แม้ว่าอินเดียจะเป็นประเทศที่เผชิญกับวิกฤตโควิดอย่างหนักในหลายมิติด้วยกัน แต่ที่ผ่านในแง่ของการลงทุนในธุรกิจ Startup กลับเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก โดยอินเดียมีจำนวนธุรกิจ Startup สูงเป็นลำดับที่ 3 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา และจีนเท่านั้น
ตั้งแต่ต้นปี 2021 ถึงเดือนสิงหาคม พบว่าในอินเดียมีการลงทุนใน Startup ไปกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 ของปี 2021 มีเม็ดเงินลงทุนใน Startup อินเดียอยู่ที่ประมาน 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้อินเดียคว้าตำแหน่งประเทศที่มีการลงทุนจาก VC มากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเลยทีเดียว
นอกจากเม็ดเงินลงทุนที่หลั่งไหลเข้าสู่ Startup อย่างมหาศาลในอินเดียแล้ว ยังส่งผลให้มีการเพิ่มจำนวน Startup ที่ขึ้นเป็น Unicorn อีกหลายราย ซึ่งในปี 2021 นี้ถือเป็นปีทองของ Startup อินเดียเลยก็ว่าได้ โดยในช่วงไตรมาสที่ 2/2021 ในระยะเวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้น อินเดียก็มี Unicorn เพิ่มขึ้นมาถึง 15 ราย โดยปัจจุบันนี้อินเดียก็มี Unicorn ทั้งสิ้น 101 รายด้วยกัน
ในขณะเดียวกันก็มีหลาย Unicorn ที่เตรียม Exit ด้วยการระดมทุน IPO เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินเดียด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างที่ เช่น Zomato บริษัท Startup ผู้ให้บริการ Food Delivery ที่ได้ประสบความสำเร็จจากการขาย IPO เข้าตลาดหุ้นในประเทศช่วงที่ผ่านมา โดยมีนักลงทุนมากมายให้การสนับสนุน ทั้ง Morgan Stanley, Tiger Global และ Ant Group ของ Jack Ma ที่เป็นผู้ถือหุ้นหลัก ๆ ของ Zomato
ในขณะเดียวกันยังมี Unicorn อีกหลายรายที่อยู่ระหว่างเตรียมยื่นแบบ Filing เช่น Ola ผู้ให้บริการเรียกรถรับส่งเจ้าใหญ่ของอินเดีย Delhivery บริการเดลิเวอรี่ ที่ FedEx เคยมาร่วมลงทุน รวมทั้ง Paytm บริการธุรกรรมทางการเงินออนไลน์
นอกจากการระดมทุน IPO แล้ว ก็มีอีกหลายธุรกิจ Startup ในอินเดียที่ต้องการจะควบรวมกิจการกับ SPAC (Special Purpose Acquisition Company) เพื่อเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน จากการที่วิธีการเช่นนี้กลายเป็นที่นิยมมากขึ้นสำหรับธุรกิจในแถบเอเชีย ทำให้ Startup ของอินเดียก็เป็นอีกหนึ่งตลาดที่นักลงทุนมากมายกำลังจับตามอง
จากข้อมูลที่ได้รวบรวมมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าตลาด Startup ในอินเดียเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และในบทความ Techsauce จะสรุปถึงปัจจัยที่ส่งเสริมการเติบโตของ Startup อินเดีย รวมถึงทำไม ถึงเนื้อหอมในหมู่นักลงทุนทั่วโลก
ด้วยจำนวนประชากรที่มากถึง 1.2 พันล้านคนซึ่งใกล้เคียงกับจำนวนของประชาชนในประเทศจีน และที่สำคัญคือ 62% ของประชากรอินเดียส่วนใหญ่นั้นเป็นวัยหนุ่มสาว และวัยทำงาน และมีคนอายุต่ำกว่า 25 ปีมากถึง 54% ด้วยกัน ทำให้ประชากรส่วนใหญ่มีความสามารถในการรับเทคโนโลยีมาใช้ในชีวิตประจำวันได้
และประชากรที่เป็นวัยหนุ่มสาวของอินเดียนี้เอง ที่เป็น Talent ซึ่งมีความสามารถ และพร้อมจะรับมือกับความเสี่ยง ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว รวมถึงยอมรับกับทุก ๆ ความเปลี่ยนแปลงได้ อีกทั้ง คนเหล่านี้ก็ได้หันมาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อินเดียสามารถสร้างธุรกิจ Startup ให้มีมากกว่า 40,000 ธุรกิจด้วยกัน
