วันนี้จะดูอะไรดี ? เลือกไปเลือกมาสุดท้ายไม่ได้ดู รู้จัก Streaming Fatigue “ยิ่งตัวเลือกมากยิ่งเหนื่อยใจ”

เคยไหม ถึงแม้จะมี streaming หลายเจ้าในมือ แต่เลือกตั้งนานก็ไม่รู้จะดูอะไร? บริการที่ควรจะสร้างความสุข ความเพลิดเพลินและความสะดวกสบาย กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ต้องปวดหัวกว่าเดิมจนมองไม่เห็นความคุ้มค่าของมันอีกต่อไป เพราะว่าตัวเลือกที่เยอะไป ราคาแพงขึ้น คอนเทนต์น้อยลง นำไปสู่ปัญหา Streaming Fatigue หรือภาวะยิ่งตัวเลือกเยอะยิ่งเหนื่อยใจ 

แพลตฟอร์ม Streaming โตแรงแค่ไหนในช่วงที่ผ่านมา ? 

โมเดล Streaming ที่มาพร้อมจุดขายอย่างการ ‘ดูได้ทุกที่ ทุกเวลา’ ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ยิ่งในช่วงการระบาดของโควิด-19 ธุรกิจ Streaming Platform ก็เติบโตแบบก้าวกระโดด ส่งผลให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมายและก้าวสู่ยุคทองของธุรกิจ ยกตัวอย่างชื่อที่คุ้นหูเช่น Netflix Hulu Disney+ Amazon Prime ฯลฯ 

การเข้ามาของ Streaming Platform ส่งผลให้การรับชมสื่อค่อยๆ เปลี่ยนไปทั่วโลก อ้างอิงจาก Nielsen ในเดือนกรกฎาคมปี 2023 การรับชมสื่อผ่าน Streaming Platform แซงหน้าการรับชมผ่านช่องโทรทัศน์สาธารณะและช่องเคเบิล ด้วยอัตราส่วน 38.7% 20% และ 29.6% ตามลำดับ 

แพลตฟอร์มทุกเจ้าล้วนนำเสนอคอนเทนต์ทั้งสดใหม่และหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้ สารคดี ฯลฯ เพื่อดึงดูดฐานผู้ใช้งาน ด้วยค่าบริการที่จับต้องได้ ในสหรัฐฯ 99% ของครัวเรือนทั้งหมดชำระค่าบริการสตรีมมิงอย่างน้อยหนึ่งเจ้าเป็นต้นไป

สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันมี Streaming Platform หลากหลายเจ้าที่ทำตลาดในประเทศและมีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันไปเช่น กลุ่มคอนเทนต์สายตะวันตก อย่าง Netflix Disney Hotstar HBO GO กลุ่มคอนเทนต์สายเอเชีย อย่าง Viu WeTV IQIYI Youku เป็นต้น ด้วยคู่แข่งที่มีมากขึ้นเช่นกันทำให้ความพยายามแย่งฐานลูกค้ากันอย่างดุเดือด ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มคอนเทนต์ที่น่าสนใจมากขึ้น โปรโมทในช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ มากขึ้น

Streaming Fatigue เพราะอะไร? 

มีตัวเลือกมากเกินไป

เพราะว่าหลายๆ บ้านเลือกที่จะสมัครทิ้งไว้หลายแพลตฟอร์ม แต่การสมัครหลายเจ้ามากเกินไป ทำให้กว่าจะได้ดูหนังหรือซีรีส์สักเรื่อง กลับใช้เวลานานกว่าเดิมจนทำให้ไม่อยากดู เบื่อ และเหนื่อยล้า หมดอารมณ์ที่จะเลือกต่อ เพราะยิ่งมีทางเลือกมากเท่าไร การค้นหาสิ่งที่ต้องการรับชมก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้นและเป็นสาเหตุหลักของ Streaming Fatigue

นอกจากนี้เลือกดูจากหลายแพลตฟอร์มยังสร้างพฤติกรรม Binge-watching หรือ พฤติกรรมเสพติดจนหยุดดูไม่ได้ นอกจากจะทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอแล้ว ยังส่งผลต่อการทำกิจกรรมอื่นๆ ในชีวิตประจำวันอีกด้วย

เศรษฐกิจโลกซบเซา

เมื่อตัวเลือกมากเกินไปไม่ใช่สาเหตุเดียว แต่เพราะเศรษฐกิจซบเซาทั่วโลกนับตั้งแต่ Covid-19 ไปจนถึงปัญหาความตึงเครียดทางรัฐภูมิศาสตร์ ยิ่งทวีความรุนแรงทำให้ค่าครองชีพในแต่หลายประเทศเพิ่มสูงขึ้น และจากการสำรวจของ Capterra 76% รู้สึกว่าความตึงเครียดด้านค่าใช้จ่ายส่งผลให้คนรู้สึกหมดไฟกับการจ่ายค่าบริการ Streaming Platform

ตัวอย่างเช่น ในปี 2022 ปัญหาค่าครองชีพสูงในอังกฤษ ส่งผลให้ชาวอังกฤษเกินครึ่งล้านคนเลือกที่จะตัดการเป็นสมาชิก Streaming Platform เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและนำเงินไปใช้จ่ายในสภาวะที่ค่าครองชีพสูง

ทั้งเข้มงวด ทั้งแพงขึ้น แต่คอนเทนต์กลับน้อยลง 

ภายใน Streaming Platform เองก็เจอกับปัญหาหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น แรงกดดันจากนักลงทุนในการทำกำไร รวมถึงการประท้วงค่าแรงของกลุ่มผู้ผลิตภาพยนตร์ทำให้ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายมากขึ้น 

ส่งผลให้ Streaming Platform เลือกที่จะปรับตัวด้วยการลดการผลิตคอนเทนต์ใหม่ๆ นอกจากนี้ยังเพิ่มราคาค่าบริการรายเดือนและเข้มงวดกับการแชร์รหัสภายในครัวเรือนมากขึ้น ซึ่งแลกมาด้วยผู้สมัครสมาชิกที่ค่อยๆลดลงเรื่อยๆ โดยในปี 2023 ปีเดียวมีรายงานชี้ว่ามีผู้ยกเลิกสมัครสมาชิกลงถึง 45% จากราคาที่ปรับสูงขึ้น แต่ด้วยโมเดลนี้ทำให้แพลตฟอร์ม ยังสามารถสร้างกำไรได้ตามเป้าแม้ผู้ใช้งานจะลดลงก็ตาม

ความนิยมของวิดีโอสั้นเข้าแทนที่

ในช่วง Covid-19 นอกจาก Streaming Platform จะได้รับความนิยมแล้ว ยังมีเทรนด์ Short Video ที่ได้รับความนิยมสูงอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่นิยมชมคลิปสั้นๆ มากขึ้น เพราะสามารถดูได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นช่วงพักสั้นๆ ระหว่างการเดินทาง ซึ่งช่วยให้อัพเดทข้อมูลใหม่ๆ ได้รวดเร็วภายในไม่กี่นาที 

นอกจากนี้ จากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และนักจิตวิทยาตลอด 20 ปี ที่ผ่านมา พบว่าระยะเวลาที่สามารถจดจ่อได้หรือ Attention Spans ลดลงจาก 2 นาทีครึ่ง เหลือเพียง 45 วินาทีเท่านั้น เป็นสาเหตุว่าทำไมแพลตฟอร์มวิดีโอสั้น เช่น TikTik Instagram Reels และ Youtube Short ถึงได้รับความนิยมอย่างก้าวกระโดด โดยในระหว่างปี 2020-2024 TikTok มีผู้ใช้งานเพิ่มสูงถึง 435 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 93.4% จากเดิมและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

Back To Basic ด้วย DVD

หลายคนอาจคิดว่า DVD กลายเป็นอดีตไปแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า หลายๆ คนหันมานิยมวิธีดูหนังแบบดั้งเดิมด้วย DVD อีกครั้ง โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา มีการแนะนำแหล่งซื้อแผ่นราคาถูก หวังช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และทำให้สามารถเข้าถึงความบันเทิงได้ในราคาที่ย่อมเยาหากเลือกเพียงเรื่องที่สนใจเท่านั้น จึงเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยลดการเผชิญกับปัญหา Streaming Fatigue 

ซึ่งวิธีนี้มีข้อดีอาทิ สามารถเลือกดูภาพยนตร์ได้ตามต้องการ หมดกังวลเวลาไม่มีอินเทอร์เน็ต ให้ความรู้สึกเป็นเจ้าของ สามารถสะสมแผ่นภาพยนตร์ที่ชื่นชอบได้ อีกทั้ง DVD ยังให้ภาพคมชัดกว่าใน Streaming Platform รวมถึงเนื้อหาพิเศษในแผ่นที่อาจจะหาไม่ได้ที่อื่น นอกจากนี้ราคายังสามารถจับต้องได้ ทำให้สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ตามต้องการ

แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องแลกมาด้วยความไม่สะดวกในการใช้งานเช่น ต้องใช้เวลาตามหาแผ่นที่ต้องการ ปัญหาที่เก็บแผ่นไม่เพียงพอ ต้องใช้เครื่องเล่น DVD ในการใช้งานในแต่ละครั้ง นอกจากนี้ตัวเลือกภาพยนตร์ใหม่ๆ อาจจะหาดูได้ยากกว่า เป็นต้น

ดังนั้นเมื่อพิจารณาทั้งหมดแล้วการเลือกดูจาก DVD อาจจะแพงกว่าการสมัคร Streaming Platform ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม DVD ก็ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ของผู้บริโภคในการปรับตัวต่อสู้กับภาวะ Streaming Fatigue ที่เกิดขึ้น

แล้วคุณล่ะ คิดว่าจะแก้ปัญหา Streaming Fatigue ได้ยังไง? 

อ้างอิง: theverge, forbes, Spiceworks, bot.or, commonslibrary, Capterra, latimes, Investors, Insysvideotechnologies, verizon, Nielsen, northeastern.edu


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

รวมคลื่น Layoff 2025 บิ๊กเทคปลดคนครั้งใหญ่ 300 กว่าวันที่ผ่านมาเจออะไรบ้าง ?

อัปเดตวิกฤต Layoff ปี 2025 ในวงการเทค Intel ปลดกว่า 23,000 คน ตามด้วย Microsoft และ Amazon วิเคราะห์ภาพรวมการลดคนครั้งใหญ่และแนวโน้มตลาดแรงงานยุค AI...

Responsive image

สรุป 17 ดีลใหญ่ AI ที่เกิดขึ้นในปี 2025

สรุปครบ 17 ดีล AI ยักษ์ใหญ่ปี 2025 พร้อมเจาะลึกปม Circular Deals หรือการหมุนเงินลงทุนเป็นวงกลม สัญญาณเตือนฟองสบู่ที่นักลงทุนต้องระวัง...

Responsive image

ทิศทาง Agoda ในยุค AI-First จาก CEO เตรียมปักธงปั้นกรุงเทพฯ เป็น ‘Silicon Valley แห่งเอเชีย’ พร้อมส่องเทรนด์ท่องเที่ยวปี 2026

เจาะลึกวิสัยทัศน์ Agoda 2025 ปั้นกรุงเทพฯ สู่ Silicon Valley แห่งเอเชีย พร้อมเปิดตัวกลยุทธ์ AI-First และ Autonomous Agent ผู้ช่วยอัจฉริยะที่คิดแทนคุณได้ เผยข้อมูล Insight เที่ยวไทย...