBank x Orbix Technology x StraitsX สาธิตการชำระเงินข้ามพรมแดนด้วยบล็อกเชนที่ SG FinTech Festival 2024

ธนาคารกสิกรไทยร่วมกับ Orbix Technology และ StraitsX เปิดตัวนวัตกรรมชำระเงินข้ามพรมแดนด้วย e-Money on Blockchain ในงาน Singapore FinTech Festival 2024 ชูศักยภาพฟินเทคไทยบนเวทีโลก...

Responsive image

‘Yindee’ แชตบอตในแอป ttb Touch ใช้ Gen AI จับความรู้สึก ตอบเร็วและฉลาดกว่าที่เคย

Yindee แชตบอตที่อยู่บน Mobile Banking ของ ttb ทำงานผ่านแอป ttb Touch สามารถจับ Mood & Tone ของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ ว่าขณะแชตนั้น ลูกค้าอยู่ในอารมณ์ไหน ด้วย Generative AI โดย Azur...

Responsive image

คนอยากใช้พลังงานเยอะ แต่โลกอยากได้ปล่อยคาร์บอนน้อย บริษัทพลังงานแก้ไขความย้อนแย้งนี้อย่างไรดีในยุค AI

The Energy/Prosperity Paradox หรือภาวะย้อนแย้งแห่งพลังงาน และความเจริญ ถือเป็นความท้าทายระดับโลกที่บริษัทด้านพลังงานกำลังพบเจอ เพราะในตอนนี้โลกกำลังต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างไม่เ...