ในช่วงที่โลกกำลังหมุนรอบ Generative AI และบริษัทใหญ่ทุกแห่งแข่งขันกันทำโมเดลให้ใหญ่ขึ้น เรากลับเห็นการเคลื่อนไหวที่ย้อนศร จากหนึ่งในบุคคลสำคัญที่สุดของยุค Deep Learning นั่นคือ Yann LeCun หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งใน 3 บิดาแห่ง Deep Learning ร่วมกับ Geoffrey Hinton และ Yoshua Bengio เขาคือคนที่มีบทบาทสำคัญต่อการปฏิวัติ AI ยุคใหม่ โดยเฉพาะเทคโนโลยี Convolutional Neural Networks (CNN) ที่ใช้ในคอมพิวเตอร์วิทชันทั่วโลกในปัจจุบัน
ตอนนี้ LeCun ประกาศชัดว่าจะ ได้ลาออกจาก Meta หลังทำงานมานานกว่า 10 ปี และกำลังจะตั้ง Startup เพื่อไล่ตามเป้าหมายที่เขาเชื่อว่าจะเป็น ‘การปฏิวัติครั้งต่อไปของ AI’
คำถามคือ…มันคืออะไร ?
และทำไมเขาต้องออกมาทำเอง ?

หลังจาก ChatGPT เปิดตัว โลกเทคโนโลยีก็เหมือนถูกดูดเข้าไปอยู่ในสนามของ Generative AI ทันที บริษัทใหญ่ทุกแห่ง รวมถึง Meta ต้องวิ่งไล่การแข่งขันให้ทัน สร้างแผนก Generative AI ขึ้นมาใหม่ ผลักดันโมเดลอย่าง Llama และโชว์ความสามารถของโมเดลให้สาธารณชนเห็นอย่างต่อเนื่อง
ในบรรยากาศที่เน้นปล่อยของเร็ว มีเดโมให้เห็นทันที และสร้างภาพ วิดีโอ ข้อความให้ตะลึง งานวิจัยเชิงลึกอย่างที่ LeCun ทำเริ่มถูกมองว่าอยู่ในจังหวะที่ช้าเกินไป ไม่ตอบโจทย์ตลาดในตอนนี้ แม้จะสำคัญในระยะยาวก็ตาม
บทบาทสาธารณะของเขาใน Meta ก็ลดลงเรื่อย ๆ ขณะที่หน้าที่นำเสนอผลงานด้าน GenAI กลายเป็นของนักวิจัยรุ่นใหม่ เช่น Shengjia Zhao สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ LeCun ดูเหมือนถูกขยับไปอยู่ข้างเวที ทั้งที่เขาเป็นผู้สร้างรากฐานของทีมนี้ตั้งแต่แรก
แต่สิ่งที่ทำให้การลาออกของเขาน่าสนใจยิ่งขึ้นคือ LeCun เป็นหนึ่งในนักวิจัยระดับโลกไม่กี่คนที่ไม่เห็นด้วยกับกระแส LLM เขามองว่าโมเดลอย่าง ChatGPT หรือ Llama แม้จะสร้างภาษาได้ดี แต่ขาดแก่นของความฉลาดจริง ๆ
สำหรับเขา AI จะฉลาดได้ต้องเข้าใจโลกจริง ไม่ใช่แค่จัดเรียงคำให้สวยงาม โมเดลภาษาไม่มีความเข้าใจเหตุ–ผล ไม่รู้ว่าของจริงทำงานอย่างไร และจำอะไรยาว ๆ ไม่ได้ หนึ่งในคำพูดที่เขาเคยเปรียบเทียบแรง ๆ คือ “LLM ยังโง่กว่าแมว” เพราะแมวรู้วิธีเคลื่อนที่ในพื้นที่ รู้ว่าของแข็งชนกันจะเกิดอะไรขึ้น และเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงได้ ซึ่ง LLM ไม่มีความสามารถพวกนี้เลย
ความคิดเห็นแบบนี้สวนทางกับบริษัทใหญ่มากมายที่กำลังหวังกับ LLM ว่าจะพา AI ไปถึงจุดสูงสุด จึงไม่แปลกที่ LeCun เริ่มรู้สึกว่าเส้นทางของตัวเองและ Meta แยกออกจากกันมากขึ้นทุกวัน
สิ่งที่ทำให้ Startup ของ LeCun น่าสนใจไม่ใช่แค่ว่าเป็นสตาร์ทอัพใหม่ของคนดัง แต่เพราะมันกำลังจะสร้าง AI แบบที่ต่างไปจากทุกสิ่งที่โลกกำลังหมุนตามอยู่ AI ปัจจุบันเรียนรู้จากข้อความ สร้างภาษา และเลียนแบบรูปแบบของข้อมูลที่มนุษย์เคยผลิต แต่ LeCun ไม่คิดแบบนั้น เขาเชื่อว่า AI ควรเรียนรู้จากโลกจริง ไม่ใช่คำบรรยายเกี่ยวกับโลก
Startup นี้จึงมีภารกิจที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง มันต้องการสร้าง world models หรือโมเดลที่เข้าใจการเคลื่อนไหวของวัตถุ เห็นเหตุและผล เอาไปใช้ในการคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในโลกทางกายภาพ เป้าคือ AI ที่จะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าโยนแก้วลงพื้น ถ้าวัตถุหนึ่งโดนชนจะเคลื่อนที่ไปทางไหน หรือถ้าหุ่นยนต์ยกแขนผิดองศาจะเกิดอะไรขึ้น
นี่คือการสร้างสมองในความหมายที่แท้จริง ไม่ใช่ผู้ช่วยตอบคำถาม
ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา LeCun พยายามผลักดันแนวคิดหนึ่งที่เขาให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นคือ Advanced Machine Intelligence (AMI) คำที่เขาตั้งขึ้นมาเพื่อตั้งใจแทน AGI
หาก AGI ถูกเข้าใจว่าเป็น AI ที่ฉลาดเท่ามนุษย์ แบบนั้น AMI ของ LeCun คือ AI ที่ฉลาดตามธรรมชาติของเครื่องจักร
มันไม่จำเป็นต้องคิดแบบมนุษย์ แต่ต้องเข้าใจโลกจริงได้ ใช้การมองเห็นและประสบการณ์สร้างความรู้ของตัวเองได้ และวางแผนได้โดยไม่ต้องอาศัยภาษาหรือคำสั่งอย่างเดียว ความฉลาดแบบนี้คือสิ่งที่เขาเชื่อว่าจะทำให้ AI ทำงานในโลกจริงได้จริง ไม่ใช่แค่คุยเก่งในหน้าจอแชต
งานอย่างตระกูล JEPA และโดยเฉพาะ V-JEPA-2 คือตัวอย่างชัดเจนของการวางรากฐาน AMI เพราะโมเดลไม่ได้สร้างภาพ แต่ทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงในวิดีโอว่ามีสาเหตุอะไร และโลกจะเคลื่อนไหวต่อไปอย่างไร
นี่คือทิศทางที่ LLM ไม่แตะเลย และเป็นทิศทางที่ LeCun มั่นใจอย่างมากว่าคืออนาคตของ AI
บริษัทใหม่ที่ LeCun กำลังสร้างจึงไม่ใช่บริษัทที่จะผลิต chatbot หรือโมเดลสร้างภาพ แต่เป็นห้องทดลองอิสระ สำหรับสร้าง AMI รุ่นแรกของโลก การทำ AMI ต้องการเวลา ต้องการการทดลองจำนวนมาก ต้องการข้อมูลวิดีโอและประสบการณ์ของหุ่นยนต์ และต้องการความยืดหยุ่นด้านแนวคิดแบบที่บริษัทใหญ่ ๆ ไม่สามารถให้ได้
เพราะ AI แบบ AMI จะต้องเรียนรู้จาก
โมเดลแบบนี้จะต้องจำ สิ่งที่เคยพบจริง ๆ ไม่ใช่จำในขอบเขตไม่กี่สิบพันตัวอักษรแบบ LLM และต้องวางแผนเป็นขั้นตอนเหมือนมนุษย์หรือสัตว์ที่ใช้งานจริง ๆ ในโลก
แม้จะลาออก แต่ Meta ยืนยันว่าจะเป็นพันธมิตรของบริษัทใหม่ และยังสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ LeCun พัฒนาในบริษัทนั้นได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่บอกชัดว่า Meta ยังต้องการงานวิจัยระยะยาว แม้จะไม่สามารถทำเองได้อย่างเต็มที่ในตอนนี้
นี่คือความสัมพันธ์แบบใหม่ของวงการ บริษัทใหญ่เป็นผู้ใช้เทคโนโลยี ในขณะที่สตาร์ทอัพอิสระเป็นผู้สร้างความรู้ใหม่ รูปแบบนี้กำลังเกิดขึ้นในทุกที่ และ Startup ของ LeCun จะเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดในสาย AI เชิงลึก
ถ้า AMI เกิดขึ้นจริง มันจะกลายเป็นพื้นฐานของหุ่นยนต์อัจฉริยะ การขนส่งอัตโนมัติ เมืองอัจฉริยะ และระบบอุตสาหกรรมแบบใหม่ทั้งหมด โลกจะไม่พูดถึง AI ที่ตอบคำถามเก่ง แต่พูดถึง AI ที่ทำงานได้จริงเหมือนสิ่งมีชีวิต
ดังนั้น บริษัทใหม่ของ Yann LeCun ไม่ใช่แค่การออกมาทำบริษัทตัวเอง แต่เป็นการเริ่มโครงการสร้าง Advanced Machine Intelligence แบบตามวิสัยทัศน์ของเขา ที่เชื่อว่าจะเป็นการตั้งต้นสิ่งที่อาจกลายเป็นรากฐานของ AI ยุคถัดไป
อ้างอิง: gizmodo
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด