ปัจจุบันสินทรัพย์ดิจิทัลเปฺ็นสิ่งที่กำลังพัฒนาอยู่ตลอด จึงทำให้ทั้ง Cryptocurrency และ Central Bank Digital Currency (CBDC) ซึ่งสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางกลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่น่าจับตามอง อย่างไรก็ตามแม้จะมีตำแหน่งร่วมกันในฐานะ 'สินทรัพย์ดิจิทัล' ก็มีความแตกต่างที่สำคัญบางประการ ในบทความนี้เราจะพามาทำความรู้จักถึงความแตกต่างของสินทรัพย์ทั้งสอง และพามาค้นหาคำตอบว่า CDBC จะมา disrupt วงการ Cryptocurrency ได้จริงหรือไม่
CBDC ย่อมาจาก "สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (central bank digital currency)" ซึ่งเป็นสกุลเงินประเภทใหม่ที่รัฐบาลทั่วโลกกำลังทดลองใช้ โดยวัตถุประสงค์หลักของ CBDC คือการมอบความเป็นส่วนตัว ความสามารถในการโอน ความสะดวก การเข้าถึง และความปลอดภัยทางการเงินแก่บริษัทและผู้บริโภค ทั้งนี้สิ่งที่ทำให้ CBDC แตกต่างจากสกุลเงินที่จัดตั้งขึ้นคือ การนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในการชำระเงินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการชำระเงินและลดต้นทุน
อย่างไรก็ตามสกุลเงินรูปแบบใหม่นี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา ประเทศส่วนใหญ่ยังคงเริ่มสำรวจแนวคิดนี้เท่านั้น เช่น ดอลลาร์สหรัฐในรูปแบบดอลลาร์ดิจิทัลที่กำลังพัฒนาอยู่ หรือแม้แต่โครงการนำร่อง CBDC ของประเทศไทยที่ได้มีการวางแผนไว้สำหรับไตรมาสที่สองของปี 2565 ก็ได้ถูกเลื่อนออกไปเป็นไตรมาสที่สี่ของปีนี้แทน
จากที่ได้กล่าวไปข้างต้น แม้ CBDC และ Cryptocurrency จะเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลเหมือนกัน แต่ก็ยังมีการใช้งานและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถอธิบายได้ดังนี้
CBDC ทำงานบน Private Blockchain ทำให้มีลักษณะเป็นแบบรวมศูนย์ ในขณะที่ Cryptocurrency ทำงานบน Public Blockchain จึงมีการกระจายอำนาจ
ข้อดีสำหรับผู้ใช้ Cryptocurrency คือ การไม่เปิดเผยตัวตน ในขณะที่ CBDC จะเชื่อมข้อมูลประจำตัวของลูกค้ากับบัญชีธนาคารที่มีอยู่รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคล
ธนาคารกลางเป็นผู้กำหนดกฎระเบียบสำหรับเครือข่าย CBDC แต่สำหรับอำนาจในเครือข่าย crypto นั้นจะมอบให้กับฐานผู้ใช้ซึ่งทำการเลือกผ่านฉันทามติ
ในทางทฤษฎี CBDC สามารถปรับขนาดได้ดีกว่า Cryptocurrency เนื่องจากทำงานบนเครือข่ายที่ได้รับอนุญาตคล้ายกับฐานข้อมูล
CBDC จะใช้สำหรับการชำระเงินและธุรกรรมทางการเงินอื่นๆเท่านั้นและไม่สามารถนำมาลงทุนได้ ในขณะที่ Cryptocurrency สามารถนำไปใช้งานได้หลายกรณี เช่น Smart Contract การชำระเงิน เป็นต้น รวมถึงสามารถนำมาลงทุนได้เช่นกัน
จากการเปรียบเทียบในข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า CBDC ไม่สามารถ disrupt Cryptocurrency ได้ เนื่องจาก CBDC ใช้เพื่อการชำระเงินและธุรกรรมทางการเงินเท่านั้นซึ่งมีข้อห้ามในการกักตุนเหรียญและลงทุนโดยเด็ดขาด ในขณะที่ Cryptocurrency นำไปใช้งานในกรณีอื่นได้เช่น smart contract รวมทั้งยังสามารถลงทุนและเกร็งกำไรได้ ทั้งนี้สิ่งที่ CDBC ไม่สามารถมาแทน Cryptocureency ได้อย่างแน่นอนคือการไม่เปิดเผยตัวตนของผู้ใช้งาน
สุดท้ายนี้ประเทศส่วนใหญ่มองว่า CBDC เป็นรูปแบบเงินเสริมไม่สามารถมาแทนที่เงินที่เราใช้ในปัจจุบันได้ แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องจับตาดูต่อไปว่าในอนาคต CBDC จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเราได้มากน้อยแค่ไหน อย่างไร
อ้างอิง
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด