Thrive Among Uncertainties: เปิดแนวคิดผู้นำองค์กรแห่งอนาคตกับ Michelle Bligh | Techsauce

Thrive Among Uncertainties: เปิดแนวคิดผู้นำองค์กรแห่งอนาคตกับ Michelle Bligh

ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ผู้นำจะพาองค์กรอยู่รอดได้อย่างไร? Michelle C. Bligh ผู้บริหารระดับสูงจากมหาวิทยาลัย Claremont ได้มาร่วมแบ่งปันแนวคิดสำคัญสำหรับผู้นำองค์กรและผู้ประกอบการ รวมถึงการสร้างนวัตกรรมเพื่อให้องค์กรเติบโตท่ามกลางความท้าทาย

ตอนนี้คุณกำลังศึกษาวิจัยเรื่องอะไรเป็นพิเศษ

ฉันเชื่อว่าสังคมเต็มไปด้วยคนที่มีศักยภาพในการเป็นผู้นำนั้น แต่เรามักจะใช้เวลาส่วนใหญ่สอนให้ผู้คนเป็นผู้ตามที่ดี เราสอนพวกเขาว่า ทำสิ่งนี้ อย่าทำสิ่งนั้น ปฏิบัติตาม ทำตามกฎ ทั้งหมดนั้นดีสำหรับสังคมที่ดำเนินไปอย่างราบรื่นและเหมาะกับการนำไปปฏิบัติ แต่มันไม่ดีสำหรับสังคมที่ต้องการคนที่มีวิสัยทัศน์ และการตั้งคำถาม เราต้องเปิดโอกาสผู้คน โดยไม่จำกัดว่าเขาจะมาจากชนชั้นทางเศรษฐกิจ ศาสนา หรือกลุ่มใดก็ตาม

อีกประเด็นหนึ่งคือความเท่าเทียมทางเพศ เราจะช่วยผู้หญิงเอาชนะอุปสรรคแวดล้อมเพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำระดับสูงได้อย่างไร แม้ว่านี่จะเป็นปี 2024 แล้ว ไม่ว่าคุณจะมองไปที่ไหนในโลก ผู้หญิงยังคงมีตัวแทนน้อยมากในตำแหน่งที่มีอำนาจมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล องค์กรแสวงหาผลกำไร หรือไม่แสวงหาผลกำไร

จะเห็นได้ว่าผู้หญิงมีอาชีพก้าวหน้าในองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีสินทรัพย์ต่ำกว่า 2 ล้านดอลลาร์ หรือในวงการการศึกษา แต่บริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 ซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 500 แห่งในโลกยังคงมีซีอีโอที่ชื่อว่า "จอห์น" มากกว่าผู้หญิงด้วยซ้ำ ดังนั้นเราต้องแก้ไขปัญหานี้ เพราะฉันเชื่อว่าการมีตัวแทนที่หลากหลายในตำแหน่งผู้นำสูงสุดมีความสำคัญ ยิ่งเรามีความหลากหลายมากเท่าไร เราก็จะเห็นนวัตกรรมมากขึ้น และบริษัทที่หลากหลายจะให้บริการผู้บริโภคและลูกค้าทุกประเภทมากขึ้น

เราจะลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำทางเพศในสถานที่ทำงานได้อย่างไร

ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะถ้ามันง่าย เราคงมีความก้าวหน้ามากกว่านี้แล้ว ในปี 1984 เราประกาศในหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ว่าเพดานได้ถูกทำลายลงแล้ว และคาดว่าผู้หญิงจะก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้นำต่างๆ แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้น เพราะผู้หญิงยังคงเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ผู้หญิงหลายคนต้องทำงาน 2-3 งานพร้อมกัน ดังนั้นเราจึงมีงานที่ต้องทำมากมาย เราต้องสร้างความมั่นใจในตัวเองให้กับผู้หญิง ทักษะการโปรโมทตัวเอง เพราะยังมีงานวิจัยจำนวนมากที่แสดงให้เห็นว่าผู้ชายและผู้หญิงที่มีพื้นหลังเหมือนกันเมื่อสมัครงานตำแหน่งเดียวกัน ผู้ชายมักจะกล้าเสนอชื่อ แต่ผู้หญิงกลับไม่ทำเช่นนั้นเพราะเธอรู้สึกว่าไม่มีประสบการณ์หรือคุณสมบัติเพียงพอ แม้ว่าจะมีคุณสมบัติเท่ากันก็ตาม ดังนั้นเราต้องทำงานเรื่องการโปรโมทตัวเอง การช่วยให้ผู้หญิงมีความมั่นใจในการก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้นำ และเราต้องทำงานเรื่องการให้คำปรึกษา ผู้ชายและผู้หญิงต้องให้คำปรึกษาและเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้เป็นผู้นำ ซึ่งมักจะหมายถึงคนที่มีอำนาจต้องถอยหลังออกมา เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้หญิงรุ่นใหม่ได้เข้ามาในตำแหน่งเหล่านั้น

ยิ่งมีความหลากหลายมากเท่าไร เราก็จะเห็นนวัตกรรมมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

องค์กรต้องมีเกณฑ์การโปรโมทและการจ้างงานที่เป็นธรรม ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ที่ทำงานเพียงงานเดียวเท่านั้นที่จะได้รับการโปรโมท นอกจากนี้ ในระดับสังคม การดูแลเด็กและผู้สูงอายุควรได้รับการยอมรับในเชิงเศรษฐกิจและมีทางเลือกที่สนับสนุนทั้งผู้ชายและผู้หญิง ดังนั้นเรายังมีงานที่ต้องทำอีกมาก

ปัจจุบันเราอยู่ในยุคแห่งความผันผวนไม่แน่นอน สิ่งสำคัญที่ผู้นำองค์กรควรมีอะไร

ความอยากรู้อยากเห็น (curiosity) และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคเศรษฐกิจฐานความรู้ (Knowledge Economy) ที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ผู้นำต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการทดลองและนวัตกรรม เปิดโอกาสให้ทีมได้เสี่ยงและเรียนรู้จากความล้มเหลวอย่างรวดเร็ว

สองคือ ความยืดหยุ่นหรือความอดทน (resilience) ผู้นำที่ดีต้องมีความมุ่งมั่นในสิ่งที่พวกเขาพยายามทำให้สำเร็จ ที่จริงแล้วงานของผู้นำไม่ได้สูงส่งหรูหรา แต่ต้องทำงานหนัก และทำงานร่วมกับผู้คนมากมาย ต้องพยายามเข้าใจพวกเขาและสิ่งที่กระตุ้นให้พวกเขาทำงาน

และสิ่งที่สามคือ ความสามารถในการปรับตัว (adaptablilty) สิ่งที่ใช้ได้กับคนหนึ่งอาจใช้ไม่ได้กับอีกคนหนึ่ง สิ่งที่ใช้ได้ในงานหนึ่งอาจใช้ไม่ได้ในงานอื่น ดังนั้นผู้นำที่ดีจึงต้องปรับตัวตามสถานการณ์และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล แต่ยังต้องรักษาความสม่ำเสมอในเป้าหมายและค่านิยมของตนเอง เพราะถ้าหากไม่มีความสม่ำเสมอ ผู้คนจะไม่เชื่อถือและไม่เคารพคุณ ดังนั้นการมีสมดุลระหว่างความเป็นตัวจริงและความสม่ำเสมอในฐานะผู้นำ รวมถึงความสามารถในการปรับตัวของคุณตามบริบทที่แตกต่างกัน นั่นคือสิ่งที่ทำให้การเป็นผู้นำเป็นทั้งศาสตร์ของศิลปะและวิทยาศาสตร์

จำเป็นแค่ไหนที่องค์กรจะต้องมี Resilience เพื่อปรับตัวตามความไม่แน่นอน

อันที่จริงวัฒนธรรมองค์กรมักมีความยืดหยุ่นอยู่แล้ว และผู้นำองค์กรหลายคนมักพบปัญหาว่ามีความยืดหยุ่นมากเกินไปจนทำให้พนักงานและผู้นำปรับตัวได้ไม่เร็วพอเมื่อโลกเปลี่ยนไป ความยืดหยุ่นจึงเป็นคำที่น่าสนใจ การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีต้องให้ความสำคัญกับค่านิยมและแก่นหลักของบริษัทต้องมีความคงที่ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกวัน ไม่อย่างนั้นลูกค้าและพนักงานก็จะสับสน ตัวคุณเองในฐานะผู้นำก็จะสับสนเช่นกัน ส่วนที่สองคือ การนำนวัตกรรมเข้ามาในวัฒนธรรมองค์กร เราต้องหาวิธีใหม่ๆ ในการปรับตัวกับกระบวนการและการทดลองสิ่งใหม่ๆ ดังนั้น คุณต้องมีทั้งสองสิ่งนี้ เหมือนกับหยินและหยางของการรักษาและนวัตกรรม เพื่อรักษาวัฒนธรรมขององค์กรให้มีความยืดหยุ่น

การสร้างนวัตกรรมคือกุญแจสู่การสร้างความสำเร็จขององค์กรใช่ไหม

ฉันคิดว่าทั้งใช่และไม่ใช่ ในแง่ที่ว่าแม้แต่กับความสำเร็จขององค์กร ฉันคิดว่ามันเป็นการสร้างสมดุลที่คล้ายกัน คุณยังคงต้องมีแก่นแท้ของความเป็นบริษัทของคุณ เหตุผลที่คุณดำรงอยู่ และจุดประสงค์ของคุณ จากนั้นคุณสามารถสร้างนวัตกรรม ปรับตัว และคิดค้นวิธีใหม่ๆ เพื่อทำให้จุดประสงค์นั้นเป็นจริง แต่บริษัทที่ไล่ตามนวัตกรรมใหม่ๆ และแนวคิดที่แตกต่างอยู่ตลอดเวลามักไม่ประสบความสำเร็จในระยะยาว เพราะพวกเขามีนวัตกรรมมากเกินไปและไม่มีความสม่ำเสมอเพียงพอที่จะสร้างฐานลูกค้าที่เข้าใจว่าบริษัทให้ความสำคัญกับอะไรและดำรงอยู่เพื่ออะไร

ผู้นำควรจะสื่อสารกับพนักงานอย่างไร เมื่อบริษัทหันมาใช้ AI ในองค์กรกันอย่างกว้างขวาง

AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของมนุษย์แทนที่จะทดแทนงาน AI สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัว ช่วยงานต่าง ๆ และให้เวลาเรามากขึ้นสำหรับการปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ การยอมรับและเรียนรู้การใช้ AI สามารถทำให้พนักงานมีความสามารถในการจ้างงานมากขึ้น หนึ่งในสิ่งที่น่าตื่นเต้นมากเกี่ยวกับ AI คือ มันช่วยให้เราทุกคนมีผู้ช่วยส่วนตัว ใครบ้างไม่อยากมีผู้ช่วยส่วนตัวที่คอยสนับสนุนคุณในบางเรื่อง? เช่น ช่วยเขียนอีเมลของคุณ แนะนำข้อความ ถ้าคุณสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น คุณก็จะมีเวลามากขึ้นสำหรับการปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์และส่วนอื่นๆ ของงาน นั่นเป็นความสามารถและทักษะที่ยอดเยี่ยม

AI ก็เหมือนเครื่องมืออื่นๆ เราต้องเรียนรู้วิธีใช้ เราต้องยอมรับมัน และเราต้องตระหนักว่าเทคโนโลยีทุกอย่างสร้างความกลัวและความวิตกกังวลให้กับผู้คนเมื่อมันถูกนำมาใช้ครั้งแรก ผู้คนไม่รู้ว่ามันจะทำอะไร จะใช้มันอย่างไร แต่สิ่งที่ดีเกี่ยวกับตอนนี้คือเรากำลังเรียนรู้ไปด้วยกัน มันเป็นสิ่งใหม่มาก และนั่นให้โอกาสเราในการช่วยกำหนดรูปแบบการใช้งาน วิธีการใช้ และขอบเขตที่เราจะกำหนดให้มัน

ผู้นำควรมีบทบาทสำคัญในการแนะนำและพูดคุยกับทีมงานเกี่ยวกับการใช้งาน AI โดยการแบ่งปันประสบการณ์ทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว สนับสนุนให้ทีมทดลองและรายงานผลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเรียนรู้และพัฒนาการใช้งาน AI อย่างต่อเนื่อง

AI อาจมีข้อจำกัด เช่น ภาวะ hallucination อคติ (bias) หรือให้ข้อมูลผิดพลาด ผู้ใช้จึงต้องวิเคราะห์และตรวจสอบข้อมูลจาก AI อยู่เสมอ นอกจากนี้ AI ยังสามารถนำมาใช้สร้างความสนุกสนานและสร้างสัมพันธ์ในทีมได้ เช่นเดียวกับที่ Mihili Csiksat Mihai นักวิชาการจาก Claremont เน้นย้ำว่าชีวิตควรมีทั้งการทำงานและความสนุก เราสามารถนำแนวคิดนี้มาใช้ในที่ทำงานเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับทีมได้เช่นกัน

เทรนด์ที่จะมีบทบาทสำคัญในการทำงานและการขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจในอนาคตคืออะไร

มีหลายเทรนด์ที่น่าสนใจและจะยังคงมีบทบาทสำคัญต่อไป

ประการแรก เราจะเห็นองค์กรมุ่งเน้นการพัฒนาความสามารถของบุคลากรมากขึ้น พนักงานต้องเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ อยู่เสมอ ไม่ใช่แค่ทำงานเพื่อความมั่นคงอย่างเดียว

ประการที่สอง ความก้าวหน้าในอาชีพจะไม่เป็นเส้นตรงอีกต่อไป แต่จะมีลักษณะเป็นวงจรที่ผู้คนผสมผสานทักษะและอาชีพหลากหลายเข้าด้วยกัน

ประการที่สาม แนวโน้มการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการพัฒนาทักษะแบบ Reskill และ Upskill จะยังคงมีความสำคัญ นอกจากนี้ คาดว่าเราจะเห็นเทรนด์ Gig Economy และการเป็นผู้ประกอบการมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง คนผิวสี และกลุ่มชายขอบ ที่อาจเผชิญความท้าทายในการทำงานกับบริษัทขนาดใหญ่ เทรนด์ธุรกิจเสมือนจริงก็จะยังคงมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษา งานฟรีแลนซ์ การติว โค้ชชิ่ง ซึ่งสามารถทำงานร่วมกันได้จากทั่วทุกมุมโลก 

สุดท้ายนี้ ฉันหวังว่าการเข้ามาของ AI จะช่วยให้เรามีเวลาโฟกัสกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและการดูแลจิตใจมากขึ้น โดยที่เราสามารถทำให้งานบางอย่างเป็นระบบอัตโนมัติ เพื่อที่เราจะสามารถมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่เราต้องการทำจริงๆ


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Gartner คาด Everyday AI จะบูม! ใน Digital Workplace ภายใน2 ปี องค์กรต้องปรับตัวรับด้วย DEX

Gartner บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาชั้นนำ ได้เผยแพร่รายงาน Hype Cycle for Digital Workplace Applications, 2024 ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI กำลังจะเข้ามามีบทบาทสำคัญ...

Responsive image

Techsauce ประกาศความร่วมมือ Outcome เปิดตัว Innovation Accounting Service เพื่อช่วยองค์กรวัดผลด้าน Innovation อย่างมีประสิทธิภาพ

Techsauce ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Outcome ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านนวัตกรรม เพื่อนำเสนอบริการ Innovation Accounting Service ภายใต้ชื่อ SATORI...

Responsive image

รู้จัก THaLLE (ทะเล) โมเดลภาษาขนาดใหญ่ ที่เชี่ยวชาญภาษาไทยและการเงิน พัฒนาโดย KBTG หวังพลิกโฉมวงการ AI ไทย

KBTG เปิดตัว THaLLE (ทะเล) หรือ Text Hyperlocally Augmented Large Language Extension โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่ถูกออกแบบมาให้มีความเชี่ยวชาญทั้งภาษาไทยและการเงินโดยเฉพาะ...