ไม่เพียงเท่านี้ ในอินเดียยังมีคนอีกหนึ่งกลุ่มที่นักลงทุนมองว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้เศรษฐกิจเดินหน้า คือ กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อในอินเดีย หรือคนมีฐานะปานกลางจนถึงรวย โดยมีจำนวน 200–300 ล้านคน
ถึงแม้ว่าสัดส่วนคนกลุ่มนี้เมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศแล้วอาจจะดูเป็นสัดส่วนที่น้อย แต่ก็ยังเป็นจำนวนที่มหาศาล หากลองมามองกับบ้านเรา คนกลุ่มนี้มีจำนวนมากกว่าประชากรในประเทศไทยทั้งประเทศถึง 4 เท่า ทำให้อินเดียเป็นประเทศที่มีตลาดขนาดใหญ่ และเหมาะแก่การลงทุนด้วยเป็นอย่างมาก
หากมองย้อนไปเมื่อปี 2013 ประชากรอินเดียมีอินเทอร์เน็ตใช้เพียง 17% ซึ่งในตอนนั้นเมื่อเทียบกับประเทศยักษ์ใหญ่ในเอเชียอย่าง จีน ประชากรจีนมีอินเทอร์เน็ตใช้อยู่ที่ 45% และในปีเดียวกันนั้นธุรกิจอย่าง e-Commerce ในอินเดียมียอดขายเพียง 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เท่านั้นเมื่อเทียบกับจีนที่มียอดขายมากถึง 314 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้เป็นเพราะข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ อย่างการที่ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่ดีพอ ทำให้อินเดียมีการเติบโตด้านเทคโนโลยีช้า และบริการ e-Commerce รวมทั้งเดลิเวอรี่ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ก็ได้รับผลกระทบไปตาม ๆ กัน
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้รัฐบาลอินเดียได้มุ่งหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านนี้เพื่อสนับสนุนให้เกิดการใช้งานเทคโนโลยีกันมากขึ้น โดยในปี 2014 มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นถึง 42% จากปีก่อนหน้า และมีสมาร์ทโฟนราคาถูกออกมาจำหน่ายในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนผู้คนจำนวนกว่า 302 ล้านคนในอินเดียสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 2.5 เท่าจากปี 2011
ข้อมูลจาก HSBC’s Global Research Report พบว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา มีเม็ดเงินลงทุนจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้าสู่บริษัทเทคโนโลยีในอินเดียมากกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังมีการคาดการณ์ว่าในอุตสาหกรรมนี้จะมีการลงทุนสูงถึง 1.8 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2025
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ รัฐบาลของอินเดียได้เดินหน้าสนับสนุน Startup อย่างจริงจัง โดยสร้าง Startup Ecosystem ให้เกิดขึ้นในประเทศผ่านการสนับสนุนผู้ประกอบการที่สนใจสร้างนวัตกรรม โดยทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมให้กับนักลงทุนและ Startup รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดธุรกิจด้วยโปรแกรมบ่มเพาะต่าง ๆ
ตั้งแต่ปี 2016 รัฐบาลอินเดียได้ออก Action Plan เพื่อประกาศการเดินหน้าของประเทศเพื่อสร้าง Startup Ecosystem อย่างจริงจัง โดยใน Action Plan นี้ได้มีการออกทั้งกฎหมาย และข้อตกลงต่าง ๆ ที่ช่วยเหลือ Startup ทั้งการลดขั้นตอนในการจดสิทธิบัตร เปิดช่องทางให้ Startup สามารถ Exit ได้อย่างรวดเร็ว เปิดช่องทางสนับสนุนด้านการลงทุนที่น่าเชื่อถือ ออกข้อยกเว้นด้านภาษีให้กับ Startup รวมทั้งจัดตั้งโปรแกรมสนับสนุน อย่าง Incubators และ Accelerators อย่างจริงจัง
นอกจากนี้รัฐบาลอินเดียยังได้มีการจัดตั้งหน่วยงานต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อสนับสนุนธุรกิจ Startup โดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น startupindia หน่วยงานให้การสนับสนุนโดยตรงจากรัฐบาลอินเดีย โดยมีการให้ข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับธุรกิจ รวมทั้งทรัพยากรต่าง ๆ ที่ธุรกิจต้องการ ทั้งคอร์สเรียนออนไลน์ แหล่งหาพันธมิตรทางธุรกิจ ข้อแนะนำการทำ Patent/Trademark และมีหน่วยงานอย่าง Invest India ที่คอยช่วยสนับสนุนและอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนให้กับ Startup และนักลงทุนที่สนใจ ไม่เพียงเท่านี้ยังมีการเปิดโครงการ Fund of Funds for Startups ที่เป็นโครงการลดความเสี่ยง เพิ่มความปลอดภัยในทุก ๆ การลงทุนทั้งจากในประเทศและจากต่างชาติ
จากการสนับสนุนและส่งเสริมที่ดีของรัฐบาลอินเดีย ทำให้ธุรกิจ Startup นั้นเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา และนอกจากจะออกกฎเกณฑ์ต่าง ๆ แล้ว รัฐบาลยังได้จับมือกับเหล่า Big Tech จาก Silicon Valley เพื่อทำโปรแกรมสนับสนับธุรกิจ Startup ของอินเดีย
ตัวอย่างเช่น Microsoft ที่ได้ร่วมกับหน่วยงาน Invest India จัดโปรแกรม Microsoft for Startup ภายใต้ภารกิจเร่งการเติบโตทางด้านนวัตกรรมของอินเดียใหม่ Government’s Accelerating Growth for New India’s Innovations หรือภารกิจ AGNIi ที่จะช่วยให้ Startup ในโครงการ 11 ธุรกิจมีความพร้อมที่จะดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีทาง Google ของอินเดีย ที่ร่วมกับรัฐบาลจัดตั้ง Google for Startups Accelerator (GFSA) India ซึ่งเป็นโปรแกรมระยะเวลา 3 เดือนที่จะสนับสนุนด้านคำปรึกษา (Mentorship) เทคโนโลยี และเตรียมความพร้อมให้ Startup อินเดียมีความสามารถในการแข่งขันกับตลาดโลก โดยตั้งแต่มีโครงการนี้มา ก็ได้มี Startup เกิดขึ้นแล้วกว่า 80 ธุรกิจ
ไม่เพียงแต่การจับมือกับ Big Tech ทางรัฐบาลได้จัดตั้งโครงการ Incubators ขึ้นมาเองอีกด้วย โดยจับมือกับสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในประเทศ (เช่น IIT, IIM และมหาวิทยาลัย) หรือร่วมกับองค์กรจากอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี (เช่น NASSCOM) และหน่วยงานค้นคว้าวิจัย (เช่น C-CAMP) ซึ่งการเติบโตของโปรแกรม Incubators ในอินเดียเพิ่มมากขึ้นถึง 15 เท่าในช่วง 2015-2019 ส่งผลดีต่อทั้งหน่วยงานรัฐ องค์กร และ Startup
ปัจจัยเรื่องการระบาดของโควิด-19 นี้ ทำให้คนทั้งโลกเห็นได้ชัดเจนขึ้นว่า อินเดียเป็นประเทศที่มีความสามารถ และมีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างจริงจัง ถึงแม้ว่าอินเดียจะเป็นประเทศที่มีผู้คนจำนวนมากล้มตายจากโรคระบาด แต่ในขณะเดียวกันเศรษฐกิจประเทศก็เติบโตจากการเข้ามาของนักลงทุนทั้งจากในประเทศ และจากต่างชาติ
เช่นเดียวกันกับในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ที่โควิด-19 เป็นตัวขับเคลื่อนให้คนหันมาใช้งานเทคโนโลยีกันมากขึ้น ทำให้สมาร์ทโฟนกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนในอินเดียสามารถเข้าถึงได้ ด้วยราคาที่ไม่สูงมาก ทำให้คนสามารถใช้งานบริการต่าง ๆ ของ Startup ผ่านสมาร์ทโฟน ทั้งบริการเดลิเวอรี่ บริการโทรเวชกรรม (Telemedicine) รวมทั้งใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงิน
ในช่วงของการระบาด Startup ของอินเดียได้เริ่มพัฒนานวัตกรรม นำเอาเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใช้เพื่อช่วยจัดการกับปัญหาการระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่อุปกรณ์ตรวจการติดเชื้อ ไปจนถึงการเฝ้าระวังผู้ป่วยจากระยะไกล นอกจากนี้ยังได้พัฒนานวัตกรรมด้านการจัดการ Supply Chain ทั้งระบบโลจิสติกส์ รวมทั้งนวัตกรรมเพื่อการศึกษา จากการที่นักเรียนในประเทศต้องเรียนผ่านระบบออนไลน์ทำให้การพัฒนาระบบด้านการศึกษารุดหน้าไปมากในช่วงการระบาด และยิ่งไปกว่านั้น ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมบางอย่างที่คิดค้นโดย Startup อินเดียได้มีการนำไปใช้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนตอนนี้เราสามารถเรียกอินเดียได้ว่า เป็นหนึ่งแหล่งสำคัญทางด้านเทคโนโลยีของโลก
สิ่งหนึ่งที่เราเคยเห็นมาตลอดในวัฒนธรรมของอินเดีย คือ การแบ่งแยกชนชั้น ที่ในอดีตเคยแบ่งแยกกันเป็นวรรณะอย่างชัดเจนจนกลายเป็นความเหลื่อมล้ำในสังคม และในปัจจุบันความแตกต่างที่เรายังคงเห็นอยู่ในสังคมอินเดีย คือ คนรวยและคนจนมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งสิ่งนี้เป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คนรุ่นใหม่ไฟแรงในประเทศอินเดียเริ่มเดินหน้าสร้างวัฒนธรรมของการเป็นผู้ประกอบการขึ้นมา (Entrepreneurially-Driven Nation)
ภาพของอินเดียใหม่ หรือ New India สะท้อนให้คนทั้งโลกเห็นว่า ตอนนี้อินเดียคือหนึ่งประเทศที่ก้าวหน้าไปเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี เป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จจากการพัฒนา Startup Ecosystem เป็นประเทศที่สามารถดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลกได้ ด้วยการเติบโตขึ้นของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ต้องการจะหาโซลูชันมาปิดช่องว่างให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการที่ดีขึ้นอย่างเท่าเทียม มีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีขึ้น และพัฒนาให้เป็นประเทศที่ดีขึ้น
ตั้งแต่อินเดียได้มีการประกาศเอกราช เศรษฐกิจของอินเดียได้มีการพัฒนาจากการเป็นประเทศที่มุ่งด้านการเกษตร จนปัจจุบันกลายเป็นขุมพลังทางด้านเทคโนโลยีของโลก เป็นประเทศที่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่กำลังสร้างผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมและบริการขึ้นมาเพื่อมาแก้ปัญหาที่เคยเจออยู่ในชีวิตประจำวัน แต่มันกลับส่งผลให้ประเทศเติบโตไปในระดับโลก
ในช่วงแห่งการเติบโตที่กำลังไปได้สวยของอินเดีย เหล่า Startup ต่างก็แข่งขันกันเติบโตเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศของตัวเอง จากการที่นักลงทุนระดับโลกหันไปทุ่มเงินจำนวนมหาศาลให้กับอินเดีย กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ถูกลดทอนออกไปเพื่อให้เกิด Ecosystem ที่เอื้อ ทำให้เห็นว่าในอนาคตอินเดียอาจจะก้าวขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งมหาอำนาจด้านเทคฯ ในเอเชียแซงหน้าแชมป์อย่างจีน และก้าวไปในเวทีระดับโลก เป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมอีกแห่งก็เป็นได้
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด