หากว่ากันตามตรงคำว่า Hybrid Working แม้จะฟังดูใหม่ แต่จริงๆ ถูกใช้มานานแล้ว โดย Hybrid Working คือ รูปแบบการทำงานที่ผสมผสานระหว่างการทำงานแบบ in-person และ remote work หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ การทำงานแบบที่พนักงานสามารถเลือกทำงานได้ทั้งจากออฟฟิศ บ้าน หรือจากที่ไหนก็ได้ และไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน ทำให้พนักงานมีทางเลือกในการทำงานมากขึ้น
ซึ่งบริษัทชั้นนำมากมายต่างก็ปรับตัวมาใช้รูปแบบการทำงานนี้ เช่น Google, Twitter, Dropbox หรือแม้กระทั่ง Uber, Barlow ดังนั้นจะเห็นได้ว่ารูปแบบการทำงานแบบ Hybrid ได้รับความสนใจในวงกว้างจากบริษัทชั้นนำของโลก นอกจากนี้ยังมีผู้บริหารองค์กรหลายคนสนับสนุนการทำงานแบบ Hybrid ด้วย เช่นกัน
แน่นอนว่าเมื่อรูปแบบการทำงานเปลี่ยนไป วิธีการประเมินก็เปลี่ยนตามเช่นกัน มาดูกันว่าหลังจากการมาถึงของ Hybrid Working ที่เปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็นจากที่ใดก็ได้นี้ เราจะสามารถปรับ KPIs (Key Performance Indicators) หรือการประเมิน Performance พนักงานให้เข้ากับรูปแบบการทำงานนี้อย่างไร ? มีปัจจัยใดบ้างที่ควรนำมาพิจารณาในการประเมินกับการทำงานรูปแบบใหม่นี้ โดยบทความนี้จะพาไปรู้จักกับ 4 วิธีประเมิน Performance พนักงาน แม้ทำงานแบบ Hybrid กัน
การมีแนวทางที่ดีในการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานที่ทำงานแบบ Hybrid Working เพื่อที่พนักงานทุกคนได้รับการประเมิน และพัฒนาตามความสามารถของตน โดยที่ไม่ต้องคำนึงว่าจะ “ทำงานจากที่ไหนก็ได้”
ซึ่งหนึ่งในความท้าทายที่ยากที่สุดในเรื่องของการบริหารการทำงานแบบ Hybrid คือ “การหาวิธีที่จะประเมินประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน” ให้ได้อย่างแม่นยำ เนื่องด้วยพนักงานบางคนทำงานในสำนักงาน และมีบางคนทำงานแบบ Hybrid ดังนั้นจึงสำคัญมากที่การประเมินต้องไม่ยึดตามหลักที่ว่าเราต้องเห็นเขาทำงานแบบต่อหน้าต่อตา
Scott Behson จาก Harvard Business Review ได้ทำการสัมภาษณ์ตัวแทนจากกว่า 40 บริษัท ในช่วงที่พวกเขาเจอความท้าทายเรื่องรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไปในช่วงโรคระบาด โดยเน้นการสัมภาษณ์ไปที่การประเมินการทำงานของพนักงาน ซึ่งหลายตัวอย่างชี้ให้เห็นว่าการบริหารงานแบบปกติยังมีความสำคัญอยู่ แต่ในขณะเดียวกันเราก็พบวิธีที่จะทำให้การทำงานแบบใหม่สามารถดึงประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานหรือผู้จัดการได้เช่นเดียวกัน นั่นก็คือการทำงานแบบ 'Hybrid' นั่นเอง “และนี่คือสิ่งที่เราได้เรียนรู้ผ่านการสัมภาษณ์ ในการประเมินประสิทธิภาพการทำงานแบบ Hybrid”
สิ่งสำคัญสำหรับของการทำงานแบบ Hybrid คือ การปลูกฝังให้พนักงานทุกคนเข้าใจและปฏิบัติตามค่านิยมขององค์กร โดยต้องไม่คำนึงว่าพวกเขาจะทำงานจากที่ใดก็ตาม
วิธีหนึ่งในการเสริมสร้างค่านิยมขององค์กรร่วมกันคือ การใช้แนวทางในการประเมินผลการปฏิบัติงาน ตัวอย่างเช่น Zappos ผู้ค้าปลีกออนไลน์ ทำการประเมินพนักงานทั้งในด้านประสิทธิภาพ และดูว่าพวกเขากำลังส่งเสริมวัฒนธรรม Zappos ในการทำงานประจำวันหรือไม่
Tony Hsieh ผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอ กล่าวว่า “เราจะปลดพนักงานออก หากพวกเขาไม่เหมาะกับวัฒนธรรมองค์กร แม้ว่าพวกเขาจะทำงานได้อย่างสมบูรณ์ก็ตาม”
ในทำนองเดียวกันการประเมินผลการปฏิบัติงานของ Johnstone Supply ซึ่งเป็นบริษัทจัดหา Heating Ventilation and Air Conditioning ระบบควบคุมสภาพแวดล้อมภายในอาคาร ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ นั้นก็ให้ความสำคัญกับคุณค่าทั้งที่อยู่ตรงหน้าและศูนย์กลางเป็นอันดับแรก
ด้าน Chief HR Officer หรือ CHRO ของ Chris Geschickter กล่าวว่า "เราทำการตรวจสอบประสิทธิภาพค่านิยมของเรา ซึ่งนั่นคือเกณฑ์หลักของเรา ดังนั้นวิธีที่เราประเมินผลงานส่วนใหญ่คือ การสะท้อนค่านิยมหลักของเรา จากนั้นจึงประเมินว่าพฤติกรรมของพนักงานสอดคล้องกับค่านิยมเหล่านี้หรือไม่ ในแง่ของการบริการลูกค้า การทำงานเป็นทีม และอื่น ๆ ซึ่งสำหรับเราแล้ว การประเมินผลการปฏิบัติงานเปรียบเสมือนบทสนทนาตลอดทั้งปี โดยมีการจัดให้มีการประเมินตนเองเป็นจำนวนมาก”
แนวทางการประเมินตาม Values-based นั่นคือการสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลทั่วไป สำหรับการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานที่ทำงานแบบ Hybrid เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานที่เป็นหนึ่งเดียว แม้ว่าการรวม Values-based เข้ากับการประเมินผลการปฏิบัติงานจะไม่ใช่เรื่องใหม่เสมอไป
Ryan, LLC บริษัทที่ให้บริการด้านภาษี ได้เปลี่ยนมาใช้สภาพแวดล้อมการทำงานที่เน้นผลลัพธ์ในปี 2551 ทำให้พนักงานสามารถทำงานได้จากทุกที่และทุกเวลา โดยการทำงานเช่นนี้ได้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก และยังสามารถสร้างความพึงพอใจต่อลูกค้าได้อีกด้วย ทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เพิ่มสูงขึ้น
จะเห็นได้ว่ากุญแจสำคัญในการดำเนินการคือ แนวทางการประเมินผลการปฏิบัติงานที่ใช้ตัวชี้วัดที่มีประสิทธิภาพภายใต้ข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งมีการติดตามการทำงานอย่างสม่ำเสมอ และสามารถเข้าถึงได้ทุกเมื่อบน Internet Dashboard ที่สะดวก
อดีต Chief Human Resource Officer, Delta Emerson อธิบายว่า “ผู้จัดการและพนักงานสามารถเข้าสู่ระบบและดูแดชบอร์ดของพวกเขาได้ โดยจะแสดงเป้าหมายรายได้และเป้าหมายประสิทธิภาพอื่น ๆ รวมถึงจุดยืนที่พวกเขาอยู่และวิธีการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งนำไปสู่การจ่ายค่าตอบแทนที่สามารถสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานได้ และสุดท้ายผู้จัดการจะทำหน้าที่รับผิดชอบโดยการติดตามผลประกอบการและประเมินการมีส่วนร่วมในกลุ่มของพวกเขา
สิ่งสำคัญที่เห็นเด่นชัดคือ Ryan ให้ความชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมายและการวัดผลประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง สำหรับการทำงานแบบ Hybrid ซึ่งระบบการทำงานของพวกเขายุติธรรมและโปร่งใสทั้งสำหรับพนักงานที่ส่วนใหญ่ทำงานในออฟฟิศ และที่ทำงานแบบ Hybrid
เมื่อได้ข้อตกลงว่าจะใช้ตัวชี้วัดในการติดตามประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานแล้ว บริษัทก็ควรนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ยกตัวอย่างเช่น บริษัท General Electric ที่ใช้ระบบแอปฯ ให้พนักงานสามารถแชร์เป้าหมายหรือความก้าวหน้ากับคนในทีมของตัวเองได้ ซึ่งการทำแบบนี้จะส่งเสริมให้เกิดการพูดคุยถึงเรื่องประสิทธิภาพและความร่วมมือในการทำงาน
โดยแนวทางนี้มุ่งเน้นให้พนักงานและผู้จัดการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้จัดการ พนักงานหรือเพื่อนร่วมงานในทีมเข้าถึงและรับรู้ฟีดแบ็คของกันและกันได้ดีขึ้นตลอดช่วงการทำงาน ไม่ว่าจะทำงานจากที่ใดก็ตาม โดยถือเป็นหลักเกณฑ์ในการสนับสนุนการตัดสินใจเกี่ยวกับความก้าวหน้าในหน้าที่การทำงาน เช่น การเลื่อนตำแหน่ง และโอกาสในการพัฒนาศักยภาพที่สามารถเห็นได้อย่างเด่นชัด
การเปลี่ยนไปทำงานรูปแบบใหม่ไม่ว่าจะเป็นการทำงานจากที่ไหนก็ได้ หรือการทำงานแบบ Hybrid สำหรับหลายบริษัทถือเป็นเรื่องยุ่งยาก เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่สำหรับหลาย ๆ บริษัท แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปคือ การบริหารแบบเก่ายังคงสำคัญอยู่ ไม่ว่าจะเป็น การกำหนดเป้าหมาย การรับฟีดแบ็คจากเพื่อนร่วมงาน และการรายงานผลการดำเนินงาน
โดยความแตกต่างอยู่ที่วิธีการของบริษัทต่าง ๆ ซึ่งล้วนแต่ใช้วิธีการข้างต้นด้วยกันทั้งสิ้น จึงไม่แปลกที่บริษัทเหล่านี้จะประสบความสำเร็จด้วยเหตุผลทั้ง 3 ประการ ได้แก่
ประการแรกคือ = ให้ความพึงพอใจของลูกค้า มูลค่าของบริษัท ให้ความสำคัญกับวิสัยทัศน์ของบริษัท กิจกรรมหลัก และความสำเร็จของโครงการ
ประการที่สองคือ = ให้ความร่วมมือในการวาง Goal และมี session แลกเปลี่ยนความเห็น
ประการที่สาม = ส่งเสริมให้เกิดการร่วมมือกัน เพื่อเสริมสร้างทีมโดยแชร์ Performance ในที่ทำงาน และ Workforce
ดังนั้นบทเรียนที่ได้จากเรื่องนี้ ก็คือการหาแนวทางที่สร้างสรรค์ที่จะประเมินผลการปฏิบัติงานที่เป็นไปได้ และจำเป็นต่อการทำงานแบบ Hybrid ด้วย ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าพนักงานทุกคนได้รับการประเมินและพัฒนาที่เหมาะสมตามความสามารถของตน ไม่ว่าพวกเขาจะทำงานจากที่ไหนก็ตาม
ทั้งหมดนี้อาจจะทำให้ "Hybrid Working" หรือ การทำงานแบบไฮบริด ไม่ใช่แค่เทรนด์อีกต่อไป ซึ่งไม่แน่อาจว่าจะกลายเป็นวิถีการทำงานสมัยใหม่ ที่อาจจะพลิกโฉมการทำงานแบบดั้งเดิมไปโดยปริยาย แต่ก็ต้องย้อนกลับไปดูว่าองค์กรของคุณรองรับแนวทางการทำงานนี้หรือไม่ และประสิทธิภาพงานที่ได้มานั้นจะ "ดี" เทียบเท่ากับการทำงานในออฟฟิศไหม ? ดังนั้นการประเมินผลงานหรือ Performance Appraisal จึงสำคัญมาก ถือเป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญที่ช่วยให้การทำงานแบบ Hybrid นั้นได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามต้องการ
อ้างอิง Harvard Business Review
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